กรณีเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 ม.ค.64 ร.ต.อ.เทวินทร์ ศรีพั่ว รอง สว.สอบสวน สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกแทงบาดเจ็บภายในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.รุ่งสกุล บุญกระพือ ผกก.สน.ลาดพร้าว ตำรวจฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจจำนวนหนึ่ง และอาสาสมัครมูลนิธิสยามรวมใจ
โดยที่เกิดเหตุบริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ ชั้น 2 พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 2 ราย ทราบชื่อคนแรก นายรามิล นาคหฤทัย อายุ 35 ปี มีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมที่หน้าท้อง 1 แผล ถูกนำส่ง รพ.นพรัตน์ และคนที่ 2 ทราบชื่อ นายศุภชัย แคะอู๋ อายุ 37 ปี มีแผลถูกแทงด้วยของมีคมที่บริเวณชายโครงซ้าย และหน้าท้อง รวม 2 แผล รีบนำตัวส่ง รพ.เพชรเวช
ทั้งนี้บริเวณที่เกิดเหตุยังพบมีดพับ ยาวประมาณ 5 นิ้ว เปื้อนเลือดตกอยู่ที่พื้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน มีรายงานต่อมาว่าผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวทั้ง 2 ราย อาการปลอดภัยแล้ว
ล่าสุดวันที่ 25 ม.ค.64 จากการสอบสวน ส.ต.ต.สภาณุพงศ์ คนซื่อ ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 5 กก.อารักขา 1 บก.คฝ. ให้การว่า ขณะมาทำธุรกรรมที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ประสบเหตุพอดี พบคู่กรณีทั้ง 2 คนมีปัญหาโต้เถียงและชกต่อยกัน นายรามิลใช้มีดพับแทงนายศุภชัย และยื้อแย่งมีดกันทำให้นายรามิลได้รับบาดเจ็บด้วย ตนจึงเข้าห้ามปรามเจรจาให้นายรามิลวางอาวุธ ก่อนที่ตนและรปภ.ห้างฯ จะช่วยกันจับกุมนายรามิล ก่อนตำรวจจะมาควบคุมตัวไป และนำทั้ง 2 ส่งโรงพยาบาล
พ.ต.อ.รุ่งสกุล บุญกระพือ ผกก.สน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า ทั้งคู่อาการปลอดภัยดี ซึ่งยังคงต้องพักรักษาตัวต่อ และยังคงให้การกลับไปกลับมา และยังไม่มีใครยอมรับว่าใครแทงใครก่อน ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดก็ยังตรวจสอบไม่ถึงว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุก่อน จุดเริ่มต้นมาจากมุมไหน จุดไหน ส่วนเจ้าหน้าตำรวจที่เข้าระงับเหตุเมื่อวานนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างประสาน ให้เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นโถงอยู่ติดกับทางลงบันไดเลื่อนจากชั้น 3 มาชั้น 2 ที่เกิดเหตุทีมข่าวพบนายบี (นามสมมติ) พนักงานร้านมือถือร้านหนึ่ง เล่านาทีเห็นทั้งคู่แทงกัน ว่า ขณะนั้นกำลังให้บริการลูกค้าอยู่ แต่เมื่อได้ยินเสียงคล้ายคนตีกัน ก็ตั้งใจว่าจะไปห้าม เพราะเห็นมีการใช้อาวุธมีดแทงกันมีคนบาดเจ็บ จึงกังวลว่าจะมีคนตายจึงจะวิ่งไปห้าม เพราะจังหวะนั้นตนอยู่ด้านหลังคนก่อเหตุ คือคนที่สวมกางเกงขาสั้น เนื้อสีชมพูอ่อน (นายศุภชัย แคะอู๋ อายุ 37 ปี คนผอมผู้ถืออาวุธมีด) ซึ่งตอนแรกแยกออกจากผู้ชายตัวอ้วน แต่ทำท่าทางจะพุ่งเข้าไปแทงต่อ จังหวะเดียวกันกับที่ตนจะเข้าไปห้าม ก็พบชายลักษณะคล้ายตำรวจ หยิบปืนขึ้นมาขู่ระงับเหตุไว้ก่อน ทำให้ชายคนนี้นิ่งและวางอาวุธมีดลงทันที
