ทนายรัชพลชี้ “ลุงพล” ไม่ใช่ฆาตกรคดีชมพู่ ป้าแต๋นหอบเงินยื่นประกันคดีรุกป่า (คลิป)

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 64 เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังกว่า 30 นาย เข้าควบคุมนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ไปสอบปากคำและชี้จุดที่สร้างพญานาค และจุดก่อสร้างเพิ่มเติม ที่ไม่ใช่บ้านพัก พร้อมทั้งชี้จุดต่าง ๆ โดยรอบองค์พญานาค

นายพรพิรมณ์ อุรุแสง ผอ.ศูนย์ป่าไม้ จ.มุกดาหาร เป็นผู้อ่านเอกสารว่า การก่อสร้างพญานาค ปู่ปาริจิตนาคราช เป็นการรุกพื้นที่ป่าสงวน และนำพื้นที่ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ที่อนุโลมให้ชาวบ้านทำการเกษตร และอยู่อาศัย มีความผิดข้อหารุกที่ป่าสงวน โดยใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ และทำให้เสื่อมเสียสภาพป่าสงวน ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-2,000,000 บาท

ขณะที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ลุงพล พร้อมกลุ่มยูทูเบอร์กำลังรื้อร้านค้าหน้าบ้าน โดยนายพรมพิรมณ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่แจ้งข้อหาลุงพล แต่ขอสอบปากคำก่อน และลงมาดูพื้นที่จริง และให้ลุงพลพาชี้จุด ซึ่งหากทำผิดก็จะแจ้งข้อหา ส่วนการก่อสร้างพญานาคนี้ ขอสอบปากคำลุงพลก่อน และจะพิจารณาให้ยุติการก่อสร้าง หรืออายัดไว้ตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศ ส่วนจะรื้อ ทุบทิ้งนั้นต้องให้ ศาลเป็นผู้ตัดสิน และยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา

ด้านนายไชย์พล วิภา มีสีหน้าที่เรียบนิ่งและไม่สู้ดีนัก เมื่อถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัว โดยลุงพล เปิดเผยว่า ตนไม่ได้รู้สึกกังวลใจ ไม่ตกใจ และยอมรับว่าที่ดินในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครได้เอกสารสิทธิ์

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวลุงพล ขึ้นรถตู้ ไปที่สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร เพื่อสอบสวน และชี้จุด พิกัดต่าง ๆ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าเข้าข่ายความผิด ก็จะมีการแจ้งข้อหา และดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวสังเกตว่า ไม่มีคนงานก่อสร้างพญานาคอยู่ในพื้นที่ ทราบว่าได้หยุดงานมา 2 วันแล้ว โดยได้ใช้สแลนกั้นศาลาที่พักเอาไว้ ซึ่งศาลาที่พักก็ตั้งอยู่ใกล้กับรูปปั้นพญานาค

ทนายรัชพล ศิริสาคร ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว ทางอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 ว่า ตนคิดว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปที่บ้านลุงพลนั้น "ยังเบานะครับ" เพราะตอนแรกตนคิดว่าจะมาพร้อมหมายจับ แต่เท่าที่ฟังการสนทนาเป็นการขอความร่วมมือมากกว่า ตนก็ได้ให้กำลังใจมากเป็นพิเศษ หลังจากนี้ ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ว่าจะออกหมายจับหรือไม่ 

ทั้งนี้จริง ๆ แล้วก็ถือว่าเป็นความผิดซึ่งหน้า สามารถออกหมายจับได้เลย และโทษก็หนักอยู่เหมือนกัน แต่ลุงพลก็สามารถที่จะประกันตัวออกมาได้ สิทธิ์ของลุงคือการได้ประกันตัว ส่วนตำรวจก็เช่นกันมีสิทธิ์คัดค้านการประกันตัว แต่ก็ต้องมีเหตุผลประกอบว่าทำไมคัดค้าน เช่น ไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่ง มีพฤติกรรมจะหลบหนี แต่ตนมองว่าตำรวจควรให้ประกันตัว ตอนที่เจ้าหน้าที่เข้ามาที่บ้านลุงพล ป้าแต๋นก็โทรศัพท์หาตนด้วย ต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ว่ากันอีกที 

สำหรับความผิดในข้อหารุกป่าสงวน ก็จะมีโทษตั้งแต่ จำคุก 1-10 ปี ตนก็พยายามเช็กเที่ยวบินแล้วแต่ไปกกกอกไม่ทัน จึงได้ประสานให้ทนายในพื้นที่เป็นผู้ดูแล โดยทนายได้เข้าไปหลังจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ลงพื้นที่ตรวจสอบพญานาคแล้ว 1-2 ชม. 

หลังจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เขตดงหลวง เข้าเชิญตัวลุงพลจากบ้านที่บ้านกกกอก มายัง สภ.ดงหลวง เมื่อเวลา 14.30 น. เพื่อสอบปากคำ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาในคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ กระทั่งถึงช่วงเวลา 18.00 น. รวม 3 ชั่วโมง มีช่วงหนึ่งที่ลุงพลออกจากห้องสอบเดินไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นกลับเข้าไปนั่งอยู่ภายในห้องสอบดังเดิม ซึ่งยังไม่มีท่าทีว่าจะเสร็จสิ้นในเวลาใด เจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า จะเสร็จสิ้นในเวลา 20.00 น.

ส่วนบรรยากาศหน้าห้องปฏิบัติการ สภ.กกตูม ห้องสอบสวนลุงพล มีป้าแต๋น หรือนางสมพร หลาบโพธิ์ ภรรยาลุงพล และหลานสาวนั่งเฝ้าอยู่ที่โต๊ะไม้หน้าห้อง ยังไม่ยอมลุกออกไปไหน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไปนั่งอยู่ในรถกระบะส่วนตัว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ป้าแต๋น เข้าไปรับฟังด้านใน อนุญาตเพียงทีมทนายเท่านั้น

ขณะที่ภายนอก ยังสังเกตว่า มีสื่อหลักหลายสำนัก เดินทางมาจากกรุงเทพฯ มาติดจามทำข่าว ส่วนกลุ่มยูทูเบอร์ ที่เคยเกาะติดลุงพลมาตลอด ก็พากันยกทีมกันมาไลฟ์สด และทำคลิปควานเคลื่อนไหว รายงานข่าวให้กลุ่มแฟนคลับที่รักลุงพล-ป้าแต๋น ได้ติดตามรับชมตลอดเวลา และยังสังเกตว่าจะมีการสลับการไลฟ์สด อัปเดตสถานการณ์หมุนเวียนกัน

ส่วนตำแหน่งการยืน เพื่อทำหน้าที่การรายงานข่าว มีการแบ่งลักษณะคนละครึ่ง ซึ่งปีกซ้ายจะเต็มไปด้วยกล้องมือถือไลฟ์สดของยูทูเบอร์ ส่วนปีกขวาเต็มไปด้วยสื่อหลังที่มาทำข่าว ขณะที่บริเวณรอบ ๆ สภ.กกตูม ยังมีทีมสายตรวจของป่าไม้ เดินทางมาดูแลความเรียบร้อย และติดตามการสอบปากคำของลุงพลในวันนี้

ภายหลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้และ ตำรวจสภ.กกตูม ได้สอบปากคำลุงพล ใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวป้าแต๋น เข้าไปในห้องสอบปากคำ กระทั่งเวลา 18.45 น. ตำรวจสภ.กกตูม ซึ่งมีร้อยเวรสอบสวน พาป้าแต๋น และหลานสาว เข้าไปด้านในห้อง ธุรการของโรงพัก เพื่อทำเรื่องขอยื่นประกันตัว หลังถูกแจ้ง 2 ข้อหากล่าวหา 1.บุกรุกพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ 2. ครอบครองไม้หวงห้าม

ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์พนักงานสอบสวนกำลังพิจารณา คาดว่าประมาณ 100,000 บาท ส่วนป้าแต๋น เตรียมกระเป๋าสะพาน 1 ใบ สีม่วง-เทา ยังไม่ทราบว่าด้านในเตรียมเงินสดมาหรือไม่ หรือใช้หลักทรัพย์อะไรของประกันตัว

ในเวลา 18.53 น. เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ขึ้นรถตู้คันเดิมที่มาส่งลุงพลที่โรงพัก สภ.กกตูม และขับออกจากโรงพักกลับออกไป ซึ่งบอกสั้น ๆ ว่า ต่อจากนี้จะเป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวน สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร 

ทนายรัชพล กล่าวด้วยว่า ปกติแล้วในคดีรุกป่าสงวนจะใช้เวลาสอบสวนอย่างน้อย 4-5 ชม. ถ้าป้าแต๋นหอบหลักทรัพย์ไปเช่นนั้น ตนก็คิดว่าลุงพลได้ประกันตัวแน่นนอน นอกเสียจากว่าตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว เพราะผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลบหนี หรือไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่ง แต่ลุงพลก็ไม่มีท่าทางหลบหนี อีกทั้งสิทธิ์ของลุงพลสามารถอ้างได้ว่า การสร้างพญานาคดังกล่าวเพราะไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย แต่ศาลจะฟังหรือไม่ต้องดูอีกที ถ้าวันนี้ไม่ให้ประกันตัว ลุงพลจะต้องนอนที่โรงพัก แล้ววันรุ่งขึ้นญาติก็สามารถไปประกันตัวที่ศาลได้

"ครั้งแรกที่ผมเจอลุงพล ตอนนั้นลุงยังไม่สร้างพญานาค แต่ตอนเข้าไปล่าสุด เป็นตอนที่ลุงพลทำร้ายนักข่าว ก็ยังไม่ได้คุยเรื่องพญานาค กระทั่งจะลงไปคุยดันมาถูกจับวันนี้เสียก่อน แต่มันจะเป็นเกมระหว่าง 2 ทนายคนดังหรือเปล่า ผมก็ไม่ทราบ นอกจากนี้ผมเชื่อว่าไม่ใช่พรุ่งนี้ (28 ม.ค.64) แน่ ๆ ที่จะออกหมายจับคดีชมพู่ เพราะตอนนี้ตำรวจยังทำงานอยู่ ยังไม่นิ่งเลย เพราะถ้านิ่งเเล้วก็อาจจะกำลังสรุปสำนวนเพื่อออกหมายจับ ผมแน่ใจว่ายังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ เพราะเส้นผมต้องโยงไปถึงผลสอบสวน ไม่ใช่แค่ผลเครื่องจับเท็จออกแล้ว สามารถออกหมายจับได้เลย" ทนายรัชพล กล่าว   

อย่างไรก็ตาม ทนายรัชพล กล่าวด้วยว่า ทนายษิทรา ก็อาจะเหมาะสมดูแลคดีชมพูมากกว่า ซึ่งส่วนนี้ลุงพลได้เลือกทนายตั้มแล้ว ตนก็ไม่สามรถก้าวล่วงได้ แต่ตนเชื่อว่าคนร้ายร่วมกันเป็นกลุ่ม เพราะคนเดียวไม่น่าจะทำได้ คำว่าร่วมมือกันในทางกฎหมาย คือการแบ่งหน้าที่กัน คนหนึ่งดูต้นทาง คนหนึ่งลงมือทำ และตนมั่นใจว่าไม่น่าจะใช่ลุงพล

ในขณะเดียวกันระหว่างการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงความคืบหน้าของคดีของน้องชมพู่ หลังผลเครื่องจับเท็จออกแล้วว่า กรณีของผลเครื่องจับเท็จตอนนี้ยังไม่สามารถพูดได้ เพราะต้องรอผลที่แปรออกมา และอยู่ระหว่างดำเนินการทางธุรการแปรผลเป็นรายงานให้พนักงานสอบสวนพิจารณาต่อไป โดยแผนการทำงานตอนนี้เกินไปกว่าแผนที่วางไว้มากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ที่เคยย้ำไปก่อนหน้านี้ และพบเรื่องใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น

ส่วนแนวทางของคดีนี้ ยังคงดำเนินไปต่อ ไม่ยุติอย่างแน่นอน เพราะมีเหตุผลใหม่ และข้อเท็จจริงใหม่ของคดีนี้ ยืนยันว่าน้องชมพู่ไม่สามารถขึ้นไปบนภูเหล็กไฟได้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน นอกจากนี้เรื่องการออกหมายจับ "วันนี้ไม่มี แต่พรุ่งนี้ไม่รู้"

ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ตอบคำถามกรณีผู้ที่เข้ามาเครื่องจับเท็จ เป็นผู้ต้องสงสัยหรือไม่ ส่วนจะนำพยานเข้ามาใช้เครื่องจับเท็จใหม่อีกหรือไม่ ต้องหารือก่อน แต่ไม่ปิดโอกาสว่าจะมีเพิ่ม ท้ายที่สุดหมัดเด็ดของคดีนี้ ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน และจะใช้เวลานานเท่าที่จำเป็น "ยังไงก็จะไม่เลิกทำคดีนี้ คนทำผิด ต้องเอาให้ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย กฎกติกาที่ประเทศมี และจะไม่ทำอะไรนอกกติกา ยังไงก็จะไม่เลิกทำ"

สำหรับการสร้างรูปปั้น พ่อปู่ปาริจิตนาคราช เริ่มตั้งแต่ วันที่ 10 ธ.ค.63 มีช่างชัย เป็นผู้คุมงานก่อสร้าง และมีประสบการณ์การทำงานมากว่า 8 ปี ซึ่งการสร้างรูปปั้นดังกล่าวไม่มีวิศวกรคุมงาน และไม่ได้ขออนุญาตสร้าง ส่วนเหล็กที่ใช้สร้างขนาด 3 หุน และขนาด 12 หุน