โควิดนครปฐม ส่งผลเมรุวัดไผ่ล้อม คิวแน่น สุดสะเทือนใจ! ติดเชื้อทั้งบ้าน ต้องฝากเพื่อนเผา

29 เม.ย. 64

เมรุ วัดไผ่ล้อม คิวแน่น อึ้ง! ติดเชื้อทั้งบ้าน เพื่อนลูกชายต้องมาพิธีศพแทน

ยอดผู้เสียชีวิตขยับต่อเนื่องล่าสุดวัดไผ่ล้อมรับเผาศพติดเชื้อไวรัสโควิด-19 วันเดียว 2 ศพ หลวงพี่น้ำฝนย้ำวัดไผ่ล้อม จัดระบบใหม่ยกการ์ดสูงรับศึก วอนวัดทั่วไทยที่ยังกลัว ช่วยโยมเผาศพ เหตุวัดไผ่ล้อมรับได้แค่วันละ 2 ศพ อึ้ง พบ 1 ครอบครัวติดเชื้อทั้งหมด 6 คนต้องให้เพื่อนลูกชายมาเผาศพให้แทน ย้ำสลดใจอินเดียต้องเผาศพกลางแจ้ง แม้ไทยไม่ตายมาก วัดและที่เผาศพเพียงพอ แต่ขออย่าให้เกิดภาพไม่มีที่เผาในอนาคต

วันนี้ 29 เมษายน 64 ช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ศาลาชีวะศิริวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองจ.นครปฐม บุตรชายทั้ง 2 ของ นางสาวลัดดา ตันติวิสุทธิธำรง อายุ 61 ปี ชาวกรุงเทพได้มารอทำพิธีฌาปนกิจศพหลังจากผู้ตายเสียชีวิตด้วยการติดเชื้ดไวรัสโควิด-19 ที่โรงพยาบาลภูมิพล เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา โดยพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมได้นำคณะสงฆ์จัดพิธีแบบตามกระบวนการเผาศพติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นศพรายอื่นๆ 10 กว่ารายที่ผ่านมา

2_6

โดยบุตรชายของนางสาวลัดดาบอกว่า มารดาติดเชื้อจากน้องชายของตนเอง ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับเชื้อในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งบ้านตนเองติดเชื้อทั้งหมด 5 คนมีเพียงตนเองที่ไม่ได้ติดเชื้อเพราะไม่ได้พบกับครอบครัวในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ซึ่งนาลัดดานั้นได้รับเชื้อราว 5 วันก็เสียชีวิต โดยที่ไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไร ซึ่งที่เลือกวัดไผ่ล้อมเผาศพเพราะเคยสอบถามไปยังวัดอื่นๆ ในกรุงเทพฯ พบว่ามีคิวเต็มต้องรอ 3 วันถึงได้เข้าพิธีแต่ไม่มีสวดบังสุกุลให้จึงได้มาที่นี่เพื่อให้จัดพิธีครบกระบวนการตามศาสนาส่งดวงวิญญาณมารดาให้ไปสูภพภูมิที่ดีตามศาสนาพุทธ

3_3

ต่อมาเวลา 16.00 น. มีการประสานจากโรงพยาบาลมิตรประชาเพชรเกษมกรุงเทพ เพื่อนำร่างของนายเสาร์ คำบุญศรี อายุ 57 ปีชาวกรุงเทพ เพื่อขอทำพิธิฌาปนกิจศพอีก 1 รายโดยมีชายหญิงวัยกลางคน มาเพียง 3 คน มาทำพิธีอย่างเรียบง่าย

สอบถามนายรัฐภูมิ (นามสมมติ)อายุ 30 ปี บอกว่าตนเองเป็นเพื่อนของบุตรชายของผู้ตาย ที่มาทำพิธีการแทนเนื่องจากคนในบ้านทั้งหมด 6 คนนั้นติดเชื้อทั้งหมดและกำลังอยู่ในระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่มีใครออกมาทำพิธีได้ ตนเองจึงได้เป็นตัวแทนมาทำพิธีให้ซึ่งนายเสาร์คำนั้นเพิ่งเสียชีวิตเมื่อเช้านี้เวลา 09.30 น. ซึ่งจำเป็นต้อจัดพิธีรวบรัดและเห็นใจครอบครัวผู้ตายที่ไม่มีใครสามารถเป็นตัวแทนมาทำการเผาศพหัวหน้าครอบครัวได้เลย ซึ่งพรุ่งนี้พวกตนก็จะมาทำพิธีเก็บกระดูกให้ด้วยและยังไม่รู้ว่าคนในครอบครัวจะกลับออกมาจากโรงพยาบาลได้เมื่อได้และรู้สุกสลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่าช่วงนี้ตัวเลขของการเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปกติที่คิดว่าเคยถี่คือวันละ 1 ศพมาวันนี้เพิ่มเป็นวันละ 2 ศพ และศพนี้เป็นศพที่ 12 แล้ว ซึ่งทางวัดไผ่ล้อมยินดีที่จะช่วงจัดพิธีให้ครบตามพิธีการและมีการป้องกันการแพร่ระบาด แต่ต้องยอมรับว่าวัดไผ่ล้อมมีเมรุเพียงแค่ที่เดียวจะทำพิธีฌาปกิจศพไป 1 ศพและจะทำการเผาต่อเนื่องไม่ได้เพราะต้องรอให้ชุดแรกคลายความร้อนก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการเก็บเถ้ากระดูกออกมาได้ โดยอาจจะเป็นปัญหาในอนาคตได้หากมีศพทยอยเข้ามาเผาที่คิวตรงกัน

1_5

หลวงพี่น้ำฝนกล่าวอีกว่าหลังจากที่ฝากสื่อมวลชนได้กระจายข้อมูลเรื่องวิงวอนให้วัดต่างๆ ที่มีความพร้อมช่วยอนุเคราะห์เผาศพ ที่ติดเชื้อไวรัสโควิดนั้นเพราะเกรงว่าวัดไผ่ล้อมจะรับสถานการณ์ไม่ได้ แม้จะเปิดใจรับอย่างเต็มที่ซึ่งอาตมาวางแนวคิดว่าวัดทั่วประเทศอย่างน้อยอำเภอละ 1 วัดก็ยังดีที่จะรับเผาศพที่ติดเชื้อมา โดยหากจะเริ่มก็สามารถประสานงานไปยังสำนักงานสาธารณสุขอำเภอของวัดนั้นๆ ที่จะมาให้ความรู้กับทางวัดได้

"วันนี้เราจัดระบบใหม่ที่มีการป้องกันมากขึ้น และไม่ให้ญาติมารวมตัวหรือมาใกล้โลงศพที่มีการบรรจุร่างผู้เสียชีวิตมาแล้ว โดยจะสามารถนำโมเดลของวัดไผ่ล้อมไปปรับใช้ได้ทันที ซึ่งกำลังผลิตสื่อที่จะนำไปเปิดทางโซเชียลมีเดียเพื่อศึกษาดูได้ โดยสิ่งที่อาตมาเห็นจากข่าวคือที่ประเทศอินเดีย ซึ่งมีคนติดเชื้อและล้มตายเป็นจำนวนมากจนไม่สามารถเผาศพได้ทัน ต้องนำไปสุมไฟกันที่กลางแจ้งเป็นภาพที่น่าวิตกและหดหู่ใจของญาติผู้ตาย แต่ประเทศไทยมีวัดและเตาเผาศพมากมาย หากศึกษาให้ดีเรื่องการเผาศพติดเชื้อนั้นไม่ได้น่ากลัวและขอให้วัดเป็นที่พึ่งสุดท้ายของญาติโยมในยามวิกฤติเช่นนี้ด้วย" หลวงพี่น้ำฝนกล่าวปิดท้าย

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