หากถามว่าตนกลัวหรือไม่ ตอนนี้ยอมรับว่าในหัวไม่ได้นึกถึงความกลัว เพียงแต่เป็นห่วงคนในบริเวณนั้นจะได้รับอันตราย เพราะจากการดูข่าวที่ผ่าน ๆ มามักจะไม่มีคนเข้าไปห้ามก็จะมีเหตุถึงขั้นฆ่ากัน เมื่อวานนี้ก็เช่นกัน เพราะตนมองไปรอบข้างแล้วมีแต่คนยืนดูด้วยอาการกลัวกันหมด ตนจึงตัดสินใจจะเข้าไปห้ามอย่างที่บอกไปข้างต้น
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบจริง ๆ ว่าทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่จากการสังเกตสายตาของทั้งคู่ มีอาการโกรธเคือง และแค้นกันมาก ขณะที่คนในย่านนี้ก็บอกว่าทั้งคู่ไล่ทะเลาะกันมาจากชั้น 3
นอกจากนี้ทีมข่าวได้ขึ้นไปบริเวณชั้น 3 สอบถามพนักงานหลายคนให้ข้อมูลยืนยันว่า บริเวณชั้น 3 ไม่พบว่าทั้งคู่ทะเลาะกันชั้นนี้ ทราบอีกทีคือมีคนแทงกันชั้น 2 หน้าธนาคารไทยพาณิชย์แล้ว
ขณะที่ ส.ต.ต.สภาณุพงศ์ คนซื่อ ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 5 กก.อารักขา 1 บก.คฝ. ผู้เข้าระงับเหตุ เล่าว่า ตอนนั้นไปทำธุระกรรมในธนาคาร เวลาประมาณ 16.00 น. ตนก็เห็นมีผู้ก่อเหตุแทงกัน 2 คน มีแย่งมีดกันแบบล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้นหน้าธนาคารฯ และตนเห็นมีประชาชนอยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่สามารถวิ่งออกมาจากฝั่งหน้าธนาคารได้ มีทั้งอาการกลัวกันหมด ตนเห็นก็มองในแง่ลบว่าอาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นเหมือนที่ผ่านมาได้ จึงตัดสินใจควักปืนออกมา ระงับเหตุ ด้วยการออกคำสั่งการตามหลังยุทธวิธี เพื่อไม่ให้เกิดเหตุปานปลาย
เพราะตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่มีอาการคลั่งหรือความโกรธแค้นอะไรกันมาถึงมาก่อเหตุ ประกอบกับส่วนตัวที่ไม่ทันได้คิดกลัว ห่วงแต่ประชาชนในที่เกิดเหตุ และอยากปกป้องทุกคนในเวลานั้นเท่านั้นเอง ซึ่งพอระงับได้ก็เรียก รปภ.มาช่วย ลากผู้ที่ถืออาวุธมีดออกไปก่อนจะแจ้งตำรวจท้องที่ โดยเหตุการณ์นี้เป็นเหตุซึ่งหน้า ไม่อยากให้เกิดความเสียหายมากขึ้น ทางผู้บังคับบัญชาก็ชื่นชม ไม่มีผลทางลบอะไร
แต่อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากประชาชนว่าหากพบเหตุแบบนี้ แต่ไม่สามารถหลบออกจากพื้นที่ได้ก็ให้หาที่กำบัง แต่หากเกิดเหตุแต่สามารถมีช่องทางหนีออกมาได้ ให้รีบหนีให้ไว และแจ้งเจ้าหน้าที่ให้รวดเร็ว อย่ามัวแต่ไปยืนมุงดู เพราะอาจจะเกิดเหตุอันตรายและบานปลายได้
