กรณีเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 64 น.ส.เอ (นามสมมุติ) อาชีพขายเสื้อผ้าตลาดนัด อายุ 35 ปี ร้องเรียนถูกแฟนทำร้ายร่างกาย ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 11-13 ม.ค. 64 ที่ห้องพัก ย่านบางบัวทอง โดยได้ขอความช่วยเหลือจากคนขับวินจักรยานยนต์รับจ้าง และแท็กซี่ในย่านนั้น ให้พาไปแจ้งความที่ สภ.บางใหญ่ และรักษาตัวที่ รพ.บางใหญ่
ต่อมาวันที่ 16 ม.ค. 64 น.ส.เอ ได้ให้น้องสาวติดต่อแจ้งเรื่องร้องทุกข์มายังเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ขอให้ช่วยเหลือติดตามทางด้านคดีจับกุมสามีโหด จากนั้น นางปวีณา หงสกุล ประธาน มูลนิธิฯ ได้ให้น้องสาวต่อสายโทรศัพท์พูดกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) ที่นอนรักษาตัวอยู่ รพ.เพื่อเล่าเหตุการณ์ ที่ถูกทำร้ายร่างกาย
โดยทราบว่า น.ส.เอ มีอาชีพ ขายเสื้อผ้า อยู่กินกับสามีคนที่ทำร้ายมา 2 ปี ถูกสามีทำร้ายร่างกายมาประมาณ 50-60 ครั้ง หรือในบางครั้งเงินไม่พอใช้จ่ายในครอบครัว ต้องไปหาเงินเป็นครั้งคราว โดยทุกครั้งสามีจะเป็นคนขับรถไปส่งตามจุดต่าง ๆ และหากวันไหนสามีไม่พอใจก็จะด่าทอทำร้าย หึงหวง แต่ครั้งนี้นับตั้งแต่ 11-15 ม.ค. 64 ถูกสามีขังไว้ 4 วัน และถูกทำร้ายหนักที่สุด
ทั้งใช้เข็มขัดรัดคอ กระทืบที่อวัยวะเพศ ใช้นิ้วล้วง ดึงจิกจนเลือดออก กระทืบหน้าอก จิก ดึงหัวนมจนเป็นแผล กระทืบไปทั่วร่างกาย จนซ้ำไปทั้งตัว นอนนิ่งสลบเหมือนตาย นอนปัสสาวะราด ซึ่งวอนขอให้สามีพาไปส่งโรงพยาบาล แต่สามีไม่ยอมพาไป และด่าอีกว่า ยังไม่ตาย จึงอาศัยช่วงจังหวะสามีออกไปซื้อส้มตำ หนีตายออกมาขอความช่วยเหลือ
น.ส.เอ เล่าทั้งน้ำตาว่า คบกับชายคนนี้มา 2 ปี เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกัน แล้วรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดี เป็นผู้ใหญ่ มีหลักการ ญาติพี่น้องเห็นก็โอเค น่าจะดูแลตนเองได้ แต่เมื่อตกลงคบกันได้เพียง 1 สัปดาห์ก็เริ่มทำร้ายร่างกายด้วยเรื่องหึงห่วง ซึ่งวันนั้นจำได้ว่าเดินด้วยกัน และเดินผ่านผู้ชาย ตนเองก็มองทั่วไปปกติ แต่สามีหึงจนปากเสียงกัน และถูกตี ชายคนนี้จะเน้นที่หน้า ใช้การต่อยตบ ตอนนั้นเย็บ4 เข็ม แต่ไม่ได้ไปหาหมอ เพราะผู้ชายขอโทษโดยกราบเท้า และดูแลอย่างดี ประคบเย็นประคบร้อน
