ประกาศสู้! ช่วยหนุ่ม "มุกเมโล" ถูกจับค้ายา แม่โฮยาโผล่ใกล้บ้าน - ตำรวจชี้ห่อพลิกคดี (คลิป)

7 ก.พ. 64

กรณีพ.ต.อ.โชคดี ศรีเมือง ผกก.สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวนของ สภ.หัวไทร นำหมายศาลจังหวัดปากพนัง เข้าทำการจับกุมตัวนายหัสชัย นิยมเดชา อายุ 37 ปี ที่ บ้านหมู่ 6 ต.เกาะเพชร อ.หัวไทร เจ้าของมุกเมโล หรือไข่มุกสีส้ม ที่เป็นข่าวดังก่อนหน้านี้ โดยจับกุมได้พร้อมของกลางไอซ์ 0.5 กรัม รวมทั้งอุปกรณ์เสพ จำนวน 2 ชุด

653349575808

ล่าสุดวันที่ 7 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังบ้านของนายหัสชัย นิยมเดชา อายุ 37 ปี ในพื้นที่หมู่ 6 ต.เกาะเพชร อ.หัวไทร โดยได้พูดคุยกับน.ส.กุ้งนาง นิยมเดชา อายุ 30 ปี น้องสาวของนายหัสชัย เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัย ว่ายาเสพติดที่พบบริเวณบ้านร้าง ใกล้กับบ้านของตน ประมาณ 10 เมตร กว่า 16,000 เม็ด เมื่อประมาณเดือน ธ.ค.63 ที่ผ่านมา เป็นของพี่ชายตน

217793

จากที่เจ้าหน้าที่บุกเข้ามาในบ้าน เมื่อวันที่ 5 ก.พ.64 เพราะพี่ชายตนไม่ไปรายงานตัว รอบการบำบัดฟื้นฟู ในคดีเสพยาเสพติด เมื่อปีที่แล้วด้วย และพยายามโยงให้พี่ชายตนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่พบบริเวณบ้านร้าง ตนยืนยันว่าพี่ชายตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน และพร้อมยืนยันว่าจะสู้คดีอย่างเต็มที่ ยอมรับว่าพี่ชายเสพยาจริง แต่ไม่มีส่วนเหี่ยวข้องกับการค้ายาแน่นอน เพราะหากพี่ชายค้ายาจริง บ้านทั้ง 2 หลังที่อาศัยอยู่ปัจจุบัน คงไม่ถูกไปจำนองไว้ที่ธนาคาร และสถานะทางการเงินของครอบครัวตอนนี้ลำบากมาก เพราะบ้านถูกธนาคารยึด ถูกประกาศขายทอดตลาด

106198

ทั้งนี้ตนยืนยันว่า พี่ชายไม่เกี่ยวข้องแน่นอน กับยาเสพติด 16,000 เม็ด อยากบอกว่าให้ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนจะไปลงข่าว เพราะครอบครัวถูกตกเป็นจำเลยสังคม ส่วนเรื่องไข่มุกที่พบก่อนหน้านี้ ทางครอบครัวก็ดีใจ แต่ก็ไม่อยากให้เป็นข่าว แต่ที่บ้านไม่มีความรู้ จึงต้องมีการประกาศไป แต่มั่นใจว่าพี่ชายเจอในเปลือกหอยจริง ๆ และไม่เคยบอกใครว่าไข่มุกจริงหรือปลอม ส่วนตัวก็อยากให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจ เพราะตนก็ยังไม่เคยไปกรุงเทพฯ และไม่ทราบว่าจะตรวจสอบอย่างไร ตนก็อยากขาย เพื่อที่จะนำเงินมาช่วยพี่ชาย ต่อสู้คดี ชาวบ้านบริเวณดังกล่าว ไม่มีใครเจอไข่มุกอีกเลย ยามที่มีคลื่นมรสุม ชาวบ้านก็จะพบของแปลก ๆ เยอะ

อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเป็นห่วงพี่ชายมาก เพราะไม่ได้เจอกันอีกเลย พี่ชายบอกว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง เพราะไม่ได้ผิด และให้เราสู้คดี ยืนยันมั่นใจว่าพี่ชายไม่เกี่ยวข้อง เพราะพี่ชายอยู่กับตนตลอด และยังเป็นห่วงลูกชาย วัย 15 ปี ของพี่ชาย กลัวได้รับผลกระทบทางจิตใจไปด้วย 

154527

ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นางเจนมินะ นิยมเดชา อายุ 57 ปี แม่ของนายหัสชัย เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์สืบเนื่องมาตั้งแต่ วันที่ 7 ธ.ค.63 ตนออกไปซื้อกุ้ง ที่บ่อกุ้ง ลูกชายตนโทรมาหาแล้วบอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาบริเวณใกล้บ้าน เพราะว่ามีคนยิงปืน จึงเดินทางมาตรวจสอบ จึงรีบกลับมาจากบอกกุ้ง และเดินทางไปที่บริเวณบ้านร้าง พบว่าลูกชายนั่งอยู่บริเวณบ้านร้าง กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก ตนจึงสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น และเหตุใดจึงต้องพาลูกชายของตนมานั่งบริเวณนี้

561950

จากนั้นเจ้าหน้าที่ จึงได้มีการตรวจสอบ และสอบสวนว่ายาดังกล่าวเป็นของนายหัสชัยจริงหรือไม่ โดยลูกชายก็ไม่ยอมรับว่าเป็นของตัวเอง จากนั้นเจ้าหน้าที่มีการให้นายหัสชัย เซ็นรับทราบ และปล่อยตัวกลับบ้านตามปกติ

ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ก.พ.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้านและแจ้งว่าเป็นเรื่องคดีเก่าที่ลูกชายเคยเสพยาเมื่อปี 63 ที่ผ่านมา และต่อมาตนมาเห็นว่าเจ้าหน้าที่ ใส่กุญแจมือลูกชาย และนำหมายศาลให้ดู เมื่ออ่านก็พบว่าลูกชายมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่บ้านร้าง ตนจึงเสียใจมาก ตนพยายามสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีหลักฐานอะไรที่มาบอกว่ายาเสพติดที่พบเป็นองลูกชาย เจ้าหน้าที่ก็ไม่บอก

713016

กระทั่งเจ้าหน้าที่นำตัวลูกชายไปที่ สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ตนพยายามไปหา เพราะลูกชายไม่ได้สวมเสื้อไป และได้คุยกับลูกชายว่า เจ้าหน้าที่ให้หาทนายมาสู้คดี และจากการสอบถามลูกชายก็ปฏิเสธ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดใด ๆ เลย และเจ้าหน้าที่ก็ให้ตนนั่งรอลูกชายด้านล่างแทน และคอยส่งข้าว และน้ำให้ เรื่องการขายยาเสพติด ตนยืนยันว่าลูกไม่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดใด ๆ เลย เพียงแต่มีการเสพที่บ้านเพียงเท่านั้น และตอนนี้คิดถึงลูกมาก ยืนยันว่าจะต่อสู้คดีถึงที่สุด

419004

อย่างไรก็ตาม นายหัสชัย ยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เจ้าหน้าที่มีการสืบสวนข้อมูลพบว่า นายหัสชัยยังมีเครือข่ายเกี่ยวยาเสพติดอีกหลายคน โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหาสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครอง ตำรวจมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน จึงคุมตัวดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส