กรณีตำรวจ.สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ ที่ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างบิ๊กซี ชั้น 1 สาขารัตนาธิเบศร์ ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ, ตำรวจชุดสืบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมสั่งชุดสืบตามสกัดจับตามยุทธวิธี
โดยที่เกิดเหตุร้านทองตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของห้าง พบพนักงานอยู่หน้าร้านจำนวน 4 คน ยืนตะลึงตกใจกับเหตุการณ์ที่มีคนร้ายชิงทรัพย์เพิ่งผ่านไปหมาด ๆ จากการตรวจสอบเบื้องต้นคนร้ายได้ทรัพย์สินไปหลายรายการ เช่น 1.สร้อยคอทองคำ 2.สร้อยข้อมือทองคำ 3.แหวนทองคำ 4.พระเลี่ยมทอง องค์เล็ก ๆ และ 5.เงินสด รวมน้ำหนักทองประมาณ 241 บาท คิดเป็นมูลค่าประมาณกว่า 6 ล้านบาท
ล่าสุดวันที่ 25 ก.พ.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบว่าร้านห่างจากประตูทางเข้า-ออก ห้างฯ เพียง 20 เมตรเท่านั้น และในเวลานี้ก็ยังพบว่าจำนวนคนมาเดินห้างน้อยมาก จึงคาดว่าคนร้ายคงคุ้นชินและดูลาดเลามาก่อนก่อเหตุ
น.ส.กุลปณิษา (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ผู้จัดการร้านทองฯ เปิดเผยว่า ตนอยู่กับพนักงานในร้านอีก 3 คน เวลา โดยคนร้ายมากัน 2 คน วิ่งมาจากประตูห้างฯ เข้ามาที่ร้านโดยตรง ทั้งคู่แต่งกายเหมือนกัน คือใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ ชุดดำ ใส่หน้ากากอนามัยสีดำ และสวมถุงมือ
โดยคนแรกรูปร่างผอมผอมวิ่งและกระโดดเข้ามาในร้าน ตนเห็นแต่ดวงตา เพราะเปิดกระจกหมวกกันน็อก และพูดว่า "อย่าส่งเสียงดัง อย่ากดสัญญาณกันขโมย ไม่งั้นจะยิง" น้ำเสียงสำเนียงคนภาคกลาง ก่อนถกเสื้อให้เห็นปืนที่เหน็บอยู่ซอกเอว ตนและพนักงานในร้านกลัวจึงพากันนั่งลง จากนั้นคนร้ายรายนี้ก็ค่อย ๆ หยิบถาดทองที่ละถาดออกจากหน้าตู้ทองโชว์ชั้นบน เป็นสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 3 บาท 2 ถาด, สร้อยข้อมือทองคำ หนัก 3 บาท 1 ถาด สร้อยข้อมือทองคำ 1 บาท 2 ถาด รวมถึงหยิบทองจากตู้โชว์หน้าร้านทั้งกำไรข้อมือ, พระเลี่ยมทอง, แหวนทองคำ และเงินสดประมาณ 100,000 บาท ซึ่งรวมน้ำหนักทองที่ถูกชิงทรัพย์ไปกว่า 260 บาท
ส่วนอีกคนอยู่หน้าร้านติดตู้กระจก คอยเปิดกระเป๋าสะพายหลังรับทองจากคนแรก และค่อยจับจ้องพนักงานร้านตลอดว่าพนักงานจะทำอะไร โดยคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 2 นาที และพากันวิ่งออกทางเดิม
นอกจากนี้ตนเพิ่งย้ายมาเป็นผู้จัดการร้านสาขานี้ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.64 ที่ผ่านมา จึงนึกไม่ออกว่า 2 คนนี้เคยมาที่ร้านหรือไม่ รวมถึงลูกค้าร้านนี้ส่วนมากมักมาซื้อขายแลกเปลี่ยน ส่วนลูกค้าที่มาขอดูเฉย ๆ ก็จะเป็นลูกค้าประจำ ซึ่งจะจำหน้าได้ แต่คนร้ายทั้งคู่ไมคุ้นและไม่รู้เลยว่าเป็นใครเพราะแต่งตัวมิดชิด เหมือนเตรียมการมาดีมาก
อย่างไรก็ตาม ร้านบางสาขาเท่านั้น ที่ติดตั้งกรงเหล็กบางสาขา ซึ่งต่อไปอาจจะปรับเปลี่ยน แต่ปกติร้านมีมาตรการอยู่ เช่น ก่อนเก็บทองจะให้พนักงาน 1 คน ออกไปดูลาดเลาหน้าร้าน อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวเช็คราคา ณ เวลา 14.20 น. ราคาทองขายออกอยู่ที่ 25,600 บาท
นายอนิวัฒน์ ภูหัวตลาด อายุ 32 ปี กล่าวว่า ตนเห็นเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก โดยคนร้ายได้เดินเข้ามาที่ร้าน แล้วสั่งให้ตนหมอบลง จากนั้นพนักงานทุกคนก็ทำตาม คนร้ายเป็นชาย 2 คน พฤติกรรมคนร้าย 1 คน ได้กระโดดข้ามเคาน์เตอร์มาก่อเหตุกระชากสร้อยทอง ส่วนอีก 1 คนได้ยืนถือปืนคุมเชิงอยู่ข้างนอก ขณะเกิดเหตุพนักงานที่ร้านมีอยู่ 4 คน
ด้านน.ส.จันทร์ฉาย พิลาแดง อายุ 56 ปี แม่ค้าขายนาฬิกา ตรงข้ามร้านทอง เปิดเผยถึงนาทีที่เห็นโจรว่า วินาทีแรกที่เห็นนึกว่าเล่นละคร หรือไม่ก็ซ้อมเพราะก่อนหน้านี้มีตำรวจมาซ้อมบ่อย แต่แจ้งก่อนล่วงหน้า แต่ครั้งนี้มีกระจกแตกจึงคิดว่าไม่ใช่ และก้มตัวลงได้แต่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านตู้กระจกที่ใส่นาฬิกา
โดยคนร้าย 1 รายกระโดดข้ามตู้ พร้อมสั่งเลยว่า “ปล้น หลบ” และเข้าไปหยิบทองด้วยความรวดเร็ว แต่ดูทางใจเย็น แบบค่อย ๆ หยิบทีละถาด ทั้งคู่รูปร่างใหญ่เท่า ๆ กัน แต่งกายมิดชิดไม่เห็นหน้าตา ใช้เวลาชิงทรัพย์ไว้มาก และคิดไม่ทันว่าจะต้องแจ้งตำรวจ หรือเรียกใครช่วย เพราะเวลานั้นไม่มีลูกค้าเดินห้างฯ เลย อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า “เอาไปก็ไม่รอด เดี๋ยวตำรวจก็จับได้ ยุคนี้โจรไม่มีทางรอด”
