กรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. ต่อมานายไชย์พล วิภา ลุงเขยของน้องชมพู่ ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้แสดงอาการคุกคามสื่อมวลชน จนเกิดเป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป หลังจากที่ถูกนำเข้าเครื่องจับเท็จ
กระทั่งเจ้าหน้าที่ ปทส. ลงพื้นที่หมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร เพื่อตรวจสอบพื้นที่บริเวณจุดสร้างพญานาค มีข้อเสนอให้กำนันตำบลกกตูม และผู้ใหญ่บ้านกกกอก ทำประชาคมจากชาวบ้านทั้ง 16 หมู่บ้านในตำบลกกตูม เพื่อฟังความคิดเห็นจากชาวบ้าน นับคะแนนคนที่เห็นด้วยหรือเห็นต่างว่าจะให้รื้อถอนรูปปั้นพญานาค หรือคงเดิมเอาไว้สร้างสาธารณะประโยชน์
โดยผลการทำประชาคมจะไม่มีผลต่อการรื้อถอนหรือคงไว้ของรูปปั้นพญานาค แต่ผลประชาคมจะถูกใส่เข้าไปในสำนวนคดีรุกป่าสงวนของลุงพล และศาลจะเป็นผู้ตัดสินว่ารูปปั้นพญานาคจะถูกคงไว้หรือรื้อถอน
ล่าสุดวันที่ 11 มี.ค.64 กลายเป็นเรื่องที่ชาวเน็ตจับเอามาวิจารณ์เมื่อลุงพลพร้อมครอบครัวและผู้ใหญ่บ้าน รวมไปถึงยูทูเบอร์แห่งบ้านกกกอก ต.กกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ได้มาร่วมงานเดินแบบงานกาชาดและของดีจังหวัดมุกดาหาร และเป็นการเดินแบบที่ต้องมีการบริจาคเงินคนละ 1,000 บาทเพื่อการกุศล ใครที่จะเดินแบบต้องจ่ายเงินค่าสมัคร เพื่อเป็นการลงทะเบียนบริจาคช่วยกาชาด
โดยในงานนี้มีแขกกิตติมศักดิ์ และหน่วยงานในอำเภอต่าง ๆ พร้อมทั้งภาคเอกชนห้างร้าน แต่ละอำเภอจะมีกองเชียร์ให้กำลังใจด้วยการซื้อดอกกุหลาบให้กับคนที่เดินแบบ
ลุงพลพร้อมครอบครัว และกลุ่มยูทูเบอร์ ซึ่งมีผู้ใหญ่บ้านกกกอก หมู่ 2 พร้อมภรรยามาในนามของทีมที่ชื่อว่า ทีมลุงพล รวมแล้วประมาณ 20 คน โดยชุดที่ใส่นั้นในชุดของผ้าย้อมครามตัดแบบทันสมัย ใช้เวลาในการเดินประมาณ 20 นาที โดยทางอำเภอต่าง ๆ จะมีคู่ที่เป็นไฮไลต์ ซึ่งทางอำเภอดงหลวง ได้ส่งลุงพลและป้าแต๋นเป็นไฮไลต์ในครั้งนี้
เบื้องต้นจากการดูการวิจารณ์ ได้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ระบุว่า ไม่เหมาะสม เพราะลุงพลมีข้อที่ถูกกล่าวหามากมาย ส่วนฝ่ายที่เห็นด้วย บอกว่า ดีแล้วจะได้มีคนรู้จักจังหวัดมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวได้พยามประสานไปยังผู้จัดงานกรณีที่เชิญลุงพล ป้าแต๋น มาร่วมงานในครั้งนี้ เบื้องต้นยังไม่มีหน่วยงานในจังหวัดมุกดาหารออกมาให้คำตอบในเรื่องนี้
นายกล้า (นามสมมติ) ชาวบ้านกกตูม บอกว่า การเดินแบบในงานกาชาดมุกดาหาร ที่มีประจำทุกปี ทางผู้ว่าราชการจังหวัด มีแนวนโยบายที่จะโชว์ในเรื่องของผ้า และมอบหมายให้แต่ละอำเภอ คัดตัวแทนที่มีศักยภาพไปร่วมเดินแบบ ซึ่งทำเป็นประจำทุกปี โดยผู้ใหญ่บ้านเป็นคนเสนอชื่อลุงพลป้าแต๋น และยูทูเบอร์ไปให้ทางอำเภอ เป็นคนคัดเลือก
แต่ในส่วนของเรื่อง ลุงพล ป้าแต๋น ไปร่วมเดินแบบ ไม่ขอแสดงความคิดเห็น บางครั้งมีทั้งมุมบวกและลบ ถ้ามองในแง่ดีก็ลุงพลป้าแต๋นก็เป็นที่สนใจของสังคม อาจจะไปกระตุ้นนักท่องเที่ยว และสร้างสีสันในงานกาชาด แต่จะเหมาะสมหรือไม่ ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น
โดยวันที่ 12 มี.ค.64 จะมีการทำประชาคมในตำบลกกตูม จำนวน 16 หมู่บ้าน เรื่องทุบ หรือจะไม่ทุบรูปปั้นพญานาค หรือจะเก็บไว้เกิดประโยชน์มากกว่ากัน ในความคิดส่วนตัวไม่อยากให้ทุบจะทำประโยชน์มากกว่า ทุบไปก็เป็นซากปรักหักพัง ถ้าไม่ทุบจะสร้างรายได้ให้ชุมชน แต่ต้องไม่ขัดกับหลักกฎหมาย ส่วนการดูแลอยากให้คนในชุมชนกกกอกดูแลกันเอง อยากให้เป็นสมบัติของหมู่บ้าน
ด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาไลฟ์สด ระบุว่า สัปดาห์หน้าตนเตรียมที่จะเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ปทส. และนำหลักฐานเพิ่มเติมดำเนินคดีกับบางกลุ่มที่ร่วมกันตัดไม้
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับ นายเทคนิค พรานเนื้อ กำนันตำบลกกตูม เปิดเผยว่า สำหรับการทำประชาคม ทาง ปทส. ให้เวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งในส่วนนี้เทศบาลกกตูมจะเป็นผู้ดูแลและจัดการประชาคม แต่ยังไม่ทราบว่าจะใช้วิธีการลงคะแนนเสียง หรือการยกมือในการทำประชาคม
โดยจะเริ่มทำประชาคมจากหมู่บ้านกกกอกก่อน ว่า ชาวบ้านมีความคิดเห็นอย่างไร และหลังจากนั้นก็จะทำประชาคมจนครบ 16 หมู่บ้าน ทั่วตำบลกกตูม ซึ่งผลการทำประชาคมจะไม่สามารถตัดสินได้ทันทีว่า จะมีการรื้อถอนพญานาคหรือไม่ แต่จะนำผลการประชาคมส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ ปทส. แนบไปในสำนวนคดีรุกป่าของลุงพล และสุดท้ายศาลจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าจะรื้อถอนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม สำหรับตนแล้วก็รู้สึกเสียดายรูปปั้นพญานาคที่บ้านลุงพล และอยากให้คงเอาไว้เช่นนี้ แต่ไม่ว่าผลการทำประชาคมจะออกมาอย่างไร ก็พร้อมที่จะยอมรับและปฏิบัติตาม
