จากกรณีเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. 63 นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ชาวบ้านม่วงโป้ ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ร้องเรียนกับสื่อมวลชน ขอให้ผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจภูธรภาค 4 ติดตามการทำงานการสืบสวนจับกุมของตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร กรณีที่เข้าแจ้งความจับนายอ๊อฟ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ขับขี่รถเก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า ซีวิค สีขาว ก่อเหตุฉุดขึ้นรถแล้วทำอนาจารในรถ เกรงว่าจะกลายเป็นมวยล้มเพราะนายอ๊อฟเป็นผู้มีเงินในเมืองมุกดาหาร
ล่าสุด วันที่ 4 ธ.ค. 63 นางสาวบี (นามสมมติ) เพื่อนผู้เสียหายที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าผ่านทางโทรศัพท์ว่า วันที่ 1 ธ.ค. 63 ตนกับนางสาวเอ ผู้เสียหาย มาเที่ยวสถานบันเทิงในย่านตะวันแดง กับเพื่อนผู้ชายอีก 2 คน ซึ่งอาศัยอยู่ จ.มุกดาหาร จากนั้นวันที่ 2 ธ.ค. 63 เวลาประมาณ 01.00-02.00 น. ตนกับนางสาวเอ และเพื่อนผู้ชายอีก 2 คนได้มากินข้าวที่ร้านแจ่วฮ้อน
ระหว่างที่นั่งกินข้าว นางสาวเอได้ขอให้ไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะหายไปหลายนาที ตนโทรตามก็ไม่รับสายประมาณ 10-20 สาย จึงเดินตามหาอยู่ข้างร้าน และโทรหาแม่ของนางสาวเอ เพื่อบอกว่า น้องไปเข้าห้องน้ำและหายไป
จากนั้น แม่ของนางสาวเอจึงโทรหานางสาวเอประมาณ 3-4 ครั้ง แต่ก็ไม่รับสาย ซึ่งปกติโทรไปต้องรับสายตลอด กระทั่งนางสาวเอรับสาย แม่ของนางสาวเอได้โทรมาบอกว่า "กำลังจะถูกข่มขืน ช่วยน้องด้วย" สักพักคู่กรณีได้ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีขาว เข้ามาส่งนางสาวเอที่ร้านแจ่วฮ้อน แล้วขับรถออกไป
โดยนางสาวเอ เล่าว่า เคยเจอกันประมาณ 1-2 ครั้ง เพราะเคยแลกไลน์กันไว้ และเคยทักมาคุยกันบ้าง กระทั่ง วันที่เกิดเหตุบังเอิญไปเจอกันที่สถานบันเทิงในย่านตะวันแดง คู่กรณีพูดจาดี ไม่ได้พูดเชิงชู้สาว ก่อนจะแยกกันไปกินข้าว แต่ระหว่างที่กินข้าวคู่กรณีได้โทรเข้ามาหานางสาวเอ แล้วชวนให้ออกไปหาและให้นั่งคุยกันในรถ ก่อนจะขับรถออกไปจากร้าน และจอดรถข้างทาง
ซึ่งบริเวณนั้นไม่มีบ้านคน ไม่มีรถผ่าน ห่างจากร้านประมาณ 4-5 กิโลเมตร แล้วลวนลาม แต่แม่ของนางสาวเอโทรมาหลายครั้ง คู่กรณีจึงยอมให้รับสาย และยอมมาส่งตัวกลับ
ล่าสุด พี่สาวของคู่กรณีโทรมาขอไกล่เกลี่ย เพราะรถที่ใช้ก่อเหตุเป็นของพี่สาว ส่วนทางพ่อกับแม่ของผู้เสียหายอยากจะขอเข้าไปเจรจากับทางคู่กรณี
ทีมข่าวได้เดินทางมาที่ร้านแจ่วฮ้อน ในย่านตะวันแดง อ.เมือง จ.มุกดาการ ห่างจากสถานบันเทิงประมาณ 210 เมตร และจุดที่คาดว่า คู่กรณีน่าจะลงมือก่อเหตุ ไม่มีบ้านคน พบว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นทางเลี่ยงเมือง ลักษณะถนนเป็นถนนสองเลน ไม่มีไฟส่องสว่าง
นางทองกราว (นามสมมติ) เจ้าของร้านแจ่วฮ้อน เปิดเผยว่า วันที่ 2 ธ.ค. ช่วงเวลาเที่ยงคืนจนถึงตี 3 ตนไม่ทันได้สังเกตใครเป็นพิเศษ เพราะมีลูกค้าเยอะ และบางโต๊ะก็นั่งเต็มโต๊ะ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำ และเป็นคนพื้นที่ โดยปกติตนจะเก็บภาพในร้านไว้ เพื่อโฆษณาร้าน และถ่ายเก็บไว้ ป้องกันลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงินค่าอาหาร แต่วันนั้นคนเยอะมาก ตนไม่มีเวลาได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ส่วนรถฮอนด้า ซีวิคสีขาว ตนไม่ทราบว่า มีเข้ามาจอดหรือเปล่า เพราะวันนั้นมีรถจอดเยอะมาก
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกสงสารผู้เสียหาย และไม่อยากจะให้เกิดเหตุ ซึ่งในพื้นที่ก็ไม่เคยได้ยินข่าวลักษณะนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะฝากเป็นอุทาหรณ์ ขอให้ผู้หญิงที่มาเที่ยวกลางคืนหรือไปไหนมาไหนย่ามค่ำคืนระมัดระวังตัวด้วย
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นจะเรียกทางผู้เสียหายเข้ามาสอบถามปากคำในวันพรุ่งนี้ ก่อนจะออกหมายเรียกทางคู่กรณีเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่มีการเรียกคูกรณีเข้ามาพูดคุยแต่อย่างใด เพราะต้องรอสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมก่อน