จับข้าราชการซี 7 ผันตัวเป็นโจรตระเวนขโมยรถมือสอง ถูกแฉอ้างมั่วรับจ็อบนำเที่ยว (คลิป)

15 ม.ค. 64

จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 64 พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.สส.ภ.จว.อุบลราชธานี พร้อมด้วย พ.ต.ท.นพดล เปลี่ยนรูป รองผกก.สส.สภ.เมืองอุบลราชธานี จับกุมนายเริงฤทธิ์ อายุ 45 ปี ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุข ชำนาญการสำนักงานสาธารณสุข ระดับซี 7 ใน จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาตระเวนก่อเหตุลักรถยนต์เต็นท์รถมือสอง รวม 3 คัน

917103

คันแรกลักรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีเทา หมายเลขทะเบียน 6กพ-6064 กรุงเทพมหานคร ที่เต็นท์รถตุ้มยนต์ ต.ขามใหญ่อ.เมืองอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 63

504211

คันที่สอง ก่อเหตุลักรถยนต์ตู้ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคอมมูเตอร์ สีเทา หมายเลขทะเบียน ฮล-702 กรุงเทพมหานคร ที่เต็นท์รถโตโยต้าชัวร์ ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 63

คันที่สาม ลักรถยนต์ตู้ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคอมมูเตอร์ สีเทา หมายเลขทะเบียน นข-7803 อุบลราชธานี ที่เต็นท์รถก้านเจริญยนต์ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 64 โดยมีกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายไว้ได้

151338

นายเริงฤทธิ์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุลักรถยนต์ทั้ง 3 คันจริง อ้างว่านอกจากรับราชการสำนักงานสาธารณสุขแล้ว ตนมีอาชีพเสริม ทำรถตู้รับจ้าง และนำเที่ยวในประเทศลาว ต่อมาปีที่แล้วประสบกับปัญหาโรคโควิด-19 ระบาด ทำให้ธุรกิจนำเที่ยวขาดทุน รถถูกยึดไปหมดทุกคัน แล้วยังต้องขายทรัพย์สินหาเงินมาใช้หนี้ที่ยืมมาลงทุนด้วย จึงตัดสินใจใช้วิธีทำทีเดินเข้าไปเลือกดูรถที่จอดขายตามเต็นท์รถมือสอง ก่อนฉวยโอกาสขโมยกุญแจรถที่เสียบอุ่นเครื่องไป แล้วย้อนกลับมาลักรถช่วงปลอดคนภายหลัง

112346

ด้านนายสุพศิน สุโภภาค อุปนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวอุบลราชธานี ผู้ประกอยกิจการค้าไทย-ลาว บอกว่า สถานการณ์โควิด-19 สร้างผลกระทบ ก็ต้องยอมรับว่าสร้างผลกระทบให้ทุกคน เช่นธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบหักมากเช่นกัน หลายบริษัทต้องปิดตัวลง เรื่องที่เกิดขึ้นตามที่นายเริงฤทธิ์กล่าวอ้างว่าเป็นเพราะได้รับผลกระทบและเดือดร้อนจากโควิดนั้น ก็ต้องยอมรับว่าทุกธุรกิจได้รับผลกระทบจริง

945868

แต่จากการสอบถามเพื่อนในแวดวงธุรกิจท่องเที่ยว ไม่มีใครรู้จักนายเริงฤทธิ์อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาเป็นผู้ประกอบการรายย่อย แต่อยากจะบอกว่าไม่ว่าจะใครจะทำธุรกิจอะไร แม้ว่าจะได้รับผลกระทบก็ไม่ควรก่อเหตุแบบนี้ เพราะคนอื่นก็เดือดร้อนเช่นกัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส