ปนัดดา โกมารทัต ครั้งหนึ่งเคยเกือบหนีกองถ่าย เพราะมีฉากต้องเปลื้องผ้า !

26 เม.ย. 64

เป็นนักแสดงคุณภาพที่อยู่คู่กับวงการมายาวนานถึง 40 ปี แต่ฝีการแสดงและผลงานของ แม่จิ๋ม ปนัดดา โกมารทัต ไม่เคยมีแผ่วรักษาระดับมาตรฐานไว้อย่างดี ล่าสุดได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เล่าย้อนให้ฟังถึงการก้าวเข้ามาในวงการบันเทิง เพราะเป็นคนพูดเยอะ เลยทำให้ได้มายืนอยู่ ณ จุดนี้ พร้อมยังเล่าถึงพระเอกในดวงใจที่เข้าฉากด้วยกันทีไรทำตัวเองเก็บอาการไม่อยู่ พร้อมทั้งอัปเดตชีวิตปัจจุบันที่ยังคงรับงานละคร และมีความสุขที่สุดที่ได้เห็นลูกชายประสบความสำเร็จ

 s__71196777

ถาม ได้มาเป็นนางเอกหนังเพราะความฟลุค

แม่จิ๋ม ปนัดดา : ต้องเล่าย้อนไป น่าจะ 40 ปีค่ะ น้องสาวไปเป็นนางงามขวัญใจช่างภาพ แล้วเวลาที่เขามีงานจัดเลี้ยง เราก็ต้องไปเป็นเพื่อนน้อง เหมือนไปเป็นพี่เลี้ยงนางงาม ซึ่งเวลาที่เราทานอาหารกันอยู่ สงสัยเพราะเราจะพูดมากมั้งคะ พี่ที่ร่วมโต๊ะเขาก็พูดกับเราว่าหนูนี่กล้าหาญเนอะ พูดเก่ง หนูไปเป็นดาราไหม แล้วเราก็ถามกลับไปเพราะว่าที่เราไม่รู้จริงๆ ดาราได้เงินไหมคะ เพราะแม่เป็นครอบครัวที่ร่ำรวย แม่จะเห็นแก่เงิน (หัวเราะ) เขาก็บอกเราว่าได้สิ ได้ประมาณ 40,000 เราก็ตอบตกลงเลย ซึ่งตอนนั้นน่าจะตอนละ 700 บาทต่อเรื่องค่ะ ถ้าเทียบ 40,000 ตอนนั้นที่เล่นหนังใหญ่นะคะ ตอนนี้น่าจะประมาณ 400,000 บาทค่ะ เมื่อสมัยก่อนค่าตัวแพงนะคะ


ถาม หลังจากนั้นก็ได้รับการชักชวนไปเป็นนางเอกหนังเรื่อง หยาดพิรุณ

แม่จิ๋ม ปนัดดา : เป็นหนังเรื่องแรกเลยค่ะ เล่นเป็นสากกะเบือเลย เพราะตอนนั้นยังไม่มีการสอนแอคติ้งหรือเรียนการแสดง เราก็ได้ดารารุ่นพี่สอนซึ่งกันและกัน แล้วคือเราก็กลัวเขาอยู่แล้ว แล้วเราก็แอบมองเขาเวลาที่เขาแสดง ซึ่งเราก็มาคิดว่าเราก็กินข้าวหม้อเดียวกับเขาเวลาที่เราอยู่กองแล้วทำไมเขาเล่นได้ ทำไมเราเล่นไม่ได้ ก็เลยบอกตัวเองว่า ปนัดดา ไม่ได้คือไม่มี เราก็สู้แล้วก็คิดว่าเพื่อเงิน เพื่อเงิน เพราะเรื่องแรกคือยากมาก เพราะเราต้องเล่นเป็นคนสองบุคลิก แต่เพราะได้คุณพ่อพันธุ์เทพ ผู้กำกับ รุ่นพี่พิศมัย วิไลศักดิ์ สรพงษ์ ชาตรี มาช่วยเราทำให้ผ่านมาได้


ถาม แต่ขนาดที่ตอนนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นรุ่นพี่ รุ่นใหญ่ โปรของวงการแสดง แต่เคยถึงขนาดที่จะหนีกองถ่ายเลย

แม่จิ๋ม ปนัดดา : เกือบหนีมีอยู่เรื่องหนึ่งค่ะ เรื่องบัวสีน้ำเงิน เพราะว่าคุณพ่อพันธุ์เทพ บอกว่ามันต้องมีเลิฟซีน ต้องแก้ผ้าในโรงแรม เราเล่นกับพี่ต้อย เศรษฐา ตอนนั้นแม่เป็นนักเรียนแล้ว แม่ก็ให้เพื่อนไปเป็นเพื่อนที่กองถ่าย แล้วปรึกษาเพื่อนว่าถ้าเขาให้ฉันแก้ผ้าหมด ฉันจะหนีเลยนะ ฉันไม่เล่น จะยอมให้เขาด่า ซึ่งตอนนั้นเขาไม่ได้ให้เราทำนะคะ แต่เขาแกล้งแม่ทั้งวันเลย แต่จริงๆแล้วเขามีสแตนด์อินเหมือนกันเลย แล้วก็หุ่นคล้ายๆ กับเรา เขาก็ไปแก้ผ้าแทนเราในโรงแรม ซึ่งก็ทำให้เราวิตกจริตไปทั้งวัน สุดท้ายเราก็ไม่ได้หนีค่ะ เพราะเราไม่ได้เล่นเอง พอหนังออกฉายแล้วก็ประสบความสำเร็จมากๆ เลยค่ะ

s__71196776

ถาม แล้วหลังจากนั้นนานไหมถึงได้มาเล่นจอแก้ว

แม่จิ๋ม ปนัดดา : หลังจากนั้นไม่นาน แม่เล่นไม่กี่เรื่องสำหรับหนังใหญ่ เพราะในสมัยก่อนนางเอกหนังใหญ่ส่วนมากเขาจะไม่ลงมาเล่นละคร เพราะเขาถือว่าตก ค่าตัวมันก็ต่างกันแล้วค่ะ แม่มาเล่นด้วยเหตุบังเอิญ เพราะคุณแหม่ม ธิติมา เพื่อนสมัยก่อนที่ออกงานสังสรรค์ด้วยกัน แล้วคุณแหม่มเขามาเชิญแม่ที่วังห้วยขวางของแม่ (หัวเราะ) เขาก็มาชวนเราให้ไปเป็นเพื่อนเขาว่ามีคนมาชวนให้เขามาดูตัว เพื่อให้เล่น กุหลาบไร้หนาม เราก็บอกว่า แหม่ม เราขี้เกียจแต่งตัวนะ เราก็ใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น แล้วก็ไปกับเขาตอนแรกเราขอรอในรถ แต่แหม่มก็ดึงเราลงไปนั่งรอข้างหน้าตรงห้องกระจกแล้ว แหม่ม เขาก็เข้าไปคัดตัว ตอนนั้นเราก็เป็น ปนัดดา แล้ว เล่นหนังแล้วค่ะ ซึ่งระหว่างเรานั่งรอ ก็มีคนเดินเข้ามาถามว่าหนูชื่ออะไรจ๊ะ ขอเบอร์ได้ไหม เราก็ให้ไป แล้วตอนเย็นเขาก็โทรมาหาเราว่าให้เราเล่นกุหลาบไร้หนาม เราก็ตกใจรีบโทรหาแหม่มเลย ว่าแหม่ม เขาให้เราเล่น เพื่อนก็บอกเราว่าเล่นไปเลยเธอ เพราะตอนนั้น แหม่ม เขาก็ดังมากทางจอเงิน ก็ไม่อยากลงมาเล่นจอแก้ว เราก็เลยโอเค รับเล่น แต่เรื่องแรกจริงๆ เลยทางจอแก้วคือบางระจัน เล่นกับพี่หนิง นิรุตติ์ แต่เรื่องนั้นเขาไม่ออกอากาศ แต่เรื่อง กุหลาบไร้หนาม เขาติดต่อมาเล่น แล้วออกอากาศ เลยกลายเป็นเรื่องแรกทางจอแก้วไป ตอนนั้นคนดูเยอะ เราเลยมีชื่อเสียง เพราะไปทางไหนก็มีคนพูดถึงเรา


ถาม จากละครเรื่อง บางระจัน เลยทำให้แม่จิ๋มไปเจอกับพระเอกในดวงใจ ซึ่งบอกเลยว่าเล่นแทบไม่ได้เลย เพราะว่าไม่กล้าสบตากับผู้ชายคนนี้ นั่นก็คือ พี่หนิง นิรุตติ์

แม่จิ๋ม ปนัดดา : ใช่ค่ะ ต้องบอกเลยว่าสายตาของพี่หนิง เวลาสายตาหนุ่มกับสาวเวลามองกัน เวลาเราไดร์ผม เขาก็แอบมองเรา เราก็เขิน แล้วคือในเรื่องเราก็ต้องเล่นเป็นสามีภรรยากัน ต้องเล่นเลิฟซีนกันบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบางระจัน หรือชื่นชีวานาวี จะต้องมีเลิฟซีน ต้องมีกอดกัน เพราะเวลาที่กอดพี่หนิง ก้นของเราก็จะเด้งออกแบบที่เราไม่รู้ตัว จนผู้กำกับเรียกเราให้ไปดูที่มอนิเตอร์ว่าเวลาเรากอดเราเป็นยังไง เราเห็นแล้วก็รู้สึกว่าท่าเราน่าเกลียดมาก ท่านก็สอนเทคนิคให้เราว่าเอาขาอีกข้างไปแนบขาพี่หนิงไว้ เป็นมุมกล้องมันบังได้


ถาม เป็นนางเอกมามากมายหลายเรื่อง แต่บทที่แม่จิ๋มชอบมากที่สุดคืออะไร

แม่จิ๋ม ปนัดดา : คนใช้ค่ะ เพราะว่าคือเราแก่แล้ว ถ้าเป็นคนใช้คือมีเราทุกตอน ค่าตัวเราก็เหมือนเดิม แล้วคือเราไม่ต้องเค้นอารมณ์ อารมณ์ของเรา เป็นคนใช้ก็คือเอามือกุม ยืนเฉยๆ สบายๆ ชุดก็ไม่ต้องเปลี่ยน


ถาม และหนึ่งความภาคภูมิใจของแม่จิ๋มเลยคือลูกชาย ทำร้านอาหารที่คิวนแน่นมากคือ บ้านไอซ์

แม่จิ๋ม ปนัดดา : ไอซ์เป็นลูกชายคนเดียว แล้วตอนที่เขา 6-7 ขวบ แม่ก็คิดว่าจะเลี้ยงลูกชายยังไงไม่ให้ออกจากบ้าน ก็เลยปรึกษาสามีว่าคุณย่าทำอาหารเก่ง เรามาทำอาหารขายไหม พอลูกโตแล้วเวลาเขามีเพื่อน จะได้เอาเพื่อนมาแฮงก์เอาท์ที่บ้าน ซึ่งพอเขาได้เห็น ได้สัมผัส เขาก็ชอบในการทำอาหาร ซึ่งเขาก็บอกเราว่าแม่ครับ ไอซ์ ไม่ใช่เชฟหรอกครับ แต่ ไอซ์ เป็นคนที่ชอบทำอาหารมากกว่า แต่ตอนนี้เขาก็ไปถึงเชฟระดับมิชลินแล้วค่ะ และตอนนี้ก็มาเปิดอีกร้านชื่อว่า ศรณ์ ที่ทานแล้วเรามีความรู้สึกว่าเราภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทยค่ะ

s__71196778

ถาม ณ วันนี้ยังรับละครไหม

แม่จิ๋ม ปนัดดา : รับค่ะ เล่นได้ทุกบทบาท ทุกวันนี้ไม่ได้ต้องการอะไรแล้วค่ะ ทำวันต่อวันให้มีความสุขมากที่สุดก็พอ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส