กรณีนายกรภัทร พรของแม่ ครูสอนพิเศษตามบ้าน ใช้เวลาว่างช่วงพิษโควิด-19 โรงเรียนปิด ไปร่อนทองในคลอง สร้างความฮือฮาโพสต์โชว์ “ทองนพคุณ” ที่ร่อนได้ในคลองชลประทาน พร้อมประกาศต้องการหาเพื่อนไปเสี่ยงโชคร่อนทองด้วยกัน เพราะไปคนเดียวกลัวจะโดนงูกัดเข้าสักวัน ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 25 ม.ค.64 เวลา 12.00 น. นายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมืองราชบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
โดยนายทศพล นายอำเภอเมือง กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ลงมาดูเพราะเป็นห่วงสถานการณ์เรื่องการป้องกันและควบคุมโรค เนื่องจาก จ.ราชบุรี เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และอำเภอเมืองก็ยังไม่มีคนติดโรคโควิด-19 การจะรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่าง ๆ ต้องมีการขออนุญาต ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการขัดคำสั่ง
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อุตสาหกรรมจังหวัดได้หารือร่วมกันเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะต้องตรวจสอบวัตถุที่ชาวบ้านตรวจพบว่าเป็นอะไร หากเป็นสินแร่ ต้องมีการขออนุญาตขุดอย่างถูกต้อง โดยมีข้อกำหนดว่า แร่ดังกล่าวอนุญาตให้เฉพาะคนในจังหวัด ผู้อื่นจะมาร่อนแร่ไม่ได้
ส่วนกรณีผู้ที่พบทองรูปพรรณ และชิ้นส่วนคล้ายทองคำ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกไปสอบสวน ถามถึงที่ไปที่มาว่าเจอได้อย่างไร เพราะจากการศึกษาทางธรณีวิทยา พบว่าพื้นที่คลองชลประทานแห่งนี้ ไม่มีเรื่องสินแร่ หากเป็นเรื่องเมืองโบราณ ก็ผ่านมาเป็นเวลา 2,000 ปีแล้ว น่าจะนานเกินไป ข่าวที่ออกมามีความผิดปกติ ไม่สอดรับกับเหตุผลในเชิงวิชาการ โดยหากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเรื่องโกหก อาจจะต้องดูองค์ประกอบความผิดแก่ผู้ที่กระทำการดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารให้ดี เพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้มีศักยภาพและเหตุผลให้เจอทองคำ ซึ่งในวันนี้มีเจ้าหน้าที่มาคัดกรอง หากพบว่ามีประชาชนมากขึ้น อาจจะพิจารณาสั่งปิดพื้นที่ต่อไป
ด้านนายอานันท์ ฟักสังข์ อุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า จากข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพแหล่งแร่ น้ำไหลมาจากทิศตะวันตก ผ่านเทือกเขาตะนาวศรี มายังแม่น้ำแม่กลอง ลงมาคลองชลประทานดอนแจง พบว่าไม่มีแหล่งแร่ทองคำอยู่เลย ซึ่งหากจะพบได้ต้องมีศักยภาพตั้งแต่ต้นทาง และตั้งแต่อดีตก็ไม่เคยมีประวัติการร่อนแร่ทองคำมาก่อน จึงสรุปเบื้องต้นได้ว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่มีแร่ทองคำแน่นอน
ส่วนวัตถุต่าง ๆ ที่ชาวบ้านตรวจพบ ต้องนำตัวอย่างไปตรวจสอบว่ามีเปอร์เซ็นต์แร่ทองคำจำนวนเท่าไร ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบ แต่หากเป็นไปได้ก็อยากนำไปตรวจเพื่อความชัดเจน โดยการร่อนแร่ต้องขออนุญาตเจ้าพนักงานท้องถิ่น ซึ่งผู้ที่ร่อนแร่ได้ต้องเป็นคนในพื้นที่ มีรายได้น้อยตามที่ผู้ใหญ่บ้านให้การรับรอง เมื่อร่อนแร่ได้ก็ต้องจ่ายค่าภาคหลวงให้กับท้องถิ่นตามกฎหมายด้วย ทั้งนี้ขอประชาชนอย่าเพิ่งหลงเชื่อตามที่มีข่าวออกมา
นายกรภัทร พรของแม่ หรือ ครูหนุ่ม อายุ 33 ปี อาชีพครู รับจ้างสอนตามบ้านนักเรียน ในจ.ราชบุรี ผู้ที่มาร่อนทองคนแรก ได้ทั้งจี้ทองคำรูปกระต่าย เศษทองคำอีกนับ 10 ชิ้น และเหรียญโบราณจำนวน 3 เหรียญ ได้เดินทางมายังจุดร่อนทองด้วย
โดยครูหนุ่ม กล่าวว่า ตนตั้งใจว่าจะมาร่อนทองเพิ่ม แต่เมื่อมาถึงคลองชลประทานตกใจมาก เพราะมีประชาชนจำนวนมากมาร่อนแร่ในวันนี้ ซึ่งตนยังยืนยันว่าเจอทองคำทั้งหมดในคลองชลประทานแห่งนี้ โดยไม่กังวลที่เจ้าหน้าที่หลายภาคส่วนลงพื้นที่มาตรวจสอบ ซึ่งทองที่พบก็นำไปตรวจแล้วที่ร้านทองว่าเป็นทองที่เปอร์เซ็นต์สูงกว่าทองทั่วไป แต่จะเป็นทองนพเก้าหรือไม่ ต้องนำไปตรวจที่สถาบันที่เชี่ยวชาญ ในกรุงเทพฯ
สำหรับทองคำดังกล่าวสามารถขายได้ แต่จำนวนต้องมากพอประมาณ 1 กรัม ส่วนที่ตนมีอยู่น้ำหนักประมาณ 0.2 กรัมเท่านั้น ซึ่งหากเป็นทองนพเก้าราคาจะแพงกว่าทองปกติ ประมาณ 9 เท่า ส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกไปสอบปากคำก็ไม่กังวล ตนพูดตามความจริงที่เจอมา เพราะตนเจอที่บริเวณนี้จริง และไม่กลัวว่าจะมีความผิด ซึ่งทองที่ตนเจอมีความเป็นไปได้ว่าพื้นที่มีชิ้นส่วนแร่ และบริเวณใกล้เคียงทราบว่าเคยเป็นโรงงานจิวเวลรี่อาจจะมีชิ้นส่วนไหลลงมา หลังจากนี้หากเจ้าหน้าที่จะสั่งปิดพื้นที่ก็ไม่เป็นอะไร เพราะจะได้เป็นบทเรียนของตนว่าอย่าโพสต์แบบนี้
นายภัทร กิ่งแก้ว อายุ 41 ปี ชาวบ้าน ม.13 ต.คูบัว อ.เมืองราชบุรี ซึ่งมาร่อนทองและพบเศษชิ้นส่วนคล้ายทองคำเกือบ 10 ชิ้นในวันนี้ กล่าวว่า ตนมาตั้งแต่เวลา 09.00 น. เพราะทราบข่าวว่ามีคนได้ทอง โดยวิธีการของตนใช้กระทะตักดินขึ้นมาแล้วแกว่งดูกับน้ำ ซึ่งก็พบเป็นชิ้นส่วนคล้ายทองคำขึ้นมา ส่วนตัวยังไม่มั่นใจว่าเป็นทองจริงหรือไม่ แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นทองจริง
โดยชิ้นส่วนทั้งหมดที่ได้ ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ ไม่นำไปขาย เพราะกลัวว่าเมื่อพิสูจน์แล้วหากพบว่าเป็นทองไม่จริง จะมีความผิด หรือหากร้านทองไม่เชื่อว่าตนได้จากการร่อนมา คิดว่าตนไปขโมยมาก็จะมีความผิด จึงขอเก็บไว้กับตัวดีกว่า
