กรณีร.ต.อ.กิตติเวช งาสุวรรณ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ดอนหัวฬ่อ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถชนกัน บนถนนศุขประยูรมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์ ร.พ.ชลบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยไตรคุณธรรม เมื่อวันที่ 8 ก.พ.64 ที่ผ่านมา
โดยที่เกิดเหตุพบศพ ด.ช.ปรัญชัย ชูสวัสดิ์ อายุ 14 ปี (คนขี่) นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.ชลบุรี นอนเสียชีวิตอยู่ใต้รถพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 85–5354 ชลบุรี ใกล้กันพบร่าง ด.ช.ชนินทร์ เจริญสุข (คนซ้อน) อายุ 14 ปี นักเรียนโรงเรียนเดียว ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลฉกรรจ์ที่สะโพกและขาฉีกขาดเป็นแผลขนาดใหญ่ อาการสาหัส
ทั้งนี้กู้ภัยจึงรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาล แต่เนื่องจากอาการสาหัส เสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบ รถจักรยานยนต์ สีดำ ทะเบียน งรพ-118 ชลบุรี ของผู้ตายล้มอยู่ สภาพพังยับเยิน และมีรถกระบะอีกคัน มีรอยเฉี่ยวชน
ล่าสุดวันที่ 9 ก.พ. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ จุดเริ่มต้นจากสามแยกไฟแดง ดอนหัวฬ่อ และจุดที่เสียหลักเบียดกับรถบรรทุก แล้วล้มลงถูกลากไป คือใต้สะพาน บริเวณจุดเกิดเหตุยังพบเป็นรอยที่ลากตัวผู้เสียชีวิต ระยะทางกว่า 10 เมตร และคราบเลือดกองใหญ่อยู่บนถนนเลนที่ 3 พร้อมทั้งพบชิ้นส่วนเฟรมท้ายรถจักรยานยนต์ตกอยู่ข้างถนน
ทีมข่าวเข้าสอบถามไปยังนายสุทัศน์ จ้อยศิริ อายุ 49 ปี คนเห็นเหตุการณ์ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. บริเวณจุดสามแยกไฟแดงดอนหัวฬ่อ สังเกตเห็นว่ามีเด็กนักเรียน 4 คน ขี่ซ้อนกันคันละ 2 คน จอดรอสัญญาณไฟอยู่บริเวณหน้ารถบรรทุก 18 ล้อ พอเห็นว่าสัญญาณไฟเขียวขึ้น เด็กนักเรียนทั้ง 2 คัน ก็เริ่มขี่รถซิ่งแข่งกันบนถนน
จากนั้นทั้ง 2 คันได้ขี่รถเบียดกัน จนรถของเด็กนักเรียนที่เสียชีวิต ไถลไปอยู่เลนที่ 3 ซึ่งเป็นเลนที่มีรถบรรทุก 18 ล้อ ขี่ตามหลังมา รถบรรทุกคันดังกล่าวจึงได้เฉี่ยวชนและล้มลง จนทำให้ร่างของเด็กนักเรียนทั้ง 2 ลากติดกับรถบรรทุกไประยะทางกว่า 10 เมตร
จากนั้นรถบรรทุกได้หยุดรถ ทางคนขับรถบรรทุกก็ได้ลงมาจากรถ ระหว่างนั้นตนได้เดินไปที่จุดเกิด พบว่านักเรียนที่เป็นคนขี่ได้เสียชีวิตคาที่แล้ว แต่ส่วนนักเรียนคนที่ซ้อนยังมีสติอยู่ และพูดออกมาว่า “ช่วยด้วย ๆ” ตนพร้อมทั้งชาวบ้านที่ออกมาดู สังเกตเห็นว่าล้อรถ ช่วงกลางกำลังทับเหยียบทับขาของเด็กนักเรียนคนที่ซ้อนท้ายอยู่ จึงรีบบอกให้คนขับรถบรรทุกช่วยเลื่อนรถออก
ขณะนั้นสภาพของเด็กทั้ง 2 คน เป็นแผลฉกรรจ์ ที่สะโพกและขาฉีกขาด เป็นแผลขนาดใหญ่ ตนพร้อมทั้งชาวบ้านที่ออกมาดูรีบโทรศัพท์ติดต่อแจ้งกับทางกู้ภัยในพื้นที่มาช่วยปฐมพยาบาลเด็กนักเรียนคนซ้อนท้าย ที่ยังมีสติอยู่ แต่ระหว่างที่กำลังนำตัวส่งโรงพยาบาล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ปกติบริเวณพื้นที่ดังกล่าวนี้เคยเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยมาก จนบางครั้งประชาชนในพื้นที่เห็นกันจนชินแล้ว แต่อุบัติเหตุกรณีนี้ถือว่าน่ากลัวและสยองมาก ๆ
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เดินทางมายังวัดบำรุงธรรมราษฎร์ศรัทธาราม หรือวัดล่าง ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นภาพบรรยากาศ การจัดงานบำเพ็ญกุศลและการสวดอภิธรรม ของด.ช.ชนินทร์ เจริญสุข หรือน้องโฟร์ค (คนซ้อน) อายุ 14 ปี ณ ศาลากลาง
โดยมีบรรดาญาติพี่น้อง ครอบครัว ครูอาจารย์และเพื่อนสนิท เข้ามาร่วมพิธีเป็นวันแรกของพิธีสวดอภิธรรม ซึ่งบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ญาติได้เริ่มพิธีรดนำศพ ในเวลา 16.00 น. ซึ่งมีญาติและเพื่อน ๆ น้อง ต่างเข้ามาร่วมแสดงความไว้อาลัย และยังอยู่ในสถานการณ์ที่เสียใจ
ทีมข่าวได้พบกับ ด.ช.อาม (นามสมมติ) เพื่อนขี่รถจักรยานยนต์ไปด้วยกัน กล่าวว่า ช่วงเวลา 16.30 น. ได้นัดกับเพื่อนกันว่าจะไปส่งเพื่อนอีกคนนึงที่บ้านใน ต.ดอนหัวฬ่อ ซึ่งระหว่างนั้นไปกันทั้งหมด 6 คน โดยขี่รถจักรยานยนต์กันไป 3 คัน ขี่กันไปคันละ 2 คน ขี่มาจนถึงจุดจอดรอสัญญาณไฟจราจรในเขตของ ต.ดอนหัวฬ่อ
จากนั้นรถคันของตน กับรถคันของเพื่อนที่เสียชีวิตได้ขี่มารอสัญญาณไฟจราจรอยู่ด้านหน้าของรถบรรทุก 18 ล้อคันดังกล่าว พอสัญญาไฟเขียวเพื่อนผู้เสียชีวิต ก็ได้ขี่นำหน้าไปก่อน จู่ ๆ รถบรรทุกที่จอดอยู่ด้านหลัง ขับตามหลังไปและได้หักขวาออกมาเบียดกับรถเพื่อนที่เสียชีวิต ทำให้เสียไปชนกับฟุตพาท แล้วหลักล้มลง จากเพื่อนของตนทั้ง 2 คน ได้กระเด็นเข้าไปที่ล้อ ทำให้ถูกเหยียบเสียชีวิตดังกล่าว
ด.ช.อาม ยังกล่าวต่ออีกว่า ขณะนั้นตนเห็นภาพที่เกิดเหตุเต็มตา แต่ไม่สามารถช่วยเพื่อนได้เลย ได้แต่เรียกตะโกนหาคนให้มาช่วยเหลือเพื่อนทั้ง 2 คน ขณะนี้ตนยอมรับว่ายังคงทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เสียใจมากที่เพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันทุกวัน ด่วนจากไปเร็วแบบนี้
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พบกับ น.ส.นุ่น (นามสมมติ) แม่ของเด็กซ้อนท้ายที่เสียชีวิต เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตอนนี้ตนยังทำใจยอมรับกับการจากไปของลูกชายไม่ได้ เนื่องจากตนมีลูกแค่คนเดียว และตนรักลูกชายคนนี้มาก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนได้ทราบเรื่องจากครูประจำชั้นโทรศัพท์ติดต่อมาแจ้งว่า ลูกชายประสบอุบัติเหตุอาการสาหัส โดยขณะนั้นตนกำลังทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ทราบเรื่องจึงรีบเดินทางมาดูลูกชายที่เกิดเหตุ ปรากฏว่ามีผ้าขาวคลุมตัวของลูกชายแล้ว “ทำไมต้องมาเกิดกับลูกเรา”
ขณะนั้นยอมรับว่าใจสลายมาก ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะมาเกิดกับลูกของตน ตามปกติตนจะทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะกลับมาหาลูกชายทุกครั้ง ซึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมายังกลับมาหา พูดคุย นั่งกินข้าวด้วยกันอยู่เลย และไม่มีลางสังหรณ์อะไรจากลูกชาย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยังไม่ได้เข้าพูดคุยกับทางคนขับรถบรรทุก วันนี้เป็นวันรดน้ำศพของลูกชายก็ไม่เห็นว่าทางคนขับจะเข้ามาแสดงความเสียใจกับการจากไปของลูกชาย และขณะเดียวกันทราบมาว่าทางเพื่อนลูกชายคนขับรถจักรยานยนต์ที่เสียชีวิตเช่นกัน ศพยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี
แต่อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (9 ก.พ.64) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดหมายให้ตน กับทางคนขับรถบรรทุกไปพูดคุยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้หากพยานหลักฐานพบว่า ทางคนขับรถบรรทุกเป็นฝ่ายผิด ตนก็ปล่อยให้เรื่องเป็นไปตามกฎหมาย และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด