ผวา! สาวแสบวางเพลิงเผารถญาติ 5 คัน สูญ 6 ล้าน ผัวช็อกวงจรปิดหรา ยันไร้ปมขัดแย้ง (คลิป)

วันที่ 9 ม.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุจากผู้ร้องทุกข์ว่ามีคนวางเพลิงรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย โดยเป็นรถยนต์เสียหาย 4 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน 

โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 64 ช่วงเวลา 03.00 น. บริเวณหน้าบ้านพักของนายชาตรี หมู่ 9 ซอยเพรชหึงษ์24 ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถยนต์ได้รับความเสียหาย 4 คัน ได้แก่ คันที่ 1 รถเก๋ง ยี่ห้อ มิซซูบิชิ รุ่นมิราจ สีขาว หมายเลข ทะเบียน ฆด 4759 กทม. ถูกเพลิงไหม้บริเวณฝากระโปรง และถูกขีดสีรอบรถ

คันที่ 2 รถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน ฎอ 5633 กทม. ถูกเพลิงไหม้บริเวณฝากระโรงหน้า และรอยขีดสีรอบคัน

คันที่ 3 รถกระบะ ยี่ห้อมิซซูบิชิ ไทรทัน สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌธ 8287 กทม. ถูกเพลิงไหม้บริเวณกระโปรงหน้ารถ

คันที่ 4 รถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ หลังคาสูง หมายเลขทะเบียน ลพ 9628 กทม. ถูกขีดสี

และคันที่ 5 รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า PCX 150 สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน 8 กค 4639 กทม. เพลิงไหม้เสียหายทั้งคัน

โดยผู้เสียหายคาดว่า เป็นฝีมือของนางสาวน้ำผึ้ง ที่เข้ามาจุดไฟเผาผ้าใบข้างบ้านของนายชาตรี แต่คนในบ้านใช้น้ำช่วยกันดับทัน นายชาตรีจึงเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวนให้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี

ทีมข่าวได้ลงพื้นบริเวณบ้านของนายชาตรี ย่านพระปะแดง ตั้งอยู่สุดซอย ห่างไกลจากชาวบ้านไม่ค่อยมีแสงสว่าง นางสาวน้ำ (นามสมมติ) ลูกสาวของผู้เสียหาย ระบุว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลาช่วง 01.30 น. ทุกคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว แม่ของตนได้ยินเสียงระเบิดดังมาก แต่ขณะนั้นไม่ทราบว่าอะไรระเบิด จึงปลุกให้ทุกคนในครอบครัวตื่น พอเปิดประตูบ้านออกมาพบว่าไฟลุกถึงต้นมะม่วง จะช่วยกันนำน้ำมาดับไฟ สักพักรถเก๋งของพี่ชายเกิดเพลิงไหม้ที่ฝากระโปรงรถ และไฟลุกที่ฝากระโปรงรถยนต์อีกหลายคัน พร้อมกับรถยนต์มีรอยกรีด ภายหลังจากเกิดเรื่องจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคนในครอบครัวคิดว่าเป็นไฟลัดลงจร

แต่เมื่อเห็นรอยกรีดแล้ว จึงเชื่อว่าเป็นการวางเพลิง เมื่อสอบถามคนในครอบครัวว่าเคยไปมีเรื่องกับใครหรือไม่ ซึ่งคนในครอบครัวปฏิเสธ ขณะนี้มีรถยนต์เสียหายทั้งหมด 4 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นรวมแล้วประมาณไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุจึงได้เรียกทุกคนในครอบครัวของตนมาสอบถาม และได้เรียกป้าสะใภ้ของตนมาพูดคุย โดยป้าสะใภ้ได้บอกว่ากลับมาถึงบ้านในช่วงเวลา 01.00 น. และกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ นอกจากนี้รถของป้าสะใภ้ก็มีรอยกรีดด้วย แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำ ซึ่งทำให้ตนนั้นสงสัยว่าช่วงเวลา 01.30 น. ทำไมป้าสะใภ้ไม่เห็นผู้ก่อเหตุ

จากนั้น รุ่งเช้าวันต่อมาทั้งครอบครัวของตนได้ตัดสินใจติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในบ้าน 2 ตัว จากนั้นก็ช่วยกันสังเกตคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอด ก่อนเวลา 22.30 น. ป้าสะใภ้ของตนได้กลับมาก่อเหตุอีกครั้ง พยายามจุดไฟเผาผ้าใบข้างบ้าน ครอบครัวของตนได้เข้ามาช่วยกันห้ามปราม ก่อนที่ป้าสะใภ้จะหลบหนีไป ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องครอบครัวของตนไม่ได้หลับ นอนขวัญผวาเพราะกลัวว่าป้าสะใภ้จะกลับมาก่อเหตุอีกครั้ง อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าคอบครัวของตน ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับป้าสะใภ้ ไม่เคยดูถูกหรือเหยียดหยาม และตนมองว่าพฤติกรรมของป้าสะใภ้รุนแรงเกินไป อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุให้ได้เร็วที่สุด

นายสน (นามสมมติ) เปิดเผยว่า ช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นตนพักอาศัยอยู่กับครอบครัวของนายชาตรี โดยจะพักอาศัยกันทั้งหมด 7 คน มีแม่ของตน, ตน, นายชาตรี น้องชายของตน, ภรรยาของนายชาตรี และลูกชายลูกสาวของนายชาตรี 3 คน ขณะที่เกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิดคาดว่าไฟไหม้บ้าน แต่เปิดประตูออกมาพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ระเบิด จึงช่วยกันหาน้ำดับไฟ ขณะนั้นไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ และตนก็ไม่เห็นภรรยาของตนอยู่บริเวณนั้น

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมภรรยาถึงกระทำแบบนี้ เพราะเป็นครอบครัวเดียวกัน ก่อนหน้านี้ภรรยาก็ไม่เคยมาปรึกษาว่ามีปัญหาอะไรกับใคร แทบจะไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ตนยังมึนงงว่าสาเหตุเกิดจากอะไร โดยที่ผ่านมาตนได้แยกอาศัยอยู่กับภรรยาตนมานานกว่า 20 ปีแล้ว ตนได้ให้ภรรยาของตนนั้นพักอาศัยอยู่กับแม่ยายของตน ส่วนตนมาดูแลแม่ที่ชราที่บ้านของนายชาตรี  หลังที่จะเกิดเหตุก็วิตกกังวลพากันนอนไม่หลับขวัญเสีย ตนก็อยากจะฝากบอกภรรยาว่าเขาไม่น่าจะกระทำแบบนี้ ตนเสียใจมาก ส่วนภรรยาจะมาขอโทษ ขอดูอีกทีว่าจะให้อภัยได้หรือไม่