ส่วนที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ ระบุว่าการร่อนทองต้องขออนุญาตนั้น ตนมองว่าคลองแห่งนี้เป็นที่สาธารณะไม่ใช่เหมืองแร่ ไม่จำเป็นต้องไปขอ และทองที่ได้มาก็ไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ ทั้งนี้ตนไม่ได้มาร่อนทุกวัน แต่จะมาในช่วงว่างงานจากโควิด-19 เท่านั้น คิดว่าหลังจากนี้ชาวบ้านก็คงเลิกกันไปเอง เพราะแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
จากนั้นนายภัทร ได้มอบชิ้นส่วนคล้ายทองคำ ให้ทีมข่าวจำนวน 2 ชิ้น เพื่อฝากให้ไปตรวจสอบว่าเป็นทองคำจริงหรือไม่ ทีมข่าวจึงเดินทางไปยังร้านทอง ช.โชคดี เยาวราช เมืองราชบุรี โดยนางแช่มช้อย สีสังวรณ์ อายุ 74 ปี เจ้าของร้าน ได้นำชิ้นส่วนทั้ง 2 ชิ้นวางลงบนถาดสีแดง พร้อมให้พนักงานของร้านนำเข้าไปเผาไฟ ซึ่งเป็นกระบวนการตรวจสอบทองด้านในร้าน โดยไม่อนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไปบันทึกภาพ ใช้เวลาประมาณ 1 นาที พนักงานได้นำถาดออกมา ปรากฏว่าชิ้นส่วนที่นำไปตรวจสอบกลายเป็นผงสีดำ
นางแช่มช้อย กล่าวว่า ปกติทองคำแท้หากผ่านกระบวนการเผา เมื่ออกมาจะยังเป็นก้อนสีทองแต่วัตถุที่ทีมข่าวนำมาให้ตรวจสอบ เมื่อเผาแล้วกลับกลายเป็นผงสีดำ แสดงว่าไม่ได้เป็นทองคำ ซึ่งวัตถุชนิดนี้อาจเป็นแร่บางอย่างที่เกาะอยู่ในน้ำ ส่วนกรณีที่ครูหนุ่มนำขิ้นส่วนทองมาตรวจสอบนั้น ก็เป็นการตรวจที่ร้านตนเช่นกัน แต่ตรวจโดยลูกชาย ซึ่งขณะนี้ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลตนจึงไม่ทราบรายละเอียด
จากนั้นทีมข่าวนำผงสีดำที่ได้จากการตรวจสอบกลับมาให้นายภัทร ผู้ที่เจอชิ้นส่วนคล้ายทองดังกล่าว โดยนายภัทร ได้นำผงดังกล่าวให้ชาวบ้านในพื้นที่โดยรอบคลองชลประทานดู พร้อมลงไปบอกคนที่กำลังร่อนทองให้ขึ้นมา เพราะเสียเวลา ไม่ใช่ทองจริง
นายภัทร กล่าวว่า ตนคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนผู้ที่มาหาทองเป็นการสร้างกระแส โดยเสียความรู้สึกมากที่ตรวจออกมาแล้วไม่ใช่ทองแท้ ซึ่งตนก็อยากบอกให้ทุกคนเลิกร่อนทอง เก็บหอยกลับไปทำมาหากินจะดีกว่า
รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงวัตถุที่พบในคลองดอนแจง จ.ราชบุรี ว่า เท่าที่ได้ดูภาพก่อนส่งให้ร้านทองเผา เทียบกับภาพหลังจากเผาแล้ว
“ปกติทองบริสุทธิ์จะมีจุดหลอมเหลวสูงมาก ประมาณ 1,000 องศาเซลเซียส ทองถึงจะเหลวจนเป็นไอ แต่กรณีเผาแล้วเป็นผงเขม่าสีดำ ชัดเจนว่าไม่ใช่ทองคำ แต่เป็นกลุ่มไฮโดรคาร์บอน ซึ่งคาดว่ามาจากสารอินทรีย์ แต่จะเป็นอินทรีย์แบบไหนต้องส่งตรวจสอบ แต่ส่วนตัวอาจารย์คาดว่าเป็นโพลิเมอร์ หรือพลาสติก” รศ.ดร.วีรชัย กล่าว