กรณีเมื่อวันที่ 23 ม.ค.64 เวลา 22.15 น. ร.ต.อ.หญิงวิภาวรรณ วัธนเงินทนง รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุ นายเวียน เอียดชูทอง อายุ 60 ปี ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงคนบริเวณหน้าบขส.แห่งที่ 2 ภูเก็ต ถนนเทพกษัตริย์ตรี ม.2 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส จากนั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยหลังจากก่อเหตุผู้ก่อเหตุ ได้ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.จักรกฤช แต้วัฒนา รองผกก.ป.สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ชุดสืบสวนสภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ
สถานที่เกิดเหตุเป็นร้านรับฝากรถ 24 ชม. พบศพนายประกอบ ชูทอง อายุ 54 ปี นอนตะแคง ถูกยิงบริเวณศีรษะด้านซ้าย 1 นัด ซี่โครงซ้าย 1 นัด สภาพศพสวมเสื้อกล้ามสีขาว ใส่กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน ใส่รองเท้าผ้าใบ บริเวณเอวด้านขวาพกอาวุธปืนขนาด .38 เหน็บอยู่ที่เอว
ห่างออกไปประมาณ 40 เมตร บริเวณด้านหน้า บขส. ตรงกันข้ามกับร้านดังกล่าว พบนายยอด แซ่หลี อายุ 54 ปี ชาวจ.ตรัง ได้รับบาดเจ็บสาหัสเลือดไหลนองพื้นหมดสติ เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการ CPR ก่อนนำส่ง รพ.วชิระภูเก็ต เป็นการด่วน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งขอหาแก่ผู้ก่อเหตุได้แก่ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ 2.พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร
ล่าสุดวันที่ 24 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุพบว่าคราบเลือดต่าง ๆ ถูกล้างและเช็ดออกไปเรียบร้อยแล้ว
ในเวลา 16.30 น. น.ส.เมตตา บุญชัย อายุ 48 ปี ภรรยานายยอด ผู้ตาย ได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุและนำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายกลับบ้าน ก่อนที่จะรับร่างของผู้ตายกลับไปทำพิธีบำเพ็ญกุศลที่ จ.ตรัง บ้านเกิดสามี ในวันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.64)
น.ส.เมตตา บอกว่า ผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำงานอยู่เพียงลำพังที่ จ.ภูเก็ต เป็นคนรักครอบครัว ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ตรงกันข้ามกับผู้ก่อเหตุที่หากดื่มสุราจะมีนิสัยอันธพาล ชอบนำปืนออกมาโชว์กร่าง
ผู้ตายกับผู้ก่อเหตุรู้จักกันมานาน โดยผู้ตายเคยเป็นลูกน้องของผู้ก่อเหตุมาก่อน ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นคนผลักดันให้ผู้ตายเป็นประธานคิวรถแท็กซี่ในปี 2555 แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนรักผู้ตายมากกว่าผู้ก่อเหตุ ทำให้ผู้ก่อเหตุรู้สึกอิจฉาและเริ่มพูดจากระแหนะกระแหน เช่น “มึงอย่าทำตัวอวดดี (ภาษาใต้)”
ทั้งนี้เมื่อปี 61 ผู้ตายเคยพูดเป็นลางว่า “ลูกน้องรักผมทุกคน หากผมเป็นอะไรไปคือนายเวียนเป็นคนทำ” ตนไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นจริง ๆ โดยตนเพิ่งแจ้งข่าวให้ลูกสาววัย 19 ปี ทราบเมื่อสักครู่ก่อนการให้สัมภาษณ์ เนื่องจากเมื่อวานนี้เป็นวันสอบของลูกสาว ตนไม่อยากให้ลูกสาวเสียสมาธิ
อย่างไรก็ตาม ตนสงสารสามีที่ต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แต่สุดท้ายก็ต้องจบชีวิต คาดว่าสามีน่าจะยังไม่รู้ตัวว่าตายแล้ว ตนอยากบอกกับสามีว่าไม่ต้องห่วง ที่เคยบอกว่าจะอยู่จนลูกสาวเรียนจบ ไม่เป็นอะไร ตนจะทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ตนได้พบกับผู้ก่อเหตุที่สถานีตำรวจ โดยตนได้ถามผู้ก่อเหตุว่า “ทำทำไม ยอดนับถือน้ามากนะ ไม่สงสารหลานเหรอ” ซึ่งผู้ก่อเหตุได้แต่ยกมือไหว้ ดังนั้นตนขอดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด และจะไม่ยอมให้ศาลอนุญาตให้ประกันตัวเด็ดขาด
นอกจากนี้ ทีมข่าวรายงานว่า ครอบครัวของนายประกอบ ผู้ตายอีกราย ยังคงอยู่ที่ จ.กระบี่ ไม่ได้เดินทางมาติดต่อกับพนักงานสอบสวน
