ผัวเมียหัวร้อนบุกตบข้างห้องหน้าบวม ยัวะทุบกุญแจเสียงดัง คลิปว่อนรีบหอบผ้าหนี (คลิป)

กรณีเพจเฟซบุ๊ก "Survive-สายไหมเราต้องรอด" ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวรายหนึ่ง โดยบอกว่าพี่สาวถูกผู้ชายข้างห้องทำร้ายร่างกาย สาเหตุเพียงแค่พี่สาวตนเคาะประตูห้องเสียงดังนั้น

วันที่ 17 เม.ย. 64 ทีมข่าวได้ลงไปในพื้นที่ตึกเกิดเหตุ พบว่าเป็นอาคารสูง 5 ชั้น ห้องของหญิงที่ถูกทำร้ายอยู่บริเวณชั้นที่ 5 ส่วนห้องของชายที่ออกมาทำร้าย อยู่ชั้น 5 เช่นเดียวกัน ห่างกัน 5 เมตร ซึ่งระหว่างห้องกั้นนั้นเป็นห้องว่าง ขณะเดียวกันห้องของผู้ก่อเหตุ พบว่าปิดสนิท โดยใช้กุญแจล็อกภายนอก ทราบว่าได้เก็บเสื้อผ้าออกไปตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา

น.ส.แหม่ม (นามสมมติ) อายุ 47 ปี ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า วานนี้ เวลา 21.00 น. ก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งพูดคุยกับเพื่อนรวม 3 คนอยู่ด้านล่างของตึก คุยเสร็จได้พากันกลับขึ้นบนห้องพักของตน ขณะเดียวกันประตูห้องพักของตนใส่กุญแจล็อกประตูเอาไว้ และตนก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองนั้นลืมกุญแจอยู่ในห้อง

จากนั้นเพื่อนของตนที่พักอาศัยชั้นเดียวกัน เดินไปหยิบเอาค้อนขนาดเล็กมาให้เพื่อหวังว่าจะนำมาทุบกุญแจ ทุบกุญแจไปเพียง 1 ครั้ง ทำให้ชายผู้ก่อเหตุได้เดินออกมาด่าทอ ตนพยายามอธิบายว่าลืมกุญไว้ในห้อง จึงจำเป็นที่จะใช้ค้อนทุบกุญแจ แต่ผู้ก่อเหตุกลับไม่ฟัง ปรี่เข้ามาหาตนผลักให้ล้มลงไปกับพื้น ตนพยายามลุกขึ้นมาต่อสู้ เพื่อป้องกันตัวเอง และตนได้ด่าทอด้วยคำหยาบ

ขณะเดียวกันเพื่อนของตนที่มาด้วยเป็นผู้หญิง จึงไม่กล้าที่จะเข้ามาช่วยเหลือ แต่ได้หยิบมือถือขึ้นมาบันทึกคลิปวิดีโอเอาไว้ กระทั่งมีชายพลเมืองดีวิ่งจากข้างล่างมาห้ามปราม บอกให้ผู้ก่อเหตุหยุดทำร้ายผู้หญิง แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมฟัง ได้เดินไปคว้าของแข็งคล้ายกับเหล็กมาไล่ฟาดไปทั่ว ส่วนภรรยาของผู้ก่อเหตุได้เพียงแต่ยืนดู ไม่ได้ห้ามปราม เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตามวิดีโอที่ปรากฏ ตนได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อมือซ้ายบวม นิ้วชี้ซ้ายกระดูกแตก และเข่าซ้ายเจ็บ

นอกจากนี้ ยอมรับว่า ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ชั้น 5 ชั้นเดียวกับผู้ก่อเหตุ ได้มีปัญหากันมา 2 ครั้ง แต่ผู้ก่อเหตุก็มักจะออกมาด่าทอ พร้อมกับโวยวาย ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุมักมีพฤติกรรมที่ชอบโวยวาย เพื่อนบ้านเสียงดังไม่ได้ มีเรื่องกับคนอื่นไปทั่ว จนเพื่อนบ้านที่อยู่คั่นกลางห้องตนและห้องของผู้ก่อเหตุได้ย้ายหนีออกไปอยู่ชั้น 3 ยอมทิ้งเงินเช่าซื้อจำนวน 20,000 บาท เนื่องจากตำน้ำพริกไม่ได้ และเพื่อนบ้านคนดังกล่าวก็ได้เตือนเอาไว้ แต่ตนก็ไม่เชื่อ เพราะคิดว่าอยู่ใครอยู่มัน และพยายามเงียบเป็นทางออกที่ดี

ทั้งนี้ หากมาขอโทษ พร้อมที่จะให้อภัย แต่ผู้ก่อเหตุก็จะต้องปรับปรุงนิสัย และต้องทำข้อสัญญาตกลงกันว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก ตนมองว่า การกระทำครั้งนี้รุนแรงเกินไป ตนยังคงหวาดกลัวว่าผู้ก่อเหตุจะกลับมาทำร้ายร่างกาย

น.ส.แหม่ม จำลองเหตุการณ์โดยใช้ค้อนขนาดเล็กทุบแม่กุญแจห้อง โดยใช้แอปพลิเคชั่นวัดค่าของเสียง (DB) พบว่าเสียงดัง 71 เดซิเบล และห่างไปยืนอยู่หน้าห้องของผู้ก่อเหตุที่มีระยะห่าง 5 เมตร วัดค่าเสียงได้ 68 เดซิเบล