สยองศพสาวถูกกรีดทั่วร่างส่อฆ่าตัวตาย เจอตัวเดินเข้าป่า - หมองงใช้มีดเฉือนหลัง (คลิป)

4 พ.ค. 64

จากกรณีมีชาวบ้านในซอยลาดพร้าว 130 แยก 4 กรุงเทพฯ พบศพ น.ส.สุวรรณา ศรีธำรงรัตน์ อายุ 56 ปี สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีเหลือง นุ่งกางเกงขาก๊วย สีส้ม และสวมหน้ากากอนามัยไว้ที่บริเวณใต้คาง ถูกของมีคมแทงเข้าตามทั่วร่างกายหลายแห่ง

100697

ที่ศีรษะเหนือใบหูฝั่งซ้าย 7 แผล แผ่นหลัง 1 แผล และหน้าอกฝั่งซ้าย 8 แผล มีมีดปอกผลไม้ปักคาหน้าอกฝั่งซ้ายอีก 1 จุด ซึ่ง พ.ต.อ.รุ่งสกุล บุญกระพือ ผกก.สน.ลาดพร้าว ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ อยู่ห่างแมนชั่นที่ผู้ตายพักเพียง 20 เมตร

144838

ซึ่งมีวงจรปิดจับภาพช่วงที่ผู้ตายเดินผ่านมุมกล้อง ช่วง 17.14 น. บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ และหายเข้าไปตรงจุดเกิดเหตุ โดยตำรวจระบุว่าอาตเป็นการฆ่าตัวตาย

790332

วันที่ 4 พ.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่เกิดเหตุ นายอรรถวุติ คงพัฒน์ คนพบศพคนแรก เปิดเผยว่า ช่วงราว 18.20 น. วานนี้ตนเองกำลังออกไปวิ่ง โดยเดินสูบบุหรี่ออกจากหอพัก เพื่อเดินไปอีกซอยหนึ่ง จังหวะผ่านที่เกิดเหตุ ตนเองกำลังจะทิ้งก้นบุหรี่ตรงที่เกิดเหตุพอดี พบเหมือนมีขามนุษย์นอนนิ่งอยู่ ตนเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคนหรือหุ่น ส่วนตัวยังไม่กล้าไปดู จึงเดินกลับมาที่หอเพื่อเรียก รปภ. และวินรับจ้างมาดู พบว่าคนตายเสียชีวิตแล้ว

771048

โดยจุดที่เกิดเหตุไม่ถึงกับลับตาคน แต่หากตนไม่ทิ้งก้นบุหรี่ก็อาจไม่ทันสังเกต ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่ามีวงจรปิดเห็นผู้ตายเดินเข้าไปเพียงลำพัง แต่ตนเองอยู่หอพักชั้นเดียวกับผู้ตาย ไม่เคยเห็นว่ามีปัญหาในห้องพัก

cg

นางสุด สานสี แม่บ้านของหอพัก เปิดเผยว่า ช่วง 17.07 น. เป็นช่วงที่ตนเองกำลังจะกลับบ้านพอดี ตนเองเห็นผู้ตายเดินออกมาจากหอพัก และเหมือนคนร้องไห้ หน้าแดง เดินออกมาไม่พูดอะไร ตนมองที่ผู้ตายก็เพียงยิ้มให้ แต่เท่าที่สังเกต ผู้ตายเหมือนกุมอะไรบางอย่างอยู่ที่ท้อง ลักษณะเหมือนซ่อนของไว้ใต้เสื้อที่ใส่ ส่วนตัวคิดว่าอาจเป็นมีด

402438

หลังจากนั้นตนเองไม่ได้สนใจอะไร ก็กลับบ้านจนกระทั่งมาทราบข่าวว่าพบศพ ทั้งนี้ ตนเจอผู้ตายบ่อยก็ยิ้มทักทายกัน ไม่เคยเห็นมีท่าทีเศร้า ไม่เคยเห็นว่าห้องของผู้ตายจะมีเหตุทะเลาะกัน เมื่อวานก็ปกติ โดยผู้ตายจะอาศัยอยู่กับสามี ช่วงเกิดเหตุคาดว่าสามีจะอยู่ในห้องพัก

449564782802

นายเจ ลูกชายผู้ตาย เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย มาทราบเหตุภายหลังแล้ว ยอมรับว่าครอบครัวยังติดใจถึงสาเหตุการณ์ตายว่าอาจเป็นฆาตกรรม ถึงแม้ตำรวจจะแจ้งว่าหลักฐาน 80% ว่าแม่จะฆ่าตัวตาย แต่ตนก็อยากให้ครบ 100% ก่อน เนื่องจากแม่ตนก่อนหน้านี้ไม่เคยมีท่าทีว่าจะก่อเหตุได้ ครอบครัวไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

