เมื่อวันที่ 12 พ.ค.64 เวลา 10.00 น. ที่สน.ท่าพระ พ.ต.อ.อดุลย์ ดอกพวง ผู้กำกับ สน.ท่าพระ และพ.ต.ท.พันธุ์เพชร วิเชียรบุตร รองผกก.(สอบสวน) สน.ท่าพระ บันทึกการจับกุมตัวนายรณรงค์ สุนทรียาอาภรณ์ อายุ 42 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ น้ำหนักรวม 1.92 กรัม และอุปกรณ์เสพยา 1 ชุด โดยจับกุมตัวได้ในบ้านเลขที่ 20/84 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 4 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม.
สืบเนื่องจากวันที่ 11 พ.ค.64 ที่ผ่านมา สมาชิกพรรคเพื่อไทย 4-5 คน ลงพื้นที่ชุมชนวัดท่าพระ เพื่อแจกอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ด้วยการเคาะประตูแจกแมสก์และแอลกอฮอล์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ โดยประสานผ่านผู้นำชุมชน ซึ่งหลังแจกไปได้หลายหลักคาเรือน กระทั่งเดินเข้าไปยังบ้านเลขที่ 20/84 พร้อมผู้นำชุมชน และกรรมการชุมชน พบนายรณรงค์ ซึ่งมาขออาศัยอยู่กับเพื่อนสาวที่บ้านหลังดังกล่าว มีท่าทางคล้ายคนเมายา ก่อนจะคว้ามีดไล่ฟันทีมงานจนต้องวิ่งหนีตายแตกกระเจิง
เมื่อตำรวจสายตรวจมาถึง นายรณรงค์ ก็วิ่งหนีเข้าไปหลบในบ้าน ต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมนาน 2 ชั่วโมง กระทั่งเข้าควบคุมตัวไว้ได้พร้อมยาไอซ์ และอุปกรณ์การเสพ จากนั้นเมื่อนำตัวมาพักสงบสติอารมณ์ที่สน.ท่าพระ และตรวจปัสสาวะผลออกมาเป็นสีม่วง จึงแจ้งข้อหามียาไอซ์ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพยาไอซ์ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุดช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังชุมชนดังกล่าว พบว่าอยู่หลังวัดท่าพระ ลักษณะเป็นชุมชนแออัด ทางเข้าบ้านที่เกิดเหตุแคบมีทางออก 2 ด้าน หน้าบ้านที่เกิดเหตุมีเศษขวดแก้ว และบ้านตรงข้ามเลขที่ 20/55 ประตูบ้านได้รับความเสียหายจากร่องรอยมีด
นายสุรชาติ จันทร์แย้ม อายุ 58 ปี ประธานชุมชนวัดท่าพระ เปิดเผยว่า หลังทีมงานพรรคเพื่อไทย แจกของอีกฝั่งเสร็จสิ้น ก็เดินเข้าชุมชนฝั่งนี้ ซึ่งมีบ้านที่มีคนอยู่ไม่กี่หลัง เมื่อถึงบ้านที่เกิดเหตุก็ทำการเรียก กลับพบว่ามีผู้ชายโผล่หน้ามา ตนจึงเอะใจว่าไม่ใช่คนในชุมชน แต่ก็แจกของปกติ
ทันใดนั้นกรรมการท่านหนึ่งได้ตะโกนบอกชายคนดังกล่าวให้สวมแมสก์ด้วย แต่เจ้าตัวโต้เถียงมีคารมณ์ บอกว่า "มีปัญหาอะไร เก๋าเหรอ" ก่อนปาขวดแก้วลงมาเฉี่ยวหลังตนไปนิดเดียว และวิ่งลงมาจากบ้านถือมีดไล่จะฟัน ตนจึงพากันวิ่งหนีออกจากพื้นที่ จนมีวัยรุ่นในชุมชนพยายามวิ่งเข้ามาช่วยเหลือ แต่ชายดังกล่าวก็หนีเข้าบ้าน จนต้องแจ้งตำรวจเข้ามาเกลี้ยกล่อมนานมาก ระหว่างเจรจาชายดังกล่าวก็ขู่จะแทงตัวเอง ไม่ยอมมอบตัว เวลาผ่านไปกว่า 3 ชม. ถึงยอม
สำหรับชายที่ก่อเหตุเป็นคนต่างถิ่น ตอนตำรวจจับกุมได้ก็ยังไม่พบญาติมาแสดงตัว โดยลูกสาวบ้านดังกล่าวเป็นคนที่ชวนมาอยู่ด้วย แต่ความจริงบ้านหลังนี้ผู้เป็นแม่เช่าให้ลูกชายคนโตอยู่ เพราะป่วยติดเตียง ซึ่งตนและป้าของเขาช่วยดูแล แต่ลูกสาวคนโตซึ่งมีประวัติเสพยาและเคยเข้าคุกหลายครั้ง ถูกปล่อยออกมาเพราะโทษเสพน้อย มักจะแอบปีนเข้ามาในบ้าน และพาเพื่อนเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง ขณะนี้ตนก็อยากให้ตำรวจปราบยาเสพติด เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นแม้ตำรวจจับตัวได้ เป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ ยังโชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ ไม่เช่นนั้นคงจะยุ่งกว่านี้
ด้านน.ส.พรรณนิภา นามบุญ อายุ 50 ปี ผู้เป็นป้า กล่าวว่า หลานของตนชื่อน.ส.วลัยพร ก่อบุญ อายุ 40 ปี เป็นคนหน้าตาดี แต่ก็ติดยามานานแล้ว ที่ผ่านมาชอบแอบเข้าบ้านหลังนี้ เพราะเป็นบ้านที่น้องสาวตนเช่าให้หลานชายติดเตียงอยู่ แม้น.ส.วลัยพร จะไม่ได้เข้ามาทุกวัน แต่เวลาเข้ามาก็มักพาเพื่อนผู้ชายมาปาร์ตี้เสียงดัง คาดว่าคงพากันมาเสพยา ลำพังชาวบ้านตาดำ ๆ จะไปว่ากล่าวตักเตือนได้อย่างไร ได้แต่ทำใจ เพราะน.ส.วลัยพร อายุก็เยอะแล้ว แก่เกิดแก้ไข
หลังจากเกิดเหตุตนก็รีบโทรศัพท์หาน้องสาวให้จัดการเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นหากปล่อยให้ น.ส.วลัยพร อาศัยอยู่แบบนี้ต่อไปก็จะมีปัญหาซ้ำอีกหรือไม่ อีกทั้งอยากวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ จับน.ส.วลัยพร ไปด้วย เพราะหากเรื่องเงียบ น.ส.วลัยพร ต้องหวนกลับมาแน่ ๆ ดังนั้นหากน.ส.วลัยพร กลับมาที่บ้าน และเสพยาหนัก ตนกังวลว่าจะหลอนเผาบ้าน ตอนนี้คนในชุมชนก็หวาดระแวงกันหมด และตนยังคิดในใจว่าคงเป็นเวรกรรมที่ญาติเป็นแบบนี้