ตุ๊ก ชนกวนันท์ รับตามง้อขอคืนดีอดีตสามีทุกปี เพราะอยากให้กลับมาเป็นครอบครัว

5 เม.ย. 64

เป็นคุณแม่สุดสตรอง แกร่งสุดขั้วเลยทีเดียว สำหรับ ตุ๊ก ชนกวนันท์ ยืนหนึ่งเลี้ยงลูก น้องแพรว กับ น้องภูมิ ได้สมบูรณ์แบบ ล่าสุดได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show คุณแม่ตุ๊กเล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาในชีวิต เธอต้องผ่านอุปสรรคที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตคู่ แต่เจ้าตัวก็ขอบคุณช่วงเวลานั้นที่ทำให้ใจตัวเองแข็งแกร่ง

s__70762658 

ถาม เราคิดไหมว่าระยะเวลาขนาดนี้ ทำไมใจเราไปเร็วขนาดนั้น

ตุ๊ก : ถามว่าเร็วไหม เร็วค่ะ เร็วจริงๆ จำได้เลยว่า 22 ตุลาคม ที่ Channel V พี่บ๊วยขอแต่งงาน ไม่กี่วันหลังจากเป็นแฟนกันไม่ถึง 1 เดือน แต่เราคุยกันมา 10 เดือนแล้วนะคะ เราและเขาต่างก็คิดว่ามั่นใจ ซึ่งครอบครัว เพื่อนๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ก็รู้สึกว่าเร็วไป แต่คำว่าเร็วไปเนี่ยไม่เท่ากับเขาไม่ผ่านในสายตาเพื่อน เพื่อนๆ ไม่สนับสนุนเลย เพราะลุคของเขาเป็นคนเจ้าชู้ แต่ที่เราคุยกับเขา 10 เดือนเราไม่เห็นลุคนั้นเลย เพราะเราเห็นแต่ลุคอบอุ่นอย่างเดียว ไม่มีตลกนะคะ และใน 10 เดือน เราเสพแต่ความรู้สึกนั้น ทำให้เราตัดสินใจเป็นแฟน พาไปเจอพ่อแม่เร็วมาก ทุกอย่างเร็วมาก ทริปแรกๆ ที่เขาชวนไป เราก็ได้เจอคุณพ่อ คุณแม่ น้องสาวเขาครบเลย สำหรับครอบครัวพี่บ๊วย เราผ่าน สำหรับครอบครัวตุ๊ก พี่บ๊วยก็ผ่าน แล้วเราก็ได้แต่งงานกัน ชีวิตหลังแต่งงาน อันหนึ่งที่ตุ๊กคิดว่ามันมีผลส่วนหนึ่งคือพี่บ๊วยบอกว่าเขาจะรีโนเวตบ้านหลังเดิม เขาเป็นคนที่รักคุณพ่อคุณแม่มาก เพื่อที่จะอยู่ด้วยกัน คุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็ 3 พี่น้อง แต่เขาก็ถามเราก่อนนะคะว่าได้ไหม เราตอบแบบเร็วมาก ไม่ได้คิดว่าจะต้องคิดว่าได้ พี่บ๊วยก็เริ่มทำบ้านใหม่ พอเราย้ายเข้าไปอยู่ เราก็ได้มาคุยกับเพื่อนแก๊งนางแบบของเรา สมมตินะคะ อย่าง พี่อั๋นเป็นฝรั่ง เดินใส่รองเท้าในบ้านแล้วตุ๊กไม่ชอบ อันนี้ไม่ใช้เรื่องกิริยา นิสัยใจคอนะคะ แต่ตุ๊กรู้สึกอึดอัด เราก็บอกว่าทำบ้านไปแล้ว ก็คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้วเนอะ เพื่อนๆ ก็ได้แต่รับฟัง ซึ่งเราก็เข้าไปอยู่ทุกวันนี้คุณพ่อคุณแม่คือผู้ใหญ่ที่น่ารักมาก แต่ตุ๊กคิดว่ามันเป็นเรื่องเคมีและความชิน และก็ไม่ได้มีการพูดคุยกันทุกอย่าง เลยเริ่มมาคุ แล้วตุ๊กก็เงียบขึ้นเรื่อยๆ หลังๆ พอเรากลับจากทำงาน เราก็ขึ้นห้องเลย


ตุ๊ก : อย่างหนึ่งที่ตุ๊กคิดว่าตุ๊กบอกได้คืออันนี้มันไม่ผิด มันเป็นเรื่องของความถนัดแต่ละคน ตุ๊กว่าพี่บ๊วยเป็นคนกลางที่ไม่ได้ดี ซึ่งตุ๊ก ก็เชื่อว่าเคยได้ยินเขาพูดแบบนั้น เขาบอกเขาชอบหนี เขาไม่ชอบความปวดหัว วุ่นวาย ซึ่งเราก็เห็นคนกลางที่เขาประสานเก่งๆ มีจิตวิทยาเก่ง รู้ว่าแม่ชอบแบบนี้ รู้ว่าภรรยาชอบแบบนี้ อย่างเอาใจแม่ก่อน แล้วพออยู่ในห้องเรา พี่เข้าใจหนูว่าเรื่องนี้มันเป็นแบบนี้จริงๆ แค่นี้ก็รอดแล้ว ยอมๆ ไปก่อนในตอนนั้น แต่ถึงตอนนี้ก็ต้องบอกเลยว่าคุณพ่อคุณแม่ก็น่ารัก เพราะขนาดที่เราหย่าแล้ว เวลามาเจอกันหรือแม่มาหาหลาน เขาก็จะเกรงใจตุ๊กมาก เพราะตอนที่เราอยู่ด้วยกัน เราไม่ได้สื่อสารกันตรงๆ เลยมีแต่แบบเม้งหรืออาจจะพูดประชด ไม่เคยได้มานั่งคุยกันดีๆ เลย (ถาม ณ วันนั้นเราแรงไหม) มันไม่ได้แรงแบบในละคร แต่ก็คิดว่าไม่ได้เบา พอเรารู้สึกไม่ดี เราก็เข้าห้อง ตอนนี้พอเราโต เราก็รู้จักศิลปะการฟัง รู้จักศิลปะการดีล แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่ามันมีสิ่งนี้ในโลก เราคิดว่าการเป็นแบบนั้น เราก็ต้องแสดงออกแบบนี้ ก็คือจบ คิดว่ามีหนทางเดียว ไม่ได้คิดว่าต้องแบบไปถามเขาว่าแม่คะ มันหมายความว่าอย่างไร เมื่อกี้ตุ๊กคิดไปเองหรือเปล่าคะ หรือว่ามันไม่มีอะไร คราวหลังตุ๊กจะได้ไม่ทำอีก แต่ตอนนั้นเราก็ไม่เคยพูด หรือว่าเรื่องเราหวงลูก อันนี้ยอมรับเลย 100 เปอร์เซ็นต์หวงลูกมาก มันเกิดมาจากหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ที่เราท้อง ด้วยความเป็นเราที่เติบโตมาแบบนี้ คือให้เราผ่าคลอด เตรียมพี่เลี้ยงไว้ให้เรา แต่เพราะอาจจะเป็นความเด็กด้วย ก็คือโกรธมาก ทำไมฉันมันไม่ได้เรื่องเลยเหรอ แต่ภาพเราตอนนั้นคือไม่น่าเลี้ยงลูกเป็น ก็เลยพยายามทุกอย่าง ช่วยเหลือตัวเอง หาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับการคลอดกับการเลี้ยงลูก ตอนนั้นคุณแม่พี่บ๊วย ก็บอกจะเตรียมคนเลี้ยงไว้ ซึ่งถ้าเป็นตอนนั้น เราจะรู้สึกว่าทุกคนห่วงเรามากๆ กลัวเราเหนื่อย แต่ตอนนั้นเรากลับคิดว่าทุกคนดูถูกเราโกรธมาก เราก็ไม่ได้ถาม โกรธ แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะทำให้ดู เรายังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนแปลกมากในตอนนั้น และพอคลอด เราก็คลอดธรรมชาติสำเร็จ เลี้ยงเอง อย่างคุณแม่เขาบอกว่ามาๆ อุ้มหลานให้ เพราะว่าเขารักหลานมาก ให้เราไปกินข้าว เราก็จะพูดไปว่าคุณแม่เล่นได้เลยนะคะ ไม่เป็นไร เพราะว่าเป็นคนที่กินข้าวไป เลี้ยงลูกไปด้วยได้ คือยังจะต้องแบ่งสิ่งเหล่านี้ ให้เล่นนะ จะไม่ยอมรับเลยว่าเขามาช่วย คือบ้าบอมาก ตุ๊กว่าเขาก็ไม่รู้ เป็นบ้าอยู่คนเดียว ซึ่งพอเรามีคนที่สองแล้ว เพราะเราเป็นคนที่มีวิชาการเยอะมาก แล้ว แพรวก็เป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายมาก อายุ 3 เดือน นอน 12 ชั่วโมง แล้วเขาก็จะมาแล้ว ยังไม่ตื่นอีกเหรอ เขาก็คิดถึง ก็มาเขี่ยหลาน ก็มาพูด มาร้องเพลงให้ตื่น ในใจของเราก็โกรธ คิดอยู่ในใจว่าเดี๋ยวเด็กไม่ฉลาด เพราะว่าเวลาเด็กนอนเยอะๆ จะดี เราก็มีความเคือง ก็เพิ่มความมาคุ แล้วเราก็แอบมั่นใจว่าวิธีเราดีกว่าวิธีเขา แล้วเราก็ย้ายบ้าน คุณย่าก็มาเยี่ยม หลานก็นอนนานมาก เราก็บอกเขาไปว่ายังไม่ตื่นค่ะ เพราะเขาก็มารอหลาน 2 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่ตื่น พอตื่น เราก็ถักเปีย เราไม่ได้แกล้งนะคะ เพราะเราอยากให้สวยๆ เพราะกลัวว่าเดี๋ยวลงมาไม่สวย ไม่ดี เขาจะมองเราไม่ดี แล้วเราก็ได้ไปได้ยินข้อมูลทีหลัง จริงไหมไม่รู้ว่าจะไปหาหลานที อย่างกับไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ รอไปสิ เราก็รู้สึกเลยว่าเรานี่มันก็มากไปเนอะ พอมาเป็นคนที่สอง ถ้านอนอยู่แล้วคุณย่ามาหา เราเรียกปลุกให้เขาเลย


ถาม ซึ่งก็มีเหตุการณ์หนึ่ง พอหลังจากแต่งงาน เราก็ได้เห็นข้อความหนึ่ง

ตุ๊ก : พอแก่ลงก็ยอมรับว่าเรื่องแบบนี้มีบ้าง จริงๆ เพื่อนสนิทอาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำ อาจจะมารู้ในรายการนี้ครั้งแรก เกิดขึ้นตอนแต่งงานได้แค่หลักเดือน แต่เราก็ผ่านเรื่องนั้นมาได้ด้วยดี พี่ดู๋ สัญญา ยังแซวเลย บ๊วย ทนหน่อยนะ ผู้เขามักจะพูดเรื่องเก่า เดี๋ยวตุ๊ก มันต้องพูด อย่างเช่นแบบ ทีวันนั้น ผู้หญิงมักจะชอบพูด ซึ่งตัวเราเองก็ตั้งใจว่าเราจะไม่พูดเรื่องนั้นอีกเลย ซึ่งเราก็ทำได้จริงๆ เราก็ไม่เคยพูดเลย เหมือนกับเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่เราก็มารู้ทีหลังว่าพี่บ๊วย พูดกับเพื่อนว่าความผิดครั้งนี้ เขาจะสปอยล์ตุ๊กให้สุดชีวิต เพราะว่าวันที่เจอเหตุการณ์ครั้งนั้น ตุ๊กไม่ได้พูดอะไรเลย ตุ๊กจะเป็นคนแปลกๆ แต่ถามว่าช็อกไหม ช็อกค่ะ ที่รู้เรื่องนี้ เพราะว่าตุ๊กไปหยิบโทรศัพท์ พี่บ๊วย อย่าโกรธนะคะ เรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ตอนนั้นเราก็แบบถามหาเบอร์เพื่อนพี่บ๊วย เขาก็ขี้เกียจ เพราะเขาอ่านหนังสืออยู่ เขาก็บอกว่าไปหยิบเอง พอเราเปิดมา เราก็เจอ คิดถึง เราก็รู้จัก เพราะคนนี้เขาก็เป็นเพื่อนไง ตุ๊กก็ถามเลยคนนี้ใคร เพราะเป็นคนชอบถาม เขาก็บอกว่าคนนี้มาจีบ พี่บ๊วยก็รอดเรื่องนี้ ก็จบ แต่พอเราเจอผู้หญิง เราก็ไม่พูดด้วย เสร็จแล้วเขาก็ไม่สบายใจ แล้วเขาก็ไปถามเก๋ ชลลดาว่าพี่ตุ๊ก เขาเป็นอะไร เขาไม่พูดกับหนู เก๋ก็ว่าเหรอๆ เดี๋ยวมาถามเราให้ พอเก๋มาถาม เราก็เล่าให้ฟังว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่เก๋เขาก็รู้สึกแปลกๆ เลยโทรศัพท์หาน้องแล้วเปิดลำโพง ซึ่งน้องเขาก็จะไม่รู้ว่าตุ๊กฟังอยู่ ก็เลยรู้ว่ามันไม่ใช่มาจีบฝ่ายเดียว เป็นการร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่การตบมือข้างเดียว เราก็กลับบ้าน แล้วพอเขากลับมา ก็บอกเขาว่าเราทราบเรื่องหมดแล้ว แล้วหลังจากนั้นตุ๊กก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้อีกเลย แต่เราตื่นมาร้องไห้ตอนกลางคืน แต่เราไม่นึกว่าพี่บ๊วยจะรู้เรื่อง แล้วก็ผอม เขาก็เลยสาบานว่าเขาจะตามใจผู้หญิงคนนี้ที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ซึ่งเขาก็ทำได้จริง ตุ๊กก็เพิ่งมาคิดได้วินาทีนี้ คำว่าสปอยล์ของเขาคือไม่พูดความรู้สึกที่ไม่ดีออกมา คำที่หยาบคาย หรือมีอารมณ์ที่สุดในชีวิตที่ตุ๊กเคยได้ยินจากปากพี่บ๊วยคือ อะไรวะ คำที่แรงที่สุดในชีวิตคือ พี่ขอหย่า

s__70762654

ถาม มองย้อนกลับไปคิดว่าเราพยายามดึงรั้งเขาจากการที่เขาจะดูแลพ่อแม่ไหม เช่น เขาบอกว่าเขาอยากกลับไปหาพ่อแม่บ้าง เราก็บอกเขาว่าอย่าเพิ่งเลย

ตุ๊ก : อย่างนี้ไม่มีเลยค่ะ ไปได้ นัดเจอ อันนี้แม่มาหาหลาน เจอตลอด


ถาม ในความพยายามการใช้ชีวิตคู่ มีหลายครั้งที่เคยได้ยินปัญหา คนที่เป็นแม่ลูกคือโลกทั้งใบของเรา จนมีบางครั้งไหมที่เราลืมหน้าที่ของการเป็นภรรยา

ตุ๊ก : ตุ๊กว่าตุ๊กคือคนที่ทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่เก่งอยู่แล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีลูก เราเคยไปออกรายการพี่ดู๋ แรกๆ ก็ได้มีการแซวด้วยภาษาสุภาพ แต่สื่อนัยยะให้เข้าใจว่าไม่ชอบทำการบ้าน และเราก็มั่นใจตัวเองว่าเขาหลงและรักเรามากพอ จนกระทั่งแม่ตุ๊กได้ดูรายการ ก็เตือนว่าลูกอย่าเป็นแบบนี้เลย ถ้าวันหนึ่งเขาเจอใคร เขารักหนูมากๆ นะตอนนี้ แม่บอกว่านอนเฉยๆ ก็ได้ ตอนนั้นคือรำคาญแม่มาก โอ๊ยอะไร ทะลึ่ง เพราะเรามั่นใจมากว่าเขารักเรามากๆ เพราะเราเองไม่ชอบเรื่องแบบนั้นเลย บางครั้งเขาอยากจะมีความสัมพันธ์ แต่เราขี้เกียจ เหนื่อย เราก็จะแกล้งหลับ เขาไม่ได้บังคับ ไม่ได้ว่า แล้วก็ไม่ได้ง้อ ซึ่งถามว่านี่คือปัญหาหลักที่ทำให้เราไม่โอเคกันไหม ตุ๊กคิดว่ามันผสมและส่วนหนึ่งตอนนั้นเราโนสนโนแคร์มาก แล้วมั่นใจมากว่าเขารักเรามากกว่าที่เรารักเขา

ตุ๊ก : พอเกิดเรื่องขึ้น เราหวัง 100 เปอร์เซ็นต์ที่จะกลับมาคืนดี เพราะเราไม่ค่อยผิดหวัง ทุกอย่างเราค่อนข้างทำได้ เพราะเราเคยทำกลับมาได้สำเร็จ เราเคยเจอปัญหานอกใจ เราก็กลับมาได้ แต่ก็หวั่นใจทุกวัน มันแปลกๆ จนกระทั่งโทรไปปรึกษาพี่ดู๋ สัญญาเพราะเราไม่รู้ว่าจะโทรหาใครในโลกแล้ว เราก็ไม่ได้อยากให้ใครรู้เยอะ พี่ดู๋ก็ให้เราวางแผนว่าจะลุยเลยหรือว่าจะรอก่อน ตอนนั้นคือรอก่อน  รอในที่นี้ของเรา คือจะรอตรงนี้ รอได้ ไปคุยกันให้เบื่อไปเลย รอได้ เราคิดว่าเขาแค่หลงกับของใหม่ พอจบ ฉันจะรออยู่ตรงนี้


ถาม วันที่ถูกบอกเลิก เรารู้สึกยังไงบ้าง

ตุ๊ก : ไม่ถึงกับฟูมฟาย แต่พออุ้มลูกแล้วจะร้องไห้ เราก็จะรีบเดินไปในสวน เพราะเด็กทารกน่าจะไม่รู้เรื่อง แต่เรากลั้นน้ำตาไม่ได้ น้ำตามันไหลเอง มันเจ็บ พอน้ำตาไหลเสร็จ เราก็กลับขึ้นบ้าน

s__70762661

ถาม มีครั้งหนึ่งที่ตุ๊กบอกว่าสงสารลูกคนโตเหมือนกัน ที่จะต้องเห็นคุณแม่ตอนที่กำลังเฟลสุดๆ

ตุ๊ก : ช่วงที่น้ำท่วมพอดี ประมาณปี 54 ซึ่งบ้านเราถมสูง 2 เมตร แต่ตอนนั้นเราเครียด เราเลยหนีไปก่อน หอบลูกไปด้วย 2 คน ไปเชียงใหม่กับปายรวมกัน 2 เดือน เพราะเราเป็นคนที่ทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่ได้มีพี่เลี้ยงอยู่แล้ว เราคิดว่าเราทำได้ แต่ลืมไปว่าไปต่างถิ่น พอจะเข้าห้องน้ำจะทำอย่างไร ปกติเราก็อุ้มลูกอึ ฉี่นะ อย่างตอนนั้นแพรวอายุ 3 ขวบพอดี เขาก็ช่วยดูแลน้อง เวลาที่เราเข้าห้องน้ำ ดูน้องจนกว่าเราออกมาจากห้องน้ำ เพราะเวลาที่เราอาบน้ำ เราอุ้มลูกอาบน้ำไม่ได้อยู่แล้ว เราก็ขับรถไปกับลูก เด็กสามขวบ  ต้องบอกเลยว่าอยู่กับแม่ที่เป็นบ้า แล้วก็เด็กทารกตอนนั้นคือสงสารแพรวมาก แต่สภาวะในอารมณ์ของเราในวันนั้น ตุ๊กว่าตัวเองโอเคมากแล้ว สื่อเรียกว่าเราสตรอง ตุ๊กก็ยิ่งสะกดจิตว่าตัวเองสตรองค่ะ พอเราได้สติแล้ว เวลาเดินมาก็คิดว่าตัวเองบ้าๆ บวมๆ เหมือนกัน (ถ้าถามจริงๆ ตอนนั้นหนีน้ำท่วมไหม) ก็ไม่ได้หนีน้ำท่วมหรอกค่ะ


ถาม แล้วเรามีไปลงกับลูกบ้างไหม

ตุ๊ก : ไม่ได้ไม่ลง 100 เปอร์เซ็นต์ มันมีหลุดๆ ที่รู้ว่าเราหลุด เพราะว่าวันนั้นย้ายไปอยู่ปายแล้ว เราก็หลุดพูดกับลูกว่า แพรว แป๊บนึงได้ไหม!! แล้วเพื่อน.. ชีวิตคือโชคดีมากเพราะเจอกัลยาณมิตรตลอด เพื่อนคนนี้เขาเป็นกระบวนกร เขาก็บอกเราว่าเมื่อกี้รู้ตัวหรือเปล่าว่าข้างในถูกเขย่าแล้วก็ไปกับลูก เราก็บอกว่าไม่รู้ตัวเลย เราก็เลยตั้งสติ เพราะตอนนั้นเราคิดว่าถ้าทนายเขาเก่ง แล้วเอาลูกไปจะเป็นยังไง ตอนนั้นเราเครียดมากเลย หาว่า 5 สาเหตุของการฟ้องหย่ามีอะไรได้บ้าง เราก็ไม่เข้าข่าย มันเป็นความกลัวของเราที่เขาจะเอาลูกไป ส่วนเรื่องหย่าคือเริ่มรอมร่อแล้วแหละ


ถาม แต่เขายังยืนยันขอหย่า

ตุ๊ก : ยืนยันตลอด เราปฏิเสธกับไม่ตอบบ้าง จนวันหนึ่งเขาก็เดินมาบอกว่า ตุ๊ก งานวันศุกร์ยกเลิกนะ เพราะวันที่เขามาบอกคือ วันจันทร์แล้ว แล้ววันศุกร์คือเราต้องถ่าย MV เอ๊ะ จิรากร เพลง จากนี้ไปจนนิรันดร์ ตอนนั้นเราคิดเลย เห็นชื่อเพลง ถ้าถ่าย MV เราต้องคืนดีกันแน่เลย แต่ช่วงนั้นเขาก็ไม่ได้คุยอะไรกับเราแล้ว ขอแยกห้องนอนแล้ว เขาก็บอกเราว่ายกเลิกนะ เราก็บอกว่าไม่ได้นะ น่าเกลียด เขาบอกกับเราว่าพี่ไม่อยากหลอกประชาชน ยกเลิกเถอะ พี่ไม่ได้รักตุ๊กแล้ว เราก็ยังรั้งเขาว่ามันก็แค่งาน เขาก็บอกว่าให้เราไปฟังความหมายเพลงสิ ซึ่งสุดท้ายก็ยกเลิกเพราะเขาไม่เล่น หลังจากนั้นเราก็ไปหย่ากัน ซึ่งวันที่หย่า เราไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะว่ามันผ่านมาแล้ว แต่ว่าเราเป็นลม คิดว่าตอนนั้นตัวเองเหนื่อย ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะดราม่า แต่ก็ไม่ได้ดราม่าอะไรเลย ก็มีคนให้สติว่า ตุ๊กมีศักดิ์ศรีของความเป็นแม่แล้วก็ของความเป็นผู้หญิงคืนมาได้แล้ว เราอย่าไปยื้อเขาเลย เพราะเขาเอง เขาก็ไม่อยากร่วมทางกับเราแล้วมันต้องตบมือด้วยกันเนอะ ชีวิตคู่ คนเราถ้ารักกัน มันก็จดทะเบียนใหม่ มาอยู่ด้วยกันใหม่ได้ ก็ด้วยความที่เราศรัทธาคนที่พูดด้วยเราก็ตกลงวันหย่า (ถาม ณ วันนั้นแข็งแรงหรือยัง) วันนั้นก็ไม่ได้แข็งแรงเท่าวันนี้ ความแข็งแรงมันเพิ่มขึ้นทุกวันแน่นอน


ถาม แต่ก็ได้ข่าวว่าเราก็มีการง้อขอคืนดีทุกปี

ตุ๊ก : จริงๆ แล้วที่ประจำทุกปี เพราะมากกว่านั้นกลัวเขารำคาญ แต่จะไม่ขอ ก็คิดว่าอยากทำอะไรทำให้ถึงที่สุด ขอซะหน่อย พี่บ๊วยก็จะบอกว่าแบบนี้ดีแล้ว ซึ่งพอทุกวันที่ 22 ตุลาคม วันที่เขาขอแต่งงาน ซึ่งเขาก็ไม่รู้หรอกว่าวันที่เท่าไหร่ เขาไม่ได้คิดตามเรา แต่เราคิด แล้วพอ 22 ตุลาคม เราก็จะถาม คิดว่าจะกลับมาไหม คิดว่าสงสารลูก สร้อยมากสร้อยน้อยแล้วแต่ปี เขาก็จะบอกว่าแบบนี้ดีแล้ว เราทำมาแบบนี้ทุกปี ที่ผ่านมาที่เราถาม เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่ตุ๊กต้องถาม ส่วนหนึ่งเรารักเขา ส่วนหนึ่งเราอ้างว่าเราทำเพื่อลูก ทำอยู่อย่างนั้นประมาณ 5 ปี เพราะหย่ามา 9-10 ปี ส่วนใหญ่คนไม่ทราบแล้วบางทีนักข่าวมาถามว่าทิฐิหรือเปล่า แต่เขาไม่ทราบว่าเราเป็นคนถูกทิ้งนะ เราไม่ได้เป็นคนที่ตัดสินใจเรื่องนี้ ส่วนใหญ่คนคิดว่าตุ๊กเป็นคนขอหย่าด้วยซ้ำ เราก็ไม่ได้อยากหย่าตั้งแต่วันแรกด้วย เราขอเขาคืนดีมาตลอดในวันที่ 22 ตุลาคม จนตุ๊กว่าทุกคู่นะคะ มันถูกเติมทุกวัน ถ้ามันไม่ถูกเติม จะลดลง พอมันลดลงแล้วมันไม่ผ่านเกณฑ์ ความรักที่มันต่ำลงจนมันไม่ออกฤทธิ์ พอถึงวันที่ 22 ตุลาคม เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว รู้สึกว่าปีนี้ไม่ถามดีกว่า สำหรับตุ๊กคิดว่าเพราะความรักที่ไม่ถูกเติม แล้วมันก็ลดลงในปริมาณที่ไม่ได้มากพอที่จะออกฤทธิ์ อันนี้ก็อยากแชร์ให้คุณผู้ฟังด้วย ก็ขอพูดถึงพี่ดู๋อีกครั้งเพราะตอนนั้นพี่ดู๋จะอยู่ในชีวิตของเราทั้งคู่เยอะมาก บอกว่าใดๆ ก็ตาม ชีวิตคู่จะเกิดอะไรขึ้น ความผิดคนละ 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะหัวข้ออะไร เพราะถ้าบ้านเราแข็งแรงพอ ก็จะไม่มีใครมาเลื่อยขาบ้านเราได้ หรือมนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ทุกนาที ดีมากเพราะประโยคนี้เข้าหูตุ๊กเร็วมาก มันเลยไม่มีแบบทำไมๆ ไม่มีเลยนะคะ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนได้ทั้งนั้น

s__70762657

ถาม มาถึงตรงนี้มุมมองความรักเปลี่ยนไปยังไงบ้าง

ตุ๊ก : ไม่ถึงกับเปลี่ยนนะคะ แต่กว้างขึ้น คนเราจะรักกันมันต้องดูแลกันหลายมิติ เราไม่ได้อยากให้เขาดูแลเราฝ่ายเดียว เราก็ต้องดูแล เข้าใจเขาด้วย ไม่ใช่เราไม่เสียใจกับอะไรที่ผ่านมา ตุ๊กก็เชื่อว่าถ้าตุ๊กไม่ได้เจออะไรต่างๆ ที่ผ่านมาทั้งหมด ตุ๊กจะไม่โตเท่าวันนี้ แล้วทั้งหมดคือพอใจกับผลงานตัวเอง เพราะว่าเห็นแพรวกับภูมิมีมุมมองความรักที่ดีมากๆ เราเชื่อว่าเด็กเล็กเขาสะท้อนจากความรู้สึกของเราจริงๆ แปลว่าเรามีความรู้สึกดีๆ แผ่ออกไปให้เขารู้สึกดี ซึ่งเราก็หวังว่าเขาจะทำอะไรกับความรักได้ดีกว่าเรา


ถาม ถ้าถามว่าสถานภาพของตุ๊กกับพี่บ๊วยเป็นเพื่อนกันแบบไหน

ตุ๊ก : มันก็จะดูเป็นคำที่ทุกคนใช้กันนะคะ เป็นพ่อแม่ของลูก เราจะคุยกันในเรื่องที่ต้องดีลกัน แต่เราก็อาจจะไม่ได้คุยกัน หรือสนิทกันแบบที่เราจะปรึกษาปัญหากันได้ทุกเรื่อง


ถาม เคยเผลอโทษตัวเองไหม

ตุ๊ก : เคยค่ะ แต่อย่างที่บอก เพราะว่าเรามีกัลยาณมิตรดีมาก เวลาจะโทษตัวเอง เพื่อนก็จะคอยบอกว่าเราว่าอย่าโทษตัวเองนะ เพราะเดี๋ยวมันจะกดทับ ซึ่งตุ๊กโชคดีมากที่มีเก๋คอยอยู่ข้างๆ มาตลอด เขาพร้อมที่จะมาอยู่ตรงหน้าเราตลอดถ้าเราต้องการ แล้วเขาก็รักลูกตุ๊กมาก

s__70762659

ดูคลิปย้อนหลังรายการ Club Friday Show ได้ทางยูทูป

https://youtu.be/bkSKqZcSE6I
https://youtu.be/bY0HQrione0
https://youtu.be/hLBjhSzeZhM
https://youtu.be/qM0j3_b0cTw
https://youtu.be/4Cpdt44LEJA
https://youtu.be/msQtyoqtGps
https://youtu.be/sAMQh1FZoy4

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส