เดือด! ลุงพลเจอหมอปลาถูกสวนลืมตัวต้องควักพระโชว์ย้ำยังรัก เฮทนายตั้มช่วยคดี (คลิป)

21 ม.ค. 64

เมื่อวันที่ 20 ม.ค.64 นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ลุงเขยของน้องชมพู่ กล่าวให้สัมภาษณ์ ผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว ทางอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ว่า วันนี้อารมณ์ของตนก็ดีขึ้นแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ที่ตนไปดึงหน้ากากอนามัยของนักข่าวนั้น ปกติแล้วถ้าไม่มีเรื่องโรคโควิด-19 เข้ามา ตนก็จะเห็นหน้ากันอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นก็ยอมรับว่าโมโหและอารมณ์ขึ้นด้วย เพราะน้องฟ้า นักข่าวอมรินทร์ ทีวี ไม่ให้ถือไมค์เสียที นอกจากนี้ยังรู้สึกน้อยใจที่คุณพุทธเปลี่ยนไป กลายเป็นความรู้สึกน้อยใจว่าทำไมข่าวออกมาแบบนั้น แต่ตนก็ยังยืนยันคำเดิมว่า “ผมก็ยังเป็นลุงพลเหมือนเดิม”

960041

กรณีการแบ่งรายได้กับยูทูเบอร์นั้น ตนยืนยันได้ว่า ไม่มีการขอรับเงินอะไรทั้งสิ้น ยูทูเบอร์บางคนมาแค่ตัวเปล่า หรือบางคนไม่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการทำช่องก็มี ส่วนประเด็นของพ่อแบม มันมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ตนไปถามว่า “พ่อแบมจำเวลาผิดไหม มันน่าจะเป็นช่วงเวลา 7 โมงกว่าที่เจอกัน” เพราะตอนนั้นหัวหน้าโทรศัพท์มาให้ไปดูเครื่องสีข้าว แต่ถ้าเวลา 09.20 น. ตนอยู่ที่สวนยาง จับจีพีเอส และกลับออกมาจากสวนยาง 09.22 น.

ทั้งนี้ ตนรู้จักกับพระอาจารย์พลจริง เพราะท่านเป็นพระนักปฏิบัติ มีลูกศิษย์ลูกหาทั้งประเทศ แต่ตนยืนยันได้ตนไม่เคยมีเหล็กไหลจริง ๆ และตนก็ไม่ได้ถูกผีเข้าสิง ไม่มีอะไรเข้าสิงทั้งนั้น วันที่ไปแย่งไมค์น้องฟ้าจึงเป็นแค่อารมณ์เท่านั้น นอกจากนี้ตนเคยพูดแล้วว่า การอาบน้ำมนต์เป็นประเพณีของคนโบราณทางอีสาน ไม่เกี่ยวกับการทำของใส่ตน หรือเกี่ยวข้องกับหมอปลา

เช่นเดียวกับเรื่องพญาครุฑ ที่หมอปลามอบให้ตน แล้วตนยกให้คนอื่นไปแล้วนั้น เพราะตนมีเครื่องรางของขลังที่พกติดตัวจำนวนมาก และความจริงแล้วตนก็ยังคล้องเบี้ยแก้และยันต์โสฬส ที่หมอปลามอบให้ตั้งแต่ที่รู้จักกันวันแรก ไว้ที่คอของตนตลอด แม้กระทั่งเวลาอาบน้ำตนก็ยังไม่เคยถอดออกเลย ตนจึงกล้าพูดว่าตนไม่ได้สร้างภาพ แรงมาแรงไป นิสัยตนเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการประชุมอะไรก็ตาม ตนก็จะเป็นคนพูดเสียงดัง ตนยังเป็นลุงพลคนเดิม อยู่กับหมอปลาแบบไหน ก็อยู่กับพี่น้ำฟ้า ภรรยาหลอปลาแบบนั้น แต่ระยะหลัง ๆ ที่มีสื่อมาถามถึงหมอปลา พี่น้ำฟ้า ทนายโนบิ คุณอัจฉริยะ ตนก็บอกว่า “ผมไม่ขอตอบได้ไหม ไม่อยากพูดถึง ไม่อยากพาดพิงถึงใคร”