412689

ทั้งนี้ ตนเองเจอแม่ครั้งล่าสุดช่วงบ่ายวานนี้ แม่ยังปกติ ไม่ได้คุยสั่งเสียอะไร ส่วนที่แม่เดอนร้องไห้กุมมือที่ท้อง ตนเองไม่ทราบ เท่าที่ถามพ่อซึ่งพักอยู่กับแม่ พ่อบอกว่าแม่ออกจากห้องมาช่วงเย็นปกติ เป็นกิจวัตรประจำวันที่แม่จะออกมาเดินน้องห้องพักอยู่แล้ว เท่าที่ถามพ่อ แม่ได้ได้มีปากเสียงอะไรด้วย ออกมาปกติ ทำให้ครอบครัวไม่ทราบสาเหตุจริง ๆ และยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย และแม่ได้มีโรคร้ายแรงที่จะไปก่อเหตุได้ ส่วนกล้องวงจรปิดก็ยังเห็นไม่ชัดเจน ขอให้ตำรวจหาหลักฐานให้ครบก่อน นอกจากนี้ แม่เป็นคนกลัวเข็ม ของมีคม จึงไม่คิดว่าแม่จะกล้าลงมือก่อเหตุเช่นนี้ได้

357994

โดยทีมข่าวได้ภาพมีดที่ใช้ก่อเหตุ เทียบกับมีดในครัวของห้องผู้ตาย ซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวกัน มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเอามีดจากห้องพักมาเพื่อทำร้ายตัวเอง โดยแผลที่อยู่ด้านหลังคาดว่าเป็นแผลจากคมมีดที่ทะลุออกด้านหลัง

311933

ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัศชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว กล่าวว่า ตามหลักการของการตรวจบาดแผลตามนิติเวชศาสตร์ สามารถสังเกตได้จากลักษณะแผลที่เกิดจากการถูกทำร้ายร่างกายหรือการฆ่าตัวตาย หากเป็นบาดแผลในลักษณะที่ทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย แม้จะมีหลายบาดแผลก็ตาม แต่ละบาดแผลจะมีความรุนแรงไม่มาก และจะมีเพียงแค่ 1-2 บาดแผลที่มีความรุนแรงมาก ทางการแพทย์เรียกว่า "บาดแผลแห่งการลังเลสงสัย"

890632

ส่วนการปาดคอตัวเองก็จะเป็นลักษณะเดียวกัน คือ มีแผลกรีดบาง ๆ และมีแผลปาดลึกจนถึงหลอดลม เป็นเหตุให้เสียชีวิต ดังนั้นหากจะตีความว่าการเสียชีวิตของหญิงสาวรายนี้จะเป็นการฆ่าตัวตายหรือถูกทำร้ายนั้น ก็ต้องสังเกตจากภาพผู้เสียชีวิตและข้อมูลข่าวที่มีบาดแผลถึง 16 จุด ค่อนข้างเยอะพอสมควร ร่วมกับลักษณะความลึกของบาดแผล บวกกับดูตำแหน่งของแผลว่าอยู่ในตำแหน่งที่คนทั่วไปสามารถแทงตัวเองได้หรือไม่ เช่น ศีรษะ หน้าอก ก็อาจะเป็นไปได้ว่ามีการใช้มีดจิ้มซ้ำไปซ้ำมา แต่ตรงบริเวณแผนหลังก็อาจจะค่อนข้างยากที่จะเอามีดไปแทงตัวเอง และหากเป็นลักษณะรุนแรงไม่มาก เป็นการจิ้ม มีเลือดออก และมีแผลลึก 1 แผลเช่นนี้ ก็สามารถเข้าใจได้ว่าอาจจะเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังไม่สามารถฟันธงชัดเจนได้

ทั้งนี้ หากเป็นการถูกทำร้ายหรือถูกฆาตกรรม อย่างไรก็ตาม ผู้กระทำจะต้องกระทำด้วยแรงที่มีปริมาณใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะตำแหน่งใดของร่างกายก็ตาม เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วจำนวนบาดแผลไม่ได้เป็นสาระสำคัญว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายหรือถูกทำร้าย แต่เป็นลักษณะความลึก ความรุนแรงของบาดแผลต่างหากที่ต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจน ถึงจะสามารถระบุได้ว่าสาเหตุการตายเกิดจากสาเหตุใด

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส