กรณีหญิงสาวชาวไทย ทำงานในประเทศอิตาลี ออกมาร้องทุกข์อ้างว่า ถูกคนสนิทของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง "จินตหรา พูนลาภ" หลอกลวงเอาเงินไปสูงกว่า 6 ล้านบาท จนกลายเป็นกระแสวิจารณ์นั้น
ล่าสุดวันที่ 15 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้มาพูดคุยกับหนึ่งในบุคคลที่ร่วมงานกับ “คุณจินตรา” นั่นคือ “คุณอุ๊บ วิริยะ” ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่ารู้จัก เคยร่วมงานกันจริงและหลายครั้งมากในช่วงที่ตนยังดูคิวงานให้กับ “ลุงพล-ป้าแต๋น” บางครั้งก็ขึ้นเวทีร่วมแสดงโชว์เพลงเต่างอยกับ “คุณจินตหรา” ด้วยซ้ำ
โดยครั้งแรกที่เจอกัน คือ ที่งานบวงสรวงพญาเต่างอย จ.สกลนคร ตนก็ได้มีโอกาสขึ้นไปโชว์พร้อมกับ “คุณจินตหรา” บนเวทีก็มีผู้ชายคนนี้ เป็นคนติดต่อประสานงานให้ หลังจากนั้นผู้ชายคนนี้ก็ติดต่อตนเพื่อเชิญให้ไปถ่าย MV เพลงเต่างอย เวอร์ชั่นใหม่ ที่ช่องอมรินทร์ ทีวี เมื่อเสร็จงานในวันนั้นเขาก็บอกกับตนประมาณว่า “งานวันนี้ ถ้าเกิดให้เป็นค่าตัว มันก็คงจะเยอะเกินไป ขอเป็นเลี้ยงข้าวแทนได้ไหม” ตนก็เลยตกลงและเดินทางไปกินสุกี้กันที่ห้างดังย่านลาดพร้าว โดยไปกันทั้งหมด 5 คนคือ “คุณอุ๊บ, ครูชาไทย, ผู้ชายคนนี้” และทีมงานของเขาอีก 2 คน
ต่อมาเมื่อมีงานต่าง ๆ ที่ จ.มุกดาหาร ตนก็จะเจอผู้ชายคนนี้บ่อยขึ้น จึงมีการเพิ่มเพื่อนในไลน์กัน เท่าที่ตนดูแล้วเขาก็มีลักษณะที่ดูดี ผิวพรรณดี ภูมิฐาน และการทำงานก็เต็มร้อย การพูดจาน่าเชื่อถือ รวมทั้งยังเป็นคนที่จ่ายเงินให้กับอาหารแต่ละมื้อที่มีการเชิญ “ลุงพล-ป้าแต๋น” และตนไปร่วมงานตลอดด้วย เท่าที่ตนรู้มาบ้านช่องเขาก็หรูหราพอสมควร ไม่เคยได้ยินข่าวว่าเขาจะหลอกเงินหรือยืมเงินใครด้วย ไม่มีวี่แววเลยว่าจะมีข่าวแบบนี้ออกมาได้
ทั้งนี้ “คุณอุ๊บ” ยอมรับว่าหลังเห็นข่าวก็รู้สึกตกใจมาก และอยากให้เขาออกมาชี้แจงเหตุผลที่แท้จริงต่อสังคม เพื่อความยุติธรรมของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะแน่นอนว่าตกเป็นจำเลยของสัมคมไปแล้ว ในฐานะคนใกล้ตัวที่เคยร่วมงานก็ไม่อยากตัดสินอะไร ไม่อยากปรักปรำใครทั้งนั้น เพราะมุมหนึ่งก็คิดว่าผู้ชายคนนี้ และ “นางนก” (นามสมมติ) ทั้งคู่อาจจะมีเรื่องส่วนตัวที่ตนอาจจะคาดไม่ถึงก็ได้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “ปรบมือข้างเดียวไม่ดัง”
เช่นเดียวกับ “คุณจินตหรา” ก็จำเป็นต้องออกมาตอบคำถามสังคมเหมือนกัน การให้เงินหรือให้ของโดยเสน่หา เท่าที่ตนอยู่ในวงการมันเกิดขึ้นบ่อยมากและเคยเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ตนมีเด็กในสังกัดซึ่งเป็นนายแบบและมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อ จู่ ๆ ก็มีเงินใช้ ซื้อของแบรนด์เนม แต่ไม่ทำงาน ตนก็สงสัยว่าไปเอาเงินมาจากไหน
ดังนั้นจึงกลายเป็นเรื่องที่สามารถเตือนสติทุกคนได้ว่า ไม่ว่าจะทำอะไร คุณจะเป็นเพศไหนก็จะต้องคิดก่อนทำ อย่ามีนิสัยโอนไว เพราะหากเกิดเรื่องขึ้นมาก็จะกลายเป็นข่าวฉาวได้ และแน่นอนว่า “เงินใดก็ตามที่ได้มาด้วยความไม่บริสุทธิ์ เงินนั้นจะเกิดอาเพศ อาถรรพ์ เกิดสิ่งที่ไม่ดีตามมา กลายเป็นเรื่องอัปรีย์ในที่สุด เพราะฉะนั้นการทำงานโดยที่ไม่งอมืองอเท้า ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด อย่าเป็นขอทานออนไลน์”
หลังจากที่ทีมข่าวได้มีการพูดคุยกับ “คุณอุ๊บ” เสร็จสิ้น ก็ได้มีการลองโทรไปหาชายคนดังกล่าว ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่ง 2 ครั้งแรกไม่รับสาย เมื่อผ่านไปประมาณ 10 นาที ชายคนนี้โทรกลับมา
ทีนี่ “คุณอุ๊บ” ก็พยามที่จะถามด้วยความเป็นห่วงว่า มีอะไรให้ช่วยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่ผู้ชายคนนี้กลับบอกว่า “ไม่หรอกพี่ ก็คงปล่อยไปตามนั้น เพราะอยากให้เรื่องอยู่ในชั้นศาลแล้วค่อยว่ากัน เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้น มันมีหลายอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินกว่านั้น และทางด้านของพี่จินตหรา ก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย ปกติและเฉย ๆ มาก เพราะผมได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดไปแล้ว”
ทีมข่าวเดินทางมาพบกับ นางนก (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังจากข่าวออกไป ส่วนตัวรู้สึกเฉย ๆ กับข่าว เพราะความจริงก็คือความจริง และความจริงตนต้องเปิดเผยอยู่แล้ว ส่วนคู่กรณีหากคิดว่ามีความจริงก็ให้ออกมาชี้แจง ทุกอย่างรู้อยู่แก่ใจ ตนก็รอคู่กรณีออกมาชี้แจงเช่นกัน ส่วนตอนนี้ที่คู่กรณีไม่ติดต่อกลับ ตนมองว่าเหมือนหนีปัญหา หากมีความจริงไม่จำเป็นต้องหนี การออกมาชี้แจงก็ถือว่าเป็นการแสดงตัวเองด้วย ตนเชื่อว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้นความจริง
ทั้งนี้ตนกลับมาไทยกักตัว 15 วัน ยังถูกหลอกให้โอนเงินอีก 90,000 บาท ที่ตนให้เงินเพราะตนกลัวว่าผู้ชายคนนี้ จะหนีและไม่ได้เงินคืน โดยข้ออ้างของผู้ชายคนนี้ คือ ไม่มีเงินจะกินข้าว รวมทั้งไม่มีเงินส่งหนี้รายวัน ตนจึงถอดทองคำให้พนักงานโรงแรมไปจำนำให้ ทั้งนี้เขายังเคยขอให้ตนซื้อโทรศัพท์ และทอง 8 บาท ซื้อของแบรนด์เนม เข็มขัด นาฬิกา รองเท้า และแว่นแบรนด์ดัง
ในช่วงปลายปี 63 ผู้ชายคนนี้ อ้างว่าป่วยเข้าโรงพยาบาล แต่เงินที่ประกันจ่ายแค่ 3,000 ด้วยความที่ตนห่วงเรื่องโควิด-19 สุดท้ายผู้ชายคนนี้ นอนโรงพยาบาลหมดเงินไปอีก 30,000 บาท โดยครั้งนี้เพื่อนของผู้ชายคนนี้ ติดต่อมาหาตน อ้างว่าผู้ชายคนนี้ ไม่มีเงินจ่ายค่าห้องพักของโรงพยาบาล จึงมาขอความช่วยเหลือตน ส่วนตัวยืนยันว่าไม่ได้คบกัน แต่ผู้ชายคนนี้ มักใช้คำพูดหวาน และคุยกันจนผู้ชายคนนี้เรียกตนว่าเป็นแฟน โดยที่ไม่เคยเจอตัวกันจริง ๆ
ในวันนี้ตนมีหลักฐานมาแสดง คือ แชตการพูดคุยเรื่องที่แม่ของชายคนนี้ นำโฉนดที่ดินไปขาย เพื่อนำเงินมาชดใช้คืนให้ตน โดยคนที่ส่งหลักฐานให้ตน คือ แม่ของผู้ชายคนนี้
นอกจากนี้ ชายคนนี้ยังอ้างว่ากำลังหานายทุนเพื่อมาซื้อที่ดิน นำเงินมาชดใช้ตน โดยมีการส่งหลักฐานจำนวนหนี้ที่เหลือ เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวจำนองอยู่ เหลือหนี้ 7.6 ล้านบาท
ในวันที่ 20 มี.ค.64 ตนเดินทางไป จ.นครพนม เพื่อไปติดตามทวงหนี แต่ตนไปแบบไม่ให้ผู้ชายคนนี้รู้ และจะไปจัดการเรื่องการขายที่ดิน แต่ก็ถูกผู้ชายคนนี้หลอกเอาเงินไปอีกเกือบ 1 ล้านบาท โดยอ้างเป็นค่าหนี้รายวันเช่นเดิม รอบนี้ส่วนใหญ่เป็นเงินสดที่ตนให้ จนช่วงปลายเดือนมี.ค.64 เป็นช่วงหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น ผู้ชายคนนี้ก็ได้ส่งรายชื่อคนที่จะให้เงินมา จนทำให้ผู้ชายคนนี้ชนะเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวที่ร้องไห้เพราะเสียใจ ไม่เคยเจอแบบนี้ ตนคิดถึงอยากผูกคอตาย ส่วนตัวยอมรับว่าบางส่วนตนให้เงินไป ไม่ได้หวังเอาคืน แต่เงินสดที่ให้ไป 4-5 ล้านบาท จากทรัพย์ทั้งหมดเกือบ 7 ล้าน
ทั้งนี้ตนยังมีคลิปเสียงที่ชายคนนี้คุยกับตน อ้างว่ากำลังหานายทุนมาซื้อที่ดิน แต่ราคาได้แค่ 3 ล้านบาท จึงไม่พอจ่ายหนี้ธนาคาร ตอนนั้นนายทุนให้ราคา 13 ล้าน โดยชายคนนี้ยอมทำใบมอบอำนาจให้ ซึ่งยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือ แต่สุดท้ายก็เบี้ยว อ้างว่าดอกเบี้ยแพงเกินไป ซึ่งตอนมาเอาเงินกับตน อ้างว่าจะขายที่ดินเพื่อเอาเงินมาคืนตนให้ได้
ที่สำคัญตนยังมีคลิปเสียงที่คุยกับแม่ของชายคนนี้ ที่กล่าวยอมรับว่าได้รับสร้อยเพชรไปจากตนจริง และยังอ้างว่าต้องการเงินไปจ่ายหนี้รายวันอีก ซึ่งตนก็พยายามคุยเพื่อให้แม่ของชายคนนี้มาเจอ และทำสัญญาชำระหนี้ แต่อ้างว่าให้ช่วยจ่ายหนี้รายวันก่อน จำนวน 200,000 บาท
ส่วนตัวยังหวังว่าจะได้เงินคืน แต่คู่กรณีไม่ติดต่อมา มีเพียงป้าของชายคนนี้ ที่ติดต่อมา แต่ชายคนนี้ไม่ยอมออกมาเคลียร์ อย่างเช้าวันนี้แม่ของชายคนนี้ ก็ติดต่อมาขอความเมตตาจากตน เพราะตอนนี้เขาไม่มีเงินจะกินข้าวแล้ว ส่วนที่สังคมด่าว่าตนโง่นั้น ตนเองมองว่าคนที่ว่าตนยังไม่เห็นหลักฐานทั้งหมด ตนเปรียบเทียบเหมือนเราเห็นคนกำลังจะตาย เพราะแม่ของชายคนนี้ เคยบอกว่าจะกินยาตาย แล้วตนก็เห็นที่ดินว่าเขาต้องการจะขายจริงเพื่อใช้หนี้ ตนช่วยได้จึงช่วย ตนมองว่าตนไม่ได้โง่ที่จะช่วยคนกำลังจะตาย
อย่างไรก็ตาม ตนยังมีเรื่องประหลาดใจ คือ ตอนที่ตนเดินทางไป จ.นครพนม เพื่อติดตามเงิน แต่มีคนเข้ามาทักตนถึง 3 คนว่าตนน่าจะโดนของ ส่วนตัวไม่เชื่อเรื่องหมอดู ไม่เชื่อเรื่องทำของ แต่คนที่นั่นบอกว่าแม่ของชายคนนี้ทำของใส่ตน อีกทั้งตนยังได้กลิ่นธูปหอมช่วงเวลา 02.00-03.00 น. ทุกคืนช่วงที่มาอยู่ไทย ตอนอยู่ต่างประเทศก็ได้กลิ่นบ้าง ซึ่งตนไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ตนไม่เคยมีความเชื่อเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้หลบหลู่
กระทั่งตนได้เจอผู้ใหญ่ที่ จ.นครพนม ได้เอาผ้าถุง น้ำมนต์ มาครอบตน และพรมน้ำมนต์ให้ ตนรู้สึกโล่งขึ้น จึงมีความระแวงเกิดขึ้นในใจ ตนต้องให้เพื่อนมานอนด้วย เพราะไม่อยากอยู่คนเดียว ส่วนครอบครัวรู้เรื่องแล้ว แต่สามีเป็นชาวต่างชาติ ไม่ได้เสพข่าวที่ไทย ตนก็ไม่ได้กังวลที่สามีจะทราบเรื่องนี้ เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด ตนให้คนยืมเงินแล้วไม่ยอมคืนเท่านั้น