255492

อย่างไรก็ตาม ถ้าหมายจับมาออกที่ตน ก็คงจะใช้สิทธิ์ต่อสู้ตามขั้นตอนและกระบวนการยุติธรรม เช่น การประกันตัวออกมาสู้คดี ทั้งนี้ตนยังได้ติดต่อไปที่ "ทนายตั้ม" หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพราะเชื่อว่าทนายตั้ม มีความสามารถ และคงจะเข้ามาดูแลคดีน้องชมพู่ เพราะเป็นคดีใหญ่ แต่ถ้าเป็นคดีเล็กๆ เช่น กรณีหมอปลาไปแจ้งความหมิ่นประมาทตน ทนายตั้มแจ้งว่าจะไม่ขอข้องเกี่ยว

ส่วนคุณอัจฉริยะกับทนายตั้มจะมีปัญหากันหรือไม่ ตนทราบว่า เมื่อก่อนทั้งคู่เคยรู้จักเป็นพี่น้องกันมาก่อน แต่จู่ ๆ ตนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มารู้ข่าวอีกทีก็ทราบว่าทั้งคู่ไม่ถูกกันแล้ว แต่ตนก็ยังมั่นใจว่า ความรู้ ความสามารถของทนายตั้ม จะมาสามารถช่วยเหลือตนได้ ส่วนหมอปลาตนก็ขอให้กลับมาเป็นคนเดิม ที่จะช่วยตนเหมือนครั้งก่อนได้เเล้ว

นอกจากนี้ ลุงพล ยังกล่าวถึงประเด็นการสร้างศาลาสำนักสงฆ์ภูหลวงว่า ขณะนั้นหมอปลาแนะนำตนว่าไม่อยากให้เปิดบัญชีรับบริจาคส่วนตัว ตนก็ได้ทำตาม และขอให้ตนปิดบัญชีบริจาค แต่บังเอิญว่าช่วงนั้นเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ธนาคารปิด ทำให้ปิดบัญชีล่าช้าไป 3 วัน แต่เมื่อถึงวันทำการวันจันทร์ ตนก็รีบอายัดบัญชีทันที แต่ก็พบว่ามีเงินเข้ามาในบัญชีจำนวน 886,914.82 บาทแล้ว ส่วนเรื่องความโปร่งใส ตนยืนยันได้ว่าโปร่งใส 100% แต่เรื่องการนำรูปคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตมาตัดต่อชักชวนให้เปิดบัญชีนั้น ตนขอให้พี่น้ำฟ้าช่วยสืบให้ตนได้หรือไม่ เพราะตนไม่ทราบและไม่มีความรู้เรื่องไอที แต่ตนก็มั่นใจว่า พี่น้ำฟ้ามีความรู้เรื่องไอที สามารถหาต้นตอของภาพตัดต่อได้อย่างแน่นอน

655892

ด้านนายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา เปิดเผยในรายการทุบโต๊ะข่าว ทางอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ว่า ตนอยากให้ดูที่พฤติกรรมว่าใครเปลี่ยน ที่ลุงพลเคยถามตนว่าจริงใจกับลุงพลแค่ไหน ตนอยากให้มองย้อนไปที่การกระทำของตนกับลุงพลว่า ก่อนหน้านี้ใครกันที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ ที่ลุงพลให้สัมภาษณ์ว่า "อยากทราบว่าหมอปลาคนเดิมอยู่ที่ไหน" ตนอยากบอกลุงว่า ช่วงหลัง ๆ มานี้ลุงพลระแวงเกินไป ตนเคยเตือนหลายเรื่องแล้ว ทั้งเรื่องยูทูเบอร์ที่มาถ่ายทำ เรื่องการเปิดรับบริจาค และการติดเครื่องดักฟังที่บ้านลุงพล ซึ่งไม่แฟร์กับตนเลย

"ผมกล้าพูดว่าตอนที่ลุงพลไม่มีใคร ผมคือคนไทยคนเดียวที่เป็นห่วงลุงพลมาก ลุงก็น่าจะรู้ แต่หลังจากที่ลุงพลมียูทูเบอร์ข้างกาย ลุงก็ไม่ได้สนใจผมเลย ไม่ฟังผมเลย" หมอปลา กล่าว

หมอปลา กล่าวต่อว่า ลุงพลสามารถแจ้งความและอธิบายกับเจ้าหน้าที่ได้เรื่องความไม่ปลอดภัยได้ อีกทั้งลุงพลน่าจะรู้หมายเลขโทรศัพท์ในซิมที่ติดกับเครื่องดักฟังหรือเครื่อง GPS นั้น ตนอยากถามว่าแล้วลุงพลจะไม่รู้หมายเลขโทรศัพท์ได้อย่างไร ในเมื่อตรวจสอบได้จากการเช็กยอดเงินในซิมนั้น ส่วนที่ลุงพลขอให้ตนพาไปแจ้งความ ตนอยากให้ทราบเรื่องบรรยากาศที่เปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม

นอกจากนี้ ข่าวที่ออกมาก็มาจากยูทูเบอร์ข้างกายลุงพล ตนอยากถามว่าคนเหล่านั้นไว้ใจได้หรือไม่ ตนเคยเตือนแล้วเพราะข่าวที่ออกมาก็มาจากยูทูเบอร์ "ตอนนี้มากกว่าคำว่าสายเกินไป ทำไมลุงพลระแวงตน แล้วไม่มาหาตน แต่ไปเชื่อคำพูดของยูทูเบอร์แทน" เช่นเรื่องเหรียญพญาครุฑของตนกับภรรยาที่ลุงพลพูดผ่านสื่อว่า มอบให้คนอื่นแล้ว ก็หมายถึงความสัมพันธ์กับตน สื่อความหมายว่าไม่เอาตนแล้ว

541463

ดังนั้นวันนี้ตนอยากบอกว่า ทั้งเรื่องเครื่องดักฟัง หรือไสยศาสตร์ ตนไม่ได้ทำ ถ้าตนทำได้จริง คงจะทำใส่คนร้ายที่ทำร้ายน้องชมพู่แล้ว และที่ผ่านมาตนเตือนลุงพลมาตลอดว่า ไม่ให้แสดงพฤติกรรมไม่น่ารัก และพูดคุยกับสื่อหลักอย่างตรงไปตรงมาที่นำเสนอข่าวทุกทาง ไม่ใช่ยูทูเบอร์ที่นำเสนอเพียงด้านเดียว ทั้งนี้ ที่ตนไม่อยากยุ่งเกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่แล้ว เพราะลุงพลระแวงตนจึงต้องถอยห่าง ตนปากกับใจตรงกัน วันนี้ตนไม่เหมือนเดิม ถ้าตนบอกว่าเหมือนเดิม ก็คงเป็นการโกหกคนทั้งประเทศ ตนเคยเตือนว่าลุงพลว่าไม่ควรใช้ความรุนแรง ให้ทำตัวเหมือนลุงพลคนเดิมตอนแรกที่คุยกัน ส่วนที่ทำรุนแรงกับนักข่าวอมรินทร์ พระอาจารย์พลก็ควรตักเตือนลูกศิษย์ ไม่ใช่ถือหางลูกศิษย์อ้างว่าเพราะผีเข้า ตนมองว่าคำว่าขอโทษและยอมรับผิดก็จะทำให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ คนคิดว่าเรื่องการเปิดรับบริจาค ไม่มีความโปร่งใส อีกทั้งมีการตั้งยูทูเบอร์ที่ไม่ใช่คนในหมู่บ้านกกกอกมาเกี่ยวข้องกับบัญชีอีกด้วย ส่วนที่มีการอ้างว่าภรรยาตนเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก "อย่าหาทำ" ที่โจมตีลุงพล อยากถามว่าเอาอะไรคิด ทั้งที่ตนกับภรรยาก็ปกป้องลุงพล "วันนี้ลุงพลมีแฟนคลับมากมาย ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคดี เพราะไม่อยากเกาะกระแส ส่วนความสัมพันธ์จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่นั้น ผมขอให้ลุงพลเปิดใจก่อน เพราะเคยเตือนอะไรไป ลุงพลก็รับปากว่าจะทำ แต่ไม่เคยตามทำเลย" หมอปลา กล่าวทิ้งท้าย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส