เปิดใจ “ลุงตุ่ม” ท้าวแสนปม สแกนหน้าผิดรูปชวด “เราชนะ” ท็อป - ไทด์ระดมเงินช่วย (คลิป)

24 ก.พ. 64

ยังคงมีมาเป็นระลอก ๆ สำหรับปัญหาการลงทะเบียนรับเงินเยียวยาจากโครงการ "เราชนะ" ของรัฐบาล หลังจากประกาศอนุมัติเงินช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รอบ 2 เป็นจำนวนรวม 7,000 บาท มีการแบ่งจ่ายเป็น 2 เดือน เดือนละ 3,500 บาท

โดยขั้นตอนแรกของผู้ที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ คือ การเข้าไปลงทะเบียนผ่าน www.เราชนะ.com แน่นอนว่าผู้ที่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์นี้ได้ จำเป็นจะต้องมีสมาร์ตโฟน ซึ่งเรื่องนี้ก็กลายปัญหาใหญ่สำหรับประชาชนหลายคนที่ไม่มี หรือหากมีแต่ก็สแกนใบหน้าไม่ผ่าน

ล่าสุดนักแสดงจิตอาสาคนดัง “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ก็ได้ออกมาแชร์เหตุการณ์น่าสะเทือนใจที่ขึ้นกับคุณลุงวัย 67 ปี ชื่อ “ลุงตุ่ม-นายนิมิตร ศาสตริน” ตามองไม่เห็น ร่างกายไม่แข็งแรง ซ้ำยังป่วยเป็นโรคท้าวแสนปมมาตั้งแต่กำเนิด ใบหน้าผิดรูปไปมาก ทำให้การสแกนใบหน้ารับเงินจากโครงการเราชนะ 2-3 ครั้งที่ผ่านมาไม่สำเร็จ

684802

โดยจากโพสต์ของ “คุณบิณฑ์” ยังบอกอีกว่า ช่วง 3 ปีที่แล้ว ลุงมีรายได้จากการรับพวงกุญแจมาขาย ก็พอได้ค่าข้าวค่ายาบ้างอยู่บ้าง แต่พอมีสถานการณ์โควิด-19 ก็ขายอะไรไม่ได้ ต้องรับจ้างทั่วไป หาเช้ากินค่ำ เนื่องจากไม่มีครอบครัว พ่อแม่เสียชีวิตหมด ซ้ำยังขออาศัยวัดปากน้ำภาษีเจริญ เพื่อเป็นที่หลับนอนและขอข้าววัดประทังชีวิต

แต่โชคดีที่น้องสาวของ “ลุงตุ่ม” เห็นแล้วเกิดความสงสาร จึงพาอยู่ด้วยได้เกือบ 2 ปีแล้ว แต่ด้วยความที่น้องสาวมีอาชีพขายอาหารตามสั่ง เมื่อมาเจอกับพิษโควิด-19 ก็ขายไม่ค่อยได้ ด้านสามีที่เคยขับแท็กซี่เลี้ยงชีพก็ดันมาป่วย ต้องเข้ารับฟอกไตวันเว้นวัน

ล่าสุดวันที่ 24 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปพูดคุยกับ "คุณไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์" เพื่อพูดคุยถึงรายละเอียดในการยื่นมือช่วยเหลือคุณลุงตุ่ม เนื่องจากคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ติดภารกิจอยู่ต่างจังหวัด ไม่สามารถมาให้สัมภาษณ์ได้

264045

"คุณไทด์" เล่าให้ฟังว่า สำหรับการช่วยเหลือคุณตาตุ่มนั้น เริ่มต้นจากก่อนหน้านี้ได้มีทางน้องสาวแท้ ๆ ของคุณตาตุ่ม ได้ส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือผ่านเพจของ "คุณบิณฑ์" ซึ่งตอนนั้นส่วนตัวและทีมงานยังไม่ทราบว่าเขามีปัญหาเรื่องลงทะเบียนไทยชนะ ทราบเพียงว่าคุณตาตุ่ม ตกงานด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ขายของไม่ได้และต้องอาศัยข้าววัดกิน ทางน้องสาวจึงได้พาคุณตามาอยู่ด้วยกันที่บ้านพัก ย่านวัดปากน้ำภาษีเจริญ เพื่อดูแลกัน แต่ทางน้องสาวกลับต้องแบกรับภาระของสามีที่ป่วยด้วยโรคไตเรื้อรัง ทำให้ไม่มีเงินที่จะแบ่งมาช่วยเหลือทางคุณตา จึงส่งข้อความไปหา "คุณบิณฑ์" เพื่อขอความอนุเคราะห์ในส่วนของผ้าอ้อมผู้ใหญ่ โดยที่ไม่ได้เรียกร้องเรื่องเงิน

862540

ต่อมาทาง "คุณบิณฑ์" ได้เดินทางไปยังบ้านคุณตาตุ่ม ก็มีการพูดคุยถึงความเดือดร้อนทั่วไป ก่อนที่ทางคุณตาจะเล่าถึงปัญหาเรื่องการลงทะเบียนไทยชนะ จึงทราบว่าค่อนข้างน่าสนใจ และอาจจะเป็นเคสตัวอย่างให้คนอื่น ๆ เพราะทางคุณตาได้เดินทางไปลงทะเบียนที่ธนาคารแห่งหนึ่งถึง 3 รอบ แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่สามารถลงทะเบียนได้ เพราะในส่วนของขั้นตอนการสแกนหน้าทางระบบแจ้งว่าไม่ผ่าน เนื่องจากหน้าที่เปลี่ยนไปเพราะโรคท้าวแสนปม ทาง "คุณบิณฑ์" จึงมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 20,000 บาท พร้อมโพสต์เปิดรับบริจาคผ่านบัญชีของคุณตา คาดตอนนี้คงมีคนใจบุญทยอยช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนตัวไม่ทราบจำนวนว่าเท่าไร อาจจะเป็นหลักแสนหรือหลักล้าน ในส่วนนี้ให้ทางน้องสาวและผู้ใหญ่ในพื้นที่เป็นคนช่วยดูแล

อย่างไรก็ตาม จากเรื่องดังกล่าวเรื่อง "ไทยชนะ" ที่คุณตาตุ่มไม่สามารถลงทะเบียนได้ ส่วนตัวเข้าใจในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ธนาคารดังกล่าวว่าอาจจะต้องทำตามขั้นตอน แต่ส่วนตัวก็อยากวอนหากมีขั้นตอนใดที่สามารถรองรับหรือสำรองในการช่วยเหลือชาวบ้านจริง ๆ แม้มันอาจจะต้องใช้เวลานาน ก็อยากจะฝากแค่นี้

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยม “ลุงตุ่ม” ที่บ้านเลขที่ 38 ถนนรัชมงคลประสาธน์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ซึ่งพบว่าเป็นตึก 2 ชั้น หน้าบ้านเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง มีโต๊ะสำหรับลูกค้า 1 โต๊ะ ภายในบ้านเต็มไปด้วยของใช้วางอยู่ทั่วทุกจุดของบ้าน

429859

โดยภายในบ้านหลังนี้อาศัยอยู่ทั้งหมด 7 คน คือ “ลุงตุ้ย”, น้องสาว (ป้าต้อ), สามีป้าต้อ, ลูกสาวป้าต้อ 1 คน และหลานสาวอีก 2 คน อายุ 15 ปี กับ 19 ปี รวมถึงหลานชายวัย 12 ขวบ เพราะพ่อเขาเสียชีวิตไป และเตียงนอนของ “ลุงตุ่ม” เป็นเตียงขนาด 3.5 ฟุต มีผ้าห่มเก่า ๆ และผ้าขนหนูสำหรับไว้เช็ดน้ำลายของลุง พาดอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียง

861021

จากนั้นทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับคุณลุง ซึ่งต้องบอกก่อนว่าคุณลุงหูไม่ค่อยได้ยิน และพูดไม่ค่อยได้ สายตาพร่ามัว ร่างกายผอม เนื้อติดกระดูก และมีปุ่มท้าวแสนปมทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะที่ใบหน้าด้านซ้าย จะมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ห้อยติดอยู่ เพราะเป็นผลข้างเคียงของโรคท้าวแสนปม แต่ไม่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ

286746

“ลุงตุ่ม” กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า ตนเป็นโรคนี้มาตั้งแต่เกิด แต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร พยายามดูแลกันไปตามประสาพี่น้อง ป่วยก็พาไปโรงพยาบาล เพราะชีวิตตอนนี้มีเพียงแค่น้องสาวคนเดียวที่เหลืออยู่ และเมื่อถามว่ากับการเป็นโรคนี้เคยรู้สึกท้อใจ เหนื่อยใจบ้างไหม คุณลุงก็ส่ายหัวเบา ๆ แต่สำหรับเรื่องที่สแกนใบหน้ารับเงินเราชนะไม่ผ่านนั้น พี่สาวของลุงบอกว่า “คุณลุงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ”

821761

น้องสาวคุณลุง อย่าง “คุณต้อ-วราพร อ่อนนิ่ม” วัย 63 ปี บอกว่า พ่อแม่เสียชีวิตไปนานแล้วและจริง ๆ ก็มีพี่น้องอยู่ทั้งหมด 5 คน คนแรกเป็นผู้หญิง แต่ไม่เจอกัน 20 กว่าปีแล้ว เพราะครั้งสุดท้ายเขาบอกว่าจะไปทำงานที่ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อไป คนที่ 2 ก็คือ “ลุงตุ้ม” // คนที่ 3 เป็นผู้หญิงเช่นกันแต่เสียชีวิตแล้ว คนที่ 4 ก็คือตน และคนที่ 5 เป็นผู้ชายมีครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด ไม่ค่อยได้ติดต่ออะไรกันมากนัก

ทำให้วันนี้มีเพียงแค่ตนกับ “ลุงตุ้ม” ที่อยู่ในกรุงเทพฯ จึงต้องดูแลกันตามประสาพี่น้อง ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว “ลุงตุ้ม” อาศัยอยู่ในห้องเช่าคนเดียว ไม่มีภรรยา และยังสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ แต่บังเอิญว่าเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำ ทำให้เดินไม่ถนัด ตนจึงรับมาอยู่ด้วยประมาณ 4 ปีแล้ว

195111

“ลุงตุ้ม” มีรายได้ต่อเพียงแค่ครองชีพเดือนละ 1,400 บาท จากเบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท และค่าผู้พิการ 800 บาท แต่ทุกสัปดาห์จะมีค่าใช้จ่ายค่าผ้าอ้อมผู้ใหญ่ 500 บาท ไม่มีค่ารักษาพยาบาลใด ๆ ส่วนอาหารการกินก็จากของที่ร้าน เพราะตอนนี้ “คุณต้อ” ประกอบอาชีพเปิดร้านอาหารตามสั่งมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ให้บริการตั้งแต่เวลา 08.30 - 19.00 น. และขายได้กำไรวันละ 300-400 บาท เอามาเลี้ยงดูตน พี่ชายและสามี ส่วนค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟเดือนละ 8,000 บาท ด้านของลูกสาวที่อยู่ด้วยกัน ซึ่งมีรายได้เดือนละ 20,000 จะรับผิดชอบไป

ด้านของสามีก็มาล้มป่วยโรคไตได้ 2 ปี จากที่เคยขับแท็กซี่ รายได้เข้ามาจุนเจือก็หายไปทั้งหมด เหลือเพียงแค่เงินผู้สูงผู้อายุเดือนละ 700 บาท แต่ก็ต้องนำมาจ่ายค่าเดินทางไปฟอกไต โดยใช้สิทธิพนักงานไฟฟ้า วันเว้นวัน วันละ 300 บาท รวมแล้วเดือนละประมาณ 4,500 บาท แต่ยังโชคดีที่ของใช้ภายในบ้านหลายอย่าง เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน แป้ง และอื่น ๆ ได้รับความอนุเคราะห์จากพระสงฆ์ในวัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งเคยดูแลกันมาตั้งแต่ยังเป็นสามเณร

632465

ตอนนี้ “ป้าต้อ” บอกว่า ตนมีหนี้ในระบบอยู่ทั้งหมด 50,000 บาท ต้องชำระสัปดาห์ละ 800 บาท ซึ่งก็ทยอยจ่ายไปเรื่อย ๆ ได้ประมาณครึ่งปีแล้ว ด้วยเหตุการณ์ที่คุณลุงสแกนใบหน้าไม่ผ่านว่า เริ่มแรกก็ช่วยกันสแกนประมาณ 10 กว่าครั้ง ปรับใบหน้าลุงเอียงทุกองศาแล้วก็ยังไม่ได้ เพราะใบหน้าผิดรูป จึงเดินทางไปธนาคารกรุงไทย สาขาสี่แยกบ้านแขก ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ขอบัตรประจำตัวประชาชนไปเพื่อดำเนินการ แต่สุดท้ายก็ได้คำตอบมาว่า “ต้องกลับไปทำที่บ้าน” ตนจึงนำรูปใบหน้าของลุงให้เจ้าหน้าดู เขาก็ตอบกลับมาว่า “ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน แม้จะเอาตัวลุงมาก็ต้องสแกนเหมือนเดิม”

หลังจากนั้นตนก็กลับมาลองอีกสแกนใบหน้าให้ลุงอีก 2-3 รอบ ก็ยังไม่ได้ และทางเจ้าหน้าที่จึงแนะให้ติดต่อไปยังสำนักงานใหญ่ของธนาคาร แต่พอติดต่อปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บอกให้ใช้เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน และต้องใช้เสียงคุณลุงเพื่อยืนยัน แต่ด้วยความที่คุณลุงพูดตอบโต้ไม่ได้ จึงกลายเป็นว่าจนถึง ณ วันนี้ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้

698932

ทั้งนี้ “ป้าต้อ” บอกอีกว่า ตนเข้าใจในสาเหตุที่ไม่สามารถสแกนใบหน้าได้ และเข้าใจว่ากรณีแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่กับ “ลุงตุ้ม” คนเดียว แต่ก็อยากให้เจ้าหน้าที่หาวิธีทางแก้ไข เพื่อให้สามารถดำเนินการด้วยวิธีอื่นเหมือนกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วจะได้หรือไม่ได้ อย่างน้อยก็มีความหวัง ดีกว่าให้พาลุงไปที่ธนาคารแล้วกลายเป็นว่าโดนคนอื่นรังเกียจ หรือไม่ก็อนุโลมให้คนพิการ คนแก่ใช้แค่เลขที่บัตรประจำตัวประชาชนก็พอแล้ว

เพราะตนก็สงสารพี่ชาย แอบเครียดกับการที่ต้องดูแลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ลงไม้ลงมือ ทำร้ายร่างกายกัน แค่อาจจะเสียงดังไปบ้างบางครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะลุงหูไม่ได้ยิน เราเป็นพี่น้องกัน ยิ่งเป็นช่วงนี้ที่รายได้ไม่ค่อยจะมี ก็รู้สึกว่าเดือดร้อน ถ้าได้เงินจากโครงการนี้ก็จะนำไปใช้จ่ายในส่วนของค่าผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ค่านม ให้กับลุง

นอกจากได้รับการช่วงเหลือจาก “พี่บิณฑ์” จำนวน 20,000 บาทแล้ว เมื่อเช้าของวันนี้ 24 ก.พ.64 ก็มีเจ้าหน้าที่จากกรมพัฒนาสังคมเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้ามาเก็บข้อมูลความเป็นอยู่ เพื่อดำเนินการเรื่องมอบเงินสงเคราะห์คนพิการ เดือนละประมาณ 2,000 บาท และยังมีประชาชนโอนเงินเข้ามาช่วยเหลือจากการโพสต์ของ “คุณบิณฑ์” อยู่เรื่อย ๆ แต่ยังไม่ได้ไปเช็กยอด

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส