จากกรณีเมื่อเวลา 18.30 น. ของวันที่ 10 ก.พ. 64 พ.ต.ท.สุรัช รัตนวงษา สว.(สอบสวน) สภ.บ้านไผ่ ได้รับแจ้งเหตุพระสงฆ์ถูกมีดแทงในวัดป่าสุมนามัย ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น โดยผู้ก่อเหตุไม่ได้หลบหนี
พบพระกู้เกียรติ เวสวัณโยธา อายุ 70 ปี พระลูกวัด นอนหงายร่างกายเกร็ง สภาพถูกแทงที่ใต้ราวนมด้านซ้าย 1 แผล กู้ชีพทำการปั๊มหัวใจก่อนนำส่งโรงยาบาลบ้านไผ่ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล
ขณะเดียวกัน นายวีรยุธ น้อยเหว่า อายุ 46 ปี ผู้ก่อเหตุ ยืนถือมีดอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ โดยไม่ได้ขัดขืนการจับกุม เจ้าหน้าที่จึงควบคุมทำการสอบสวนดำเนินคดี
วันที่ 11 ก.พ. 64 ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางไปยังจุดเกิด บริเวณวัดป่าสุมนามัย ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น มีการสวดอภิธรรมศพพระผู้เสียชีวิตภายในวัดเป็นคืนแรก บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
เจ้าอธิการโกมิลทร์ กันศรีโร พระรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดป่าสุมนามัย เผยว่า พระผู้เสียชีวิต คือพระกู้เกียรติ เวสวัณโยธา อายุ
70 ปี พระลูกวัด ปกติแล้วพระผู้เสียชีวิตเป็นคนที่นิสัยดี ประพฤติตัวดี เหล่าคณะสงฆ์ภายในวัดต่างรักใคร่ ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นคนประสาทไม่ค่อยดี เนื่องจากเสพยาเสพติดจนสมองเพี้ยน มักจะเข้ามาวนเวียนอยู่ภายในวัดเป็นประจำเพื่อขอเงินกับคณะสงฆ์ อีกทั้งมักจะขโมยข้าวของภายในวัดออกไปอยู่เสมอ ซึ่งตนเคยมีคำสั่งห้ามให้บุคคลดังกล่าวเข้ามาวุ่นวายภายในวัดแล้ว หากเจอก็ให้รีบนำตัวออกไปทันที เนื่องจากทนพฤติกรรมไม่ไหว เพราะ 2 วันก่อนเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุก็ได้เข้ามาขโมยถาดอะลูมิเนียมของทางวัดออกไป
โดยขณะที่พระผู้เสียชีวิตกำลังยืนเผาเศษใบไม้แห้งอยู่ข้างกุฎิ ผู้ก่อเหตุก็ได้เดินเข้ามาทำการขอเงินเหมือนตามปกติ แต่ครั้งนี้พระผู้เสียชีวิตไม่ให้ เนื่องจากรู้ว่าผู้ก่อเหตุจะนำเงินไปซื้อยาเสพติดมาเสพ ทำให้ผู้ก่อเหตุเกิดความไม่พอใจ พุ่งเข้าไปล็อกคอพระผู้เสียชีวิตจากทางด้านหลัง ก่อนใช้อาวุธมีดที่พกติดตัวมา ช่วงแทงเข้าที่บริเวณด้านหลังของพระผู้เสียชีวิต 1 ครั้ง และช่วงแทงบริเวณช่วงท้องด้านหน้า 2 ครั้ง
ในขณะที่ถูกแทงพระผู้เสียชีวิตได้ทำการร้องขอความช่วยเหลือ พระลูกวัดท่านอื่นที่ได้ยินเสียงจึงวิ่งเข้าไปพยายามช่วย ผู้ก่อเหตุเห็นจึงหยุดก่อเหตุ และปล่อยทิ้งร่างพระผู้เสียชีวิต นอนจมกองเลือดอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้หลบหนี และยังคงยืนถือมีดที่ใช้ในการก่อเหตุอยู่ในอาการมึนงง พระลูกวัดรวมถึงชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยเข้าทำการช่วยเหลือ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางคณะสงฆ์ภายในวัดก็รู้สึกมีความเสียใจเป็นอย่างมากกับการเสียชีวิตในครั้งนี้ แต่ก็ต้องปล่อยให้เป็นขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป
ด้านนางลำ ธาตุดี อายุ 71 ปี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เผยว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนเหตุการณ์พระผู้เสียชีวิตได้กำลังยืนเผาเศษใบไม้แห้งอยู่บริเวณข้างกุฎิ ผู้ก่อเหตุก็ได้เดินเข้ามาทำการขอเงินเหมือนตามปกติ ก่อนล็อกคอพระผู้เสียชีวิตจากทางด้านหลัง ก่อนใช้อาวุธมีดแทงหลัง
ส่วนตัวสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็รู้สึกสลดหดหู่ใจเป็นอย่างมาก เพราะพระผู้เสียชีวิตเป็นคนดี ไม่น่าต้องมาถูกคนเป็นโรคประสาทเพราะเสพยาหนัก ก่อเหตุแทงจนเสียชีวิตอย่างกะทันหันแบบนี้ ตนอยากจะให้เจ้าที่ตำรวจดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุด ประหารชีวิตไปเลย ให้สาสมกับการกระทำที่ก่อไว้ กระทำแบบนี้บาปหนาฆ่าพระในผ้าเหลือง ตายไปก็ต้องตกนรกแน่นอน
นางลำ ยังเล่าต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรืออะไร เพราะพระที่เข้ามาอาศัยนอนในกุฎิดังกล่าวนี้ ก่อนหน้านี้ก็มีเสียชีวิตมาแล้วถึง 2 รูป รวมล่าสุดก็เป็นรูปที่ 3 แล้ว รูปที่ 1 ถูกรถชนเสียชีวิต รูปที่ 2 โดนฆ่าตายเสียชีวิต เหตุเกิดหลาย 10 ปีก่อน ตนจำรายละเอียดในไม่ได้ว่าพระชื่ออะไร ล่าสุดรูปที่ 3 ก็โดนฆ่าเสียชีวิต
นางจันทมาค์ศ โตบึงกอก อายุ 49 ปี พี่สาวผู้ก่อเหตุ เผยว่า ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ป่วยทางจิต เนื่องจากเสพยาเสพติดมากมานานหลายปี
เวลามีอาการคลั่ง ก็มักจะอาละวาดเคยทำร้ายคนในครอบครัวมาแล้วหลายครั้ง หนักสุดเคยถึงขั้นใช้อาวุธมีดแทงลุงบริเวณชายโครงด้านซ้าย จนได้รับบาดเจ็บมาแล้ว
ทางครอบครัวเคยพาไปบำบัดรักษาอาการที่โรงพยาบาลจิตเวช จ.ขอนแก่น แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น จนถึงขั้นต้องสร้างบ้านใหม่เพิ่มอีกหนึ่งหลังติดกัน เพื่อจะได้ต่างคนต่างอยู่ เพราะต้องคอยอยู่อย่างหวาดระแวง ปกติแล้วผู้ก่อเหตุจะมีเบี้ยเลี้ยงคนพิการ จากทางรัฐบาลให้ทุกเดือนจำนวน 800 บาทไว้ใช้จ่าย อีกทั้งแม่ของผู้ก่อเหตุก็มักจะให้เงินใช้เพิ่มวันละ 40 บาท
ส่วนกรณีที่ไปขอเงินพระ ตนพอทราบมาบ้าง แต่เมื่อพอสอบถามเจ้าตัวอ้างว่าไม่ได้ไปขอเงินพระ แต่ทำงานช่วยวัดแลกเงินมา ทางครอบครัวจึงไม่ได้เอะใจ และไม่รู้ว่าจะไปขอเงินจากพระสงฆ์เพิ่มเพื่อนำไปซื้อยาเสพติดมาเสพ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางครอบครัวก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ครอบครัวก็อับอายคนในสังคมและไม่กล้าไปมองหน้าใคร เดินไปไหนก็มีแต่คนทักว่าเป็น "ครอบครัวของบุคคลที่ฆ่าพระสงฆ์ตาย" ตนก็อยากจะขอโทษกับการกระทำของน้องชาย และขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย
