กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งแชร์คลิปวิดีโอ พร้อมระบุว่า “เทศกิจบางซื่อ VS.ไลน์แมน หนุ่มส่งอาหารฉุนโดนเทศกิจจับ เพราะจอดรถจักรยานยนต์บนทางเท้า โวยเจ้าหน้าที่ด่าก่อน สุดท้ายโดนปรับ 2,000 บาท ลั่นจะแจ้งความเจ้าหน้าที่ เหตุเกิดเมื่อวานนี้”
โดยภายในคลิปดังกล่าว จะเห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการโต้เถียงกัน ระหว่างพนักงานส่งอาหารกับเจ้าหน้าที่เทศกิจ ซึ่งเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง เนื่องมาจากพนักงานส่งอาหาร ได้จอดรถบนทางเท้า ทำให้เจ้าหน้าที่เทศกิจเข้าไปดำเนินการตามกฎหมาย แต่เกิดการโต้เถียงกันไปมา โดยต่างฝ่ายต่างใช้คำหยาบคาย
ทั้งนี้ หลังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุการณ์โต้เถียงกันระหว่างพนักงานส่งอาหารกับเจ้าหน้าที่เทศกิจ ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก บ้างก็ว่าเทศกิจทำถูกแล้ว แต่ใช้คำรุนแรงคุมอารมณ์ไม่ได้
ล่าสุดวันที่ 10 มี.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี พูดคุยกับนายสายชล พันธ์กวี อายุ 36 ปี พนักงานส่งอาหารคนดังกล่ว เปิดเผยว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 มี.ค.64 ขณะที่ตนไปจอดรถบนทางเท้าเพื่อส่งอาหาร ส่งเสร็จกลับมาคร่อมรถ จากนั้นไม่นานมีเจ้าหน้าที่มาแจ้งและตักเตือน เจ้าหน้าที่อีกคนลงมาพูดจาไม่ดี และพยายามถูกเนื้อต้องตัวตน บอกว่าจะยกรถไป แต่ตนขอหลักฐานใบเปรียบเทียบปรับเหมือนกับเขตอื่น แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มี และจะยกรถของกลางไป วันนั้นตนไม่ได้ยินยอมให้ยก
ทั้งนี้ ตนยืนยันและยอมรับว่าตนผิดจริง แต่จะไม่มีการเจรจายอมความ หรือยกกระเช้าก็ไม่ช่วยอะไร เพราะตั้งใจจะสั่งสอนคนที่นำคลิปมาลงในโซเชียลฯ เพราะวันนั้นเตือนแล้วว่า ตนให้ถ่ายได้ แต่ให้เก็บไว้ ไม่ใช่มาโพสต์ประจาน ตอนนี้ตนไม่ยอมเหมือนกัน ซึ่งยอมรับว่าผิดที่จอดรถบนทางเท้า แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนำมาลงสังคมออนไลน์
ในวันนี้ตนมาที่สำนักงานเขต เพื่อมาขอรายชื่อชุดเจ้าหน้าที่เทศกิจที่ปรากฏตามคลิป เพื่อนำไปใช้ประกอบสำนวนคดีหลังเดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดกับเจ้าชุดเจ้าหน้าที่ทั้ง 7 คน และผู้ที่นำคลิปเหตุการณ์มาเผยแพร่ตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงและอาจทำให้เสียรายได้ ทั้งที่ตนได้แจ้งแล้วว่าไม่อนุญาตให้นำคลิปออกไปเผยแพร่ หากตนตกงานตนก็ไม่ยอมเหมือนกัน สิ่งที่ตนทำคือตนต้องการเรียกร้องตามสิทธิ์ให้เจ้าหน้าที่แสดงใบเปรียบเทียบปรับออกมาเท่านั้นเอง ไม่ใช่จับปรับแบบไม่มีใบอะไรแบบนี้
ส่วนวันนี้ตนยืนยันว่า จะยังไม่มีการเสียค่าปรับแต่อย่างใด จะรอดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุดก่อน สุดท้ายอยากบอกพี่ ๆ หน่วยงานเทศกิจ อย่างน้อยคนละครึ่งทาง "ผมผิดผมยอมรับ ผมด่าคุณ ผมพูดรุนแรง แต่คุณจะจับผมคุณต้องพร้อมกว่านี้" และยืนยันว่าอารมณ์รุนแรงใส่ตนทุกคน จากนี้ตนขอโทษที่พวกเขาอายุมากกว่าตน แต่ตนไม่ยกมือไหว้ และน้อมรับผิดแค่ที่ตนจอดรถบนทางเท้า และหากเทศกิจจะขอโทษ จะยกกระเช้ามาให้เรื่องนี้ก็ไม่จบ เพราะคลิปตนแพร่ในสังคมออนไลน์ไปแล้ว และหากบริษัทเห็นคลิปคนอย่าให้ตนออกจากงานเลย ขอให้พิจารณาเคสไป
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ริมถนน กรุงเทพ-นนทบุรี หน้าคอนโดฯ แห่งหนึ่ง แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพ ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่หน้าคอนโดฯ มีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.จอม (นามสมมติ) ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เหตุการณ์เกิดวันที่ 8 มี.ค.64 เวลาพนักงานจะมาส่งอาหารให้ผู้ที่พักในคอนโดฯ จะสามารถขี่เข้ามาจอดในคอนโดฯ ได้เลย แต่ พนักงานส่งอาหารในคลิปคงจะไม่รู้ ประกอบกับคนสั่งอาหารเดินมารับที่หน้าคอนโดฯ พอดี พนักงานส่งอาหารเลยจอดรถไว้และรีบนำอาหารไปให้ลูกค้าที่พักในคอนโดฯ
จากนั้นพอจังหวะจะคร่อมรถ เทศกิจมาพอดี 7-8 คน เข้ามาในลักษณะล้อมพนักงานส่งอาหารเอาไว้ และพูดจารุนแรงโวยวายก่อน ทั้งที่พนักงานส่งอาการขอร้องแล้ว ทำให้เหตุการณ์ชุลมุน จนพนักงานส่งอาหารก็มีอารมณ์จนเกิดการโต้เถียงกันดังกล่าว โดยเหตุการณ์นี้ตนเห็นใจพนักงานส่งอาหาร
จากนั้นทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.ทิพวรรณ์ เจนประวิทย์ ผอ.เขตบางซื่อ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเทศกิจชุดดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนเห็นคลิปในโลกออนไลน์แล้ว ยอมรับว่าตกใจ โดยเหตุเกิดวันที่ 8 มี.ค.64 ตนได้เรียกเจ้าหน้าที่เทศกิจชุดที่ปฏิบัติการวันนั้นมาสอบถาม ได้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปแจ้งพนักงานส่งอาหารขณะออกปฏิบัติหน้าที่ว่าพนักงานส่งอาหาร ได้กระทำผิดพ.ร.บ.ความสะอาดและความเป็นระเบียบ จอดรถบนทางเท้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษปรับตั้งแต่ 2,000 - 5,000 บาท ซึ่งกฎระเบียบดังกล่าวมีมานานแล้ว และเคร่งครัดมากขึ้นเพื่อให้พื้นที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าพนักงานส่งอาหารกระทำผิดจริง และกระทำผิดซึ่งหน้า ต้องจับและเปรียบเทียบปรับ แต่เกิดการไม่พอใจโต้เถียงกันไปมา แต่ยังไม่ชัดว่าใครเริ่มก่อน ซึ่งทราบว่าหลังโต้เถียงกันยอมให้เจ้าหน้าที่เทศกิจยึดรถของกลางมาไว้ที่สำนักงานเขตก่อน ส่วนเรื่องใบสั่งนั้น เทศกิจไม่ใช่ตำรวจไม่สามารถเขียนได้ ต้องยกรถมาที่เขตอย่างเดียว เพื่อให้เจ้าตัวมาเสียค่าปรับที่เขตเท่านั้น เรื่องนี้อาจจะเป็นการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน แต่ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ไม่ไปเจอ ก็ถือเป็นการโชคดีของคนที่จอดรถบนทางเท้า แต่หากเจอก็ต้องจับปรับตามขั้นตอน
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกคนในการปฏิบัติหน้าที่ ให้แจ้งตามหลักเกณฑ์และข้อกฎหมาย ไม่ควรใช้อารมณ์ พร้อมทั้งให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตรวจสอบเจ้าหน้าที่เทศกิจที่ปรากฏตามคลิป แต่ยังไม่แน่ชัดว่าใครเริ่มพูดจารุนแรงก่อน ต้องรอบทสรุปอีกครั้ง และหากมีการตรวจสอบ ว่าเจ้าหน้าที่เทศกิจกระทำผิด ก็จะมีการลงโทษเช่นกัน