กรณีเหตุเพลิงไหม้ภายในหมู่บ้าน กฤษดานคร 31 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 เม.ย.64 ที่ผ่านมา ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการภายในอาคาร เพื่อค้นหาผู้ติดค้างภายในบ้าน จู่ ๆ อาคารดังกล่าวได้ทรุดตัวและถล่มลงมาทับเจ้าหน้าที่หลายราย
โดยเจ้าหน้าที่ได้กู้ร่างนายธนภพ ประไพ หรือ ต้น อายุ 44 ปี อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยประจำจังหวัดนนทบุรี อาสาสมัครของมูลนิธิสยามนนทบุรี ออกมาได้เป็นศพแรก ต่อมาช่วงเช้าของวันที่ 4 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงร่างทีมอาสาฯ ที่ติดซากอาคารถล่มทั้ง 4 คนออกมาได้ครบแล้ว ได้แก่ นายสุทัศน์ เปลี่ยนกลัด อายุ 38 ปี อาสา, นายสมัญญา นิลธง อายุ 48 ปี อาสา, นายเกียรติ แพตเตอร์สัน อายุ 35 ปี (เลขาฯ เจ้าของบ้าน) และนายอรรถพล ท้วมทอง อายุ 26 ปี อาสา
ล่าสุดวันที่ 4 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังหน่วยนิติพยาธิ ภาควิชานิติเวชศาสตร์ รพ.ศิริราช ซึ่งมีเหล่าบรรดาญาติทั้ง 3 คน เดินทางมารับศพ และมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายศพ โดยจะมีการนำศพผู้เสียชีวิตไปทำยังวัดศาลาแดง แบบตั้งขบวนไปพร้อมกัน
โดยมีภรรยาของนายสมัญญา ภรรยาของนายสุทัศน์ และแม่ของนายอรรถพล เดินทางมาติดต่อขอรับศพ หลังจากนั้นก็มีการเคลื่อนศพของนายสมัญญา เป็นศพแรก ศพที่สองคือนายสุทัศน์ และนายอรรถพลเป็นคันสุดท้าย เพื่อเดินทางมายังวัดศาลาแดง
เมื่อเดินทางมาถึงวัดศาลาแดง ภายในศาลาถูกจัดวางศพทั้ง 3 คนคลุมด้วยธงชาติ จากนั้นเหล่าบรรดาญาติ ๆ และเพื่อนร่วมงานจากหลายมูลนิธิ เข้าไปรดน้ำศพภายในศาลา โดยแบ่งเป็น 3 แถว ขึ้นมารดน้ำศพผู้เสียชีวิต
บรรยากาศในการรดน้ำศพ บรรดาญาติพี่น้องเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เตรียมพวงหรีดมาติดตั้งบริเวณเต็นท์ด้านนอก มีพวงหรีดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และของมูลนิธิอีกหลายภาคส่วน
จากนั้นเวลา 17.00 น. พลอากาศโทภัคดี แสงชูโต รองเลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้แทนวางพวงมาลา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว วางบริเวณด้านหน้าศพ หลังจากนั้นมีการพูดคุยเพื่อให้กำลังใจกับญาติผู้เสียชีวิต และมอบกระเช้ากับญาติผู้บาดเจ็บ เพื่อแทนคำขอบคุณและเป็นขวัญกำลังใจ
นางนิตยา โกยทอง ภรรยาของนายสมัญญา บอกกับทีมข่าวว่า ตนรู้สึกปราบปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ท่านทรงเห็นในความดีของสามีที่ทำ ถึงแม้ว่าในวันนี้จะสูญเสียสามีไป และยังคงรู้สึกเสียใจอยู่ก็ตาม แต่ก็เป็นความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล และพระองค์ทรงมีพระเมตตากับทั้ง 3 ครอบครัว
ทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับนายอุเทน เปลี่ยนกลัด อายุ 60 ปี พ่อของนายสุทัศน์ บอกกับทีมข่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งปกติเวลานายสุทัศน์ ออกไปปฏิบัติหน้าที่ จะเอาตัวรอดกลับมาได้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้ โดยปกตินายสุทัศน์ เป็นคนชอบช่วยเหลือสังคม หากมีเหตุด่วนอะไรก็รีบไป ซึ่งที่ผ่านมานายสุทัศน์ บอกกับตนตลอดว่าชอบงานอาสา ตนเป็นห่วง แต่ก็ไม่มีใครห้ามได้ ตนในฐานะคนในครอบครัวก็ต้องสนับสนุนในสิ่งที่ลูกอยากทำ
สำหรับเวลาที่นายสุทัศน์ ออกปฏิบัติหน้าที่เวลาดึก ๆ ก็เป็นห่วงตลอด จะบอกทุกครั้งให้ระวังตัว ส่วนเรื่องการที่นายสุทัศน์ เสียชีวิตในหน้าที่ ก็รู้สึกภูมิใจในระดับหนึ่ง แต่ก็รู้สึกไม่คุ้มแม้ว่าจะเป็นงานที่นายสุทัศน์ชอบก็ตาม เนื่องจากตนไม่ได้อยากให้ผลออกมาเป็นแบบนี้
ทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับนางอุบล สังข์เอี่ยม อายุ 52 ปี แม่ของนายอรรถพล บอกว่า นายอรรถพล เป็นคนที่ชอบทำงานจิตอาสามาก ๆ เนื่องจากว่าคุณพ่อเคยทำอาสามาก่อน แล้วเห็นตั้งแต่เล็ก จึงมีความสนใจที่จะทำงานจิตอาสามาโดยตลอด ซึ่งทางครอบครัวได้เตือนอยู่สม่ำเสมอว่าให้ลดการทำงานจิตอาสาบ้าง เนื่องจากมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็คือการเลี้ยงลูกสาววัย 6 ขวบ และช่วงเมื่อเดือนมี.ค.64 ที่ผ่านมา นายอรรถพล เกิดอุบัติเหตุไฟช็อตในระหว่างที่ช่วยเหลือคน ยิ่งทำให้คนในครอบครัวเป็นห่วงมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ปู่ของนายอรรถพล เคยเตือนว่าห้ามเข้าอาคารสูง ๆ ซึ่งทุกคนทราบ และลูกชายเพิ่งผ่านช่วงวัย 25 ปี เมื่อวันที่ 21 มี.ค.64 อีกทั้งเพิ่งมาทำบุญที่วัดศาลาแดง ตนเสียใจที่ลูกเสียชีวิต หากลูกชายเสียชีวิตด้วยสาเหตุอื่น ๆ ก็คงไม่ได้อะไร แต่ครั้งนี้ลูกชายทำความดีจนได้รับความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูลว่าเสียชีวิตในหน้าที่
จากนั้นทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับนายธนพัฒน์ ท้วมทอง อายุ 20 ปี เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ซึ่งเป็นญาติกับผู้เสียชีวิต เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า วันเกิดเหตุตนได้เข้าไปปฎิบัติหน้าที่กับนายสุทัศน์ ซึ่งก่อนหน้านี้นายสมัญญา และนายอรรถพล เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ก่อนแล้ว ตอนเข้าไปก็รู้สึกว่า เป็นการปฎิบัติหน้าที่ตามปกติ ขณะนั้นตนอยู่บริเวณด้านล่างของอาคาร โซนใกล้ประตูทางออก ในระหว่างนั้นได้ยินเสียงการเผาไหม้ดังขึ้น นายสุทัศน์ ซึ่งอยู่ห่างเข้าไปในบ้านประมาณ 50 เมตร ตะโกนบอกให้ตนหมอบ
เมื่อตนหมอบ ก็ได้ยินเสียงดังโครมเป็นวินาทีที่โครงสร้างอาคารทรุดตัว บรรยากาศข้างในค่อนข้างมืด ตนก็รู้สึกใจ ขณะนั้นหันหลังกลับไปมองนายสุทัศน์ แต่ก็มองไม่เห็นนายสุทัศน์แล้ว เนื่องจากทุกอย่างมืดไปหมด ตนตั้งสติสำรวจตัวเองว่าไม่ได้ถูกอะไรทับ และยังสามารถขยับตัวได้ จึงคลานต่ำออกมาจากอาคารตามแสงสว่างภายนอกที่สาดเข้ามา
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวรู้สึกเสียใจกับเห็นการที่เกิดขึ้น เนื่องจากโตมาด้วยกัน ค่อนข้างมีความผูกพันกันมาก ไปปฏิบัติหน้าทีด้วยกันก็ไม่เคยได้รับอุบัติเหตุอะไร แล้วก็ไม่คิดว่าเสียงที่นายสุทัศน์บอกให้หมอบ จะเป็นเสียสุดท้าย
