แพทย์สุดยื้อ ช้างป่ากุยบุรีล้มแล้ว ผ่าชันสูตรพบ "กระสุน" ฝังทั่วตัว

10 ม.ค. 64

ช้างป่าบาดเจ็บล้มแล้ว​ หลังสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ติดตามรักษาอาการเกือบเดือน​ จากการผ่าพิสูจน์พบกระสุนฝังทั่วตัว​ เบ้าตา​ และงวงจำนวนมาก

นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์​ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี​ เปิดเผยว่า​ วันที่​ 9​ มกราคม​ ที่ผ่านมา​ นางสาวสุพร พลพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี สัตวแพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ,สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย เข้าประเมินอาการช้างป่าบาดเจ็บและวางแผนการรักษา

โดยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และทีมสัตวแพทย์ลงความเห็นว่าให้เคลื่อนย้ายช้างป่าไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง​ เพื่อความสะดวกในการดูแลช้างตัวดังกล่าว ต่อมาเวลา 10.48 น. ทีมสัตวแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายช้างป่าเบื้องต้นพบว่าช้างป่ามีอาการท้องอืด​ จึงทำการให้น้ำเกลือ, ยาแก้ท้องอืด , ลดปวด, ลดอักเสบ

ต่อมาในเวลา 14.30 น. จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายช้างด้วยรถบรรทุกมายังที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี แต่ช้างมีอาการหัวใจหยุดเต้น ทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่เข้าทำการช่วยเหลือทันที แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้​ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 (ค่ายพระมงกุฏเกล้า) ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ นำโดย ร.ต.อ.ยงยุทธ โชติชนะเสรี ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ดำเนินการตรวจหาวัตถุด้วยเครื่องสแกนโลหะตามตัวช้าง พบโลหะทั้งหมด 25 จุด

ผลการผ่าชันสูตร โดยใช้เครื่องสแกนโลหะ พบกระสุนปืนลูกซอง เบอร์12 (ลูก9) จำนวน 40 เม็ด ลูกกระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 2 เม็ด และลูกปลาย จำนวน 1 เม็ด พบกระสุนในจุดสำคัญบริเวณใต้เบ้าตา 2 ลูก​ ซึ่งเป็นเหตุทำให้ตาขวามีอาการอักเสบมองไม่เห็นมีลักษณะเป็นฝ้าขาว ส่วนขาหน้าด้านซ้าย พบกระสุนในกระดูก 3 เม็ด มีหนองในข้อกระดูกจำนวนมาก พบกระสุนทะลุซี่โครง ซี่ที่ 7 และ ซี่ที่ 9 จำนวน 2 เม็ด และกระสุนอีก 38 เม็ด กระจายอยู่ทั่วบริเวณงวง ใต้รักแร้ และลำตัว

สำหรับสภาพอวัยวะภายใน พบปอดมีอาการอักเสบบวมแดง ไตบวมสีซีด ตับซีด มีจุดเลือดออก และมีรอยแผลเป็น หัวใจพบจุดเลือดออก ผนังทางเดินอาหารหลุดลอก พบจุดเลือดออกอักเสบแดงและแผลหลุมในกระเพาะอาหาร ขาหน้าขวาบวมแดง พบหนองด้านใน

สันนิษฐานสาเหตุการตายเกิดจากสภาพที่พบดังกล่าวทำให้อวัยวะภายในล้มเหลว ซึ่งสัมพันธ์กับผลค่าโลหิตวิทยา ที่ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบว่า มีค่าเม็ดเลือดแดง ค่าเม็ดเลือดขาว ค่าตับ และค่าไตผิดปกติ จึงเป็นสาเหตุทำให้ช้างป่าตาย เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำพิธีก่อนฝังกลบซากช้างตามหลักวิชาการ

1

3_2

1610279952742_0

1610279387140

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