จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Kung Weena (Gun) ได้โพสต์คลิปพร้อมระบุข้อความว่า "เตรียมทหารรุ่น 36 ใหญ่คับซอย ที่ซอยเรวดีนนทบุรี" โดยในคลิปเป็นภาพชายตัดผมเกรียน ใส่แมสก์ สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ นั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ กำลังโต้เถียงกับผู้ที่ถ่ายคลิป
โดยผู้ถ่ายคลิปบอกว่า "ขับรถดี ๆ หน่อยเมาหรือเปล่า" ชายผมเกรียนตะโกนตอบมาว่า "เด็กเมื่อวานซืนมึงอ่ะ" แล้วยกมือชี้หน้า เมื่อผู้ถ่ายคลิปถามว่า "ชื่ออะไร" ทางชายผมเกรียนตอบว่า "ชื่อเหมือนพ่อมึงอะ"
ล่าสุด วันที่ 29 ม.ค. 64 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณภายในซอยเรวดี 36 อ.เมือง จ.นนทบุรี พบทหารยศพลจ่าสิบเอก พร้อมคุณแม่ได้ขับรถเก๋งคันเกิดเหตุมาที่ปากซอย โดยจ่าสิบเอกเอ (นามสมมติ) กล่าวว่า วันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา ประมาณ 20.00 น. ตนและครอบครัวขับรถไปท้ายซอยเรวดี ไปซื้ออาหารและน้ำ กำลังจะเข้าบ้าน มีรถจักรยานยนต์พุ่งมาขับปาดซ้ายขวา ตนตกใจ เพราะมีลูกในรถ เลยบีบแตร เขาก็หันมามอง ตนเปิดกระจกรถลงแล้วถาม "พี่ ทำไมขับรถอย่างนี้" เขาก็ตอบว่า "กูจะปาด มึงจะทำไมกู"
ตนเลยบอกว่า "พี่ทำแบบนี้ไม่ถูก" เขาก็พูดตอบกลับมาว่า "มึงมันเด็กเมื่อวานซืน กูนักเรียนเตรียมนายร้อย มึงเตรียมรุ่นเท่าไหร่ กูนักเรียนเตรียมรุ่น 36" ตนเลยบอกว่า "นักเรียนเตรียมเขาทำแบบนี้หรอ ตนไม่ได้เป็นหรอกนักเรียนเตรียม พี่ชื่ออะไร" เขาก็ตอบกลับมาว่า "ชื่อเหมือนพ่อมึงอะ" ตนก็โมโหมากทำอะไรไม่ถูก ตอนแรกก็คิดว่าจะจบ เพราะตนก็ไม่คิดจะถือสาหาความ ตนไม่ได้คิดจะเอาเรื่อง แต่เขาขี่รถตามมา แล้วเอาเท้าถีบประตูรถฝั่งที่แม่ของตนนั่ง และรถเขาน่าจะล้มมาโดนประตูมีรอยถลอก
ขณะจ่าสิบเอกเอกำลังเล่าเหตุการณ์ นายทหารที่ขี่จักรยานยนต์ในคลิปได้มาที่เกิดเหตุ ทั้งสองฝ่ายเจอหน้ากันเกิดการโต้เถียงพักใหญ่ ผู้สื่อข่าวจึงขอให้พูดจากันด้วยดี เพราะเป็นทหารด้วยกัน
ฝ่ายนายทหารที่ขี่รถจักรยานยนต์ในคลิปจึงยกมือไหว้ขอโทษ พร้อมยอมรับว่าคืนเกิดเหตุ ตนดื่มสุราจนเมาเลยขาดสติ และต้องขอโทษแบบชายชาติทหารกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนค่าเสียหายยินดีชดใช้ ซึ่งคู่กรณีบอกว่าไม่ติดใจเรียกค่าเสียหาย เพราะตัวรถเป็นรอยเล็กน้อย เมื่อคู่กรณียอมยกมือไหว้ขอโทษก็ไม่ติดใจ โดยทั้งสองฝ่ายสวมกอดกัน แลกเบอร์โทรศัพท์ ก่อนแยกย้ายด้วยดีกันในที่สุด
ล่าสุด ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี โทรศัพท์ติดต่อไปยังนายทหารที่ขี่รถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ คู่กรณีที่มีการบีบแตร ตนเชื่ออาจจะเพราะคู่กรณีตกใจ เนื่องจากบนรถของคู่กรณีมีทั้งแม่และเด็ก ซึ่งตนยอมรับว่ารู้จักและคุ้นหน้าคุ้นตาคู่กรณีว่าเป็นทหาร แต่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว และยืนยันว่าไม่เคยบาดหมางหรือมีปัญหากันมาก่อน
ล่าสุดที่มีการไกล่เกลี่ยกันนั้น ตนได้พูดกับคู่กรณีว่า "พี่ขอโทษนะน้อง พี่ก็ใจร้อน" จากนั้นคู่กรณีก็ขอโทษตนเช่นเดียวกัน พร้อมกันนี้คู่กรณียังบอกอีกว่า สาเหตุที่บีบแตรในวันเกิดเหตุนั้น เนื่องจากมีอาการตกใจ ตนรู้สึกสบายใจมาก เนื่องจากได้ไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหายอย่างลงตัว อย่างไรก็ตาม จากเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นตนก็มีส่วนผิดที่ขับรถปสด แต่สุดท้ายมีการปรับความเข้าใจกันด้วยดี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นพยาน ทั้งนี้ เมื่อก่อนตนเป็นทหารจริง แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นทหารแล้ว แต่ทำงานรับใช้นายทหารยศใหญ่
