"อนุทิน" ยืนยันพร้อมเป็นหนูทดลอง ฉีดวัคซีนโควิดคนแรกของประเทศ แม้ได้ผลแค่ 50 % เชื่อช่วยให้โรคทุเลาลง-มีการพัฒนาในอนาคต
วันนี้(15 ม.ค.64) เวลา 09.30 น.วันที่ 15 ม.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่จะนำมาฉีดให้กับคนไทย โดยยืนยันว่า จะขอเป็นผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นคนแรกเหมือนเดิม ตามที่เคยยืนยันมาก่อนหน้านี้
นายอนุทิน กล่าวว่า วัคซีนที่ผลิตมาในโลกตอนนี้มีการพิสูจน์และยืนยันแล้วว่า ต่อให้มีประสิทธิภาพเพียง 50-60-70% ก็แล้วแต่ แต่ทุกวัคซีนไม่ทำให้โรคนี้พัฒนาไปจนเป็นอาการหนัก ถ้าป่วยก็ไม่ป่วยหนัก และไม่พัฒนาไปถึงขึ้นทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าได้รับวัคซีนแล้วโรคก็จะทุเลาลง ต่อให้มีการติดเชื้อบ้าง โดยเชื่อว่าในอนาคตก็ต้องมีการปรับปรุงและมีการพัฒนาไป ซึ่งผู้ที่ได้รับวัคซีนก็น่าจะมีประสิทธิผลที่มากขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- บราซิลเผย วัคซีนซิโนแวคของจีน ได้ผลเพียง 50.4%
- เปิด 4 กลุ่มแรก ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 2 เข็ม ห่าง 1 เดือน เริ่ม ก.พ.นี้
- เจ้าสัวเร่งเครื่อง! ซีพีทุ่ม 1.5 หมื่นล้าน ถือหุ้นซิโนแวคผลิตวัคซีนโควิด-19
- คนไทยได้ใช้วัคซีนโควิด ก.พ. เรียงลำดับการฉีดตามความจำเป็น
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ถ้าดูจากข่าววัคซีนแต่ละยี่ห้อจะมีประสิทธิผลที่มากบ้าง น้อยบ้าง ซึ่งในทางการแพทย์ก็บอกแล้วว่า แต่ละชนิดมันไม่เหมือนกัน มันเทียบกันไม่ได้ เราต้องดูให้ละเอียดมากกว่านี้ ทั้งนี้ส่วนใหญ่ยังเห็นว่าเป็นทิศทางในทางที่ดีอยู่และบรรดาแพทย์ก็ยังมีความมั่นใจว่าเราควรจะต้องมุ่งเน้นการฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้มากที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามกรณีที่มีบางประเทศพบอาการแพ้ ทำให้ประชาชนไทยเกิดความกังวล นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามหมอ ตนไม่สามารถตอบเรื่องพวกนี้ได้ ไม่สามารถทำให้เกิดความมั่นใจได้เพราะไม่ใช่แพทย์ ดังนั้นจึงตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสถานการณ์วัคซีนขึ้นมา โดยมีนพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข อดีตอธิบดีกรมควบคุมโรคและอดีตอธิบดีกรมอนามัย จะมาดูแลเรื่องของนโยบาย
ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ อนุกรรมการฯ ชุดนี้ได้เริ่มประชุมนัดแรกแล้ว เพื่อจัดระเบียบเรื่องของวัคซีน ว่าวัคซีนไหนควรจะใช้กับกลุ่มคนไหน ควรจะได้รับวัคซีนเมื่อไหร่ อย่างไร เพื่อจัดกลุ่ม จัดลำดับ ซึ่งเป็นเรื่องทางการแพทย์ที่จะต้องดำเนินการ และในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการรายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ได้รับทราบ และจะมีการแถลงให้สื่อมวลชนได้รับทราบต่อไป