กระทั่งมาวันที่ 11-15 ม.ค. 64 มีเหตุเรื่องของเบอร์โทรศัพท์ที่ตนเองโน๊ตไว้นานแล้ว แต่ก็มีเบอร์ผู้ชายอยู่ เมื่อสามีไล่โทรก็เจอผู้ชายรับสาย จึงเป็นเรื่องเป็นราว และเกิดการทะเลาะ ถูกทำร้าย เริ่มต้นเอาเข็มขัดรัดคอจนขาดไป 1 เส้น และเอาเข็มขัดหนังรัดคอต่อในห้องน้ำ ตอนนั้นรู้สึกว่าจะหลับไป แล้วลากออกมาหน้าห้องน้ำ รัดคอต่อรวมเกือบ 10 ครั้ง มีการเอาหัวโขกพื้น ตนเองดิ้นได้แต่ขา มีต่อยเข้าที่ใบหน้ากับลำตัว รวมถูกกระทำถึง 47 ครั้ง
จากนั้น เช้าวันที่ 12 ม.ค. 64 ก็มีการอาบน้ำทาแป้งใส่เสื้อผ้า สามีนั่งเฝ้าจนตนเองหลับ และตนเองตื่นมาช่วงดึก ๆ ก็ถูกสามีตีอีก จนอาเจียน เดินไม่ได้ ต้องคลายเข้าห้องน้ำ หนักสุดคือเอามือล้วงอวัยวะเพศ ดึก จิก เอาหมัดต่อย และเอาเท้ากระทืบ ถีบ เหยียบเข้าที่หน้าอก เตะลำตัว เอาหมัดต่อย ทุบเข้าที่หู เอามีดจี้คอ จี้เอว เอาผ้ายัดปาก แต่สามีบอกว่า "อย่าร้องนะ ไม่งั้นมึงตาย" แล้วเอาบุหรี่ยัดปาก ก่อนตัดผมทิ้ง 1 กำ พร้อมบอกว่า "ถ้าหน้ามึงดูไม่ได้ จะมีใครเอามึงไหม" ต่อมาวันที่ 15 ม.ค. 64 สามีไปซื้อส้มตำ ตนเองก็แอบดู เมื่อสามีลงไปยืนตนเองก็คว้ากระเป๋าวิ่งหนีออกจากห้อง รีบโบกจักรยานยนต์ไปโรงพัก แล้วนั่งแท็กซี่ไปโรงพยาบาลโดยทั้ง 2 คันไม่คิดเงินด้วย
อย่างไรก็ตาม พ่อสามีก็ทราบเรื่อง และครอบครัวตนเองก็ทราบ ตนเองจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะการให้อภัยกับผู้ชายคนนี้ที่ทำร้ายตนเองมารวมกว่า 60 ครั้ง ตนเองก็ไม่สามารถให้อภัยได้อีกแล้ว แม้ความดีเขาก็มี เพราะสามีดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่อาบน้ำ ล้างก้นให้ก็มี วันไหนขายของก็จัดการตั้งร้านให้ทุกอย่าง
โดยนางปวีณา ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้นำผู้เสียหายเข้าขอรับการช่วยเหลือเยียวยาจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งรัฐมนตรีเดินทางมารับเรื่องด้วยตัวเอง ก่อนขอบคุณมูลนิธิปวีณาฯ ที่ให้การช่วยเหลือประชาชนมาตลอด และเปิดเผยต่อสื่อมวลชลว่ากระทรวงฯ ยินดีให้ความร่วมมือทั้งการคุ้มครองพยาน ดูแลค่าเยียวยาผู้เสียหายทุกราย ขณะที่รัฐบาลได้เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และมอบงบประมาณมาให้อย่างเพียงพอและไม่จำกัด ยืนยันจะช่วยประชาชนโดยไม่มีลิมิต พร้อมจะดูแลคุ้มครองทุกคนอย่างเต็มที่
โดยขณะนี้มูลนิธิฯ ได้ร้องไปยัง พ.ต.อ.พีรเดช เจริญเดช ผู้กำกับ สภ.บางใหญ่ให้เร่งรัดคดี ซึ่งล่าสุดทางตำรวจออกหมายเรียกสามี น.ส.เอ ไปเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 64 ทั้งนี้อีก 4-7 วัน ตำรวจจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 หลังจากนี้หากยังไม่มา ตำรวจก็ขอศาลออกหมายจับ
