ลูกทาสยาหวงควายฟันคอพ่อแม่ ขุดหลุมรอหวังซ่อนศพ พี่จี้ประหารผวาออกคุกมาฆ่า (คลิป)

12 พ.ค. 64

จากกรณี พ.ต.ต.กิตต์ทัพพ์ ชาชีวะนันท์ พนักงานสอบสวน สภ.กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี รับแจ้งเกิดเหตุชายคลุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดฆ่าพ่อแม่ตัวเองเสียชีวิตที่ ม.3 บ้านเหล่ากล้วย ต.เสอเพอ อ.กุมภวาปี

618567

ทราบชื่อผู้ก่อเหตุที่ลงมือฆ่าพ่อและแม่ของตนเองแท้ ๆ คือนายปิยะพงษ์ บุญโยรัตน์ อายุ 41 ปี มีอาการคลุ้มคลั่ง พูดจาไม่รู้เรื่อง และยอมรับสารภาพเป็นคนลงมือใช้มีดอีโต้ ฟันคอพ่อและแม่ตนเองเสียชีวิต

764030

ส่วนภายในห้องนอนบ้านหลังดังกล่าว พบผู้เสียชีวิต 2 ศพ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นางละออง บุญโยรัตน์ อายุ 67 ปี และนายพิสิฐ บุญโยรัตน์ อายุ 74 ปี พ่อและแม่ของนายปิยะพงษ์ สภาพถูกฟันด้วยอาวุธมีดอีโต้ บริเวณลำคอจนหวิดขาดทั้งสองคน และตามร่างกายยังมีร่องรอยฟันอีกหลายแผล

433395

วันที่ 12 พ.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณบ้านของผู้ตาย ในพื้นที่บ้านเหล่ากล้วย ต.เสอเพอ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี บริเวณบ้านมีพื้นที่กว้างซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นห้องโถงเก็บหน่อไม้หลังบ้าน มีการล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ยังพบหลุมที่ผู้ต้องหาได้ขุดเอาไว้ลึก ซึ่งยังไม่ได้กลบประมาณ 80 ซม. ยาว 2 เมตร กว้าง 1.5 เมตร

139059

ขณะเดียวกันญาติได้รับศพของผู้ตายมาตั้งไว้ที่บ้านคู่กัน โดยศพของนางละออง บุญโยรัตน์ อายุ 67 ปี ตั้งไว้ด้านขวามือ และศพของนายพิสิฐ บุญโยรัตน์ อายุ 74 ปี ตั้งไว้ด้านซ้ายมือ มีญาติและชาวบ้านมาร่วมงานจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

417614

ต่อมาเวลา 10.30 น. นำกำลังตำรวจสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี เดินทางมาสอบสวนปากคำคนร้าย และทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ เริ่มจากการใช้เท้าถีบพังประตู 3 ครั้งเข้าไปใช้มีดพร้าฟันคอแม่และพ่อจนเสียเสียชีวิต ขณะพ่อและแม่ปิดไฟนอนหลับอยู่ภายในห้องนอน เวลาประมาณ 21.00 น. ของคืนวันที่ 11 พ.ค. 64

cg

และชี้จุดขุดหลุมเพื่อเตรียมตัวฝังพ่อและแม่เวลา 04.00 น. ที่ผ่านมา ก่อนนำตัวไปกราบขอขมาศพ บริเวณประตูหน้าบ้านที่เกิดเหตุ ด้วยอาการคล้ายกับคนเมายาบ้าขาดสติ ที่เข้าข้างตัวเอง และไม่รู้ถูกรู้ผิดในสิ่งที่กระทำต่อบุพการี แต่ก็ให้การสำนึกและยอมชดใช้กรรมในสิ่งที่กระทำลงไป และขู่ฆ่าพี่สาวด้วยนั้น

210124

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า จาการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นคนใช้มีดพร้าฟันคอแม่และพ่อหลายครั้งจนเสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุคนร้ายอ้างว่าพ่อและแม่ไม่ให้นำควายที่พ่อและแม่ซื้อให้เลี้ยงมา 2 ปี และขณะนี้กำลังตั้งท้องไปขาย เนื่องจากคนร้ายไม่มีงานทำ และติดยาเสพยาบ้า แต่ลูกชายจะนำควายไปติดต่อขาย ซึ่งพ่อกับแม่ไม่ให้ขาย และบอกหากนำไปขายจะฆ่าควายให้ตาย

858816

กระทั่งช่วงหัวค่ำวานนี้ คนร้ายจึงจูงควายไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน บอกว่าพ่อกับแม่จะฆ่าควายของตัวเอง จึงขอให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นพยาน และนำควายไปฝากไว้ที่คอกกับเพื่อนบ้าน ก่อนกลับมาก่อเหตุใช้อาวุธมีดพร้าฟันคอแม่พ่อจนเสียชีวิต เบื้องต้น แจ้งข้อกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและฆ่าบุพการี ส่วนเรื่องยาเสพติดจะต้องรอผลตรวจสอบยืนยันอีกครั้ง

337733

นางสวรรยา วงษ์ศาสน อายุ 57 ปี ชาวบ้านที่เจอกับผู้ก่อเหตุช่วงเช้า เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเวลาประมาณ 06.00 น. ตนเองกำลังจะไปวัด มีคนถามตนเองว่าควายหายหรือไม่ เพราะมีคนมาผูกควายทิ้งเอาไว้ ซึ่งตนมีอาชีพขายควาย และขายควายเพศเมียให้กับผู้ตายเมื่อปี 2563 ขณะควายอายุได้ 8 เดือน ในราคา 17,000 บาท โดยซื้อให้กับนายปิยะพงษ์ คนก่อเหตุ

272846

จากนั้นตนจึงไปดู ก็พบว่าเป็นควายของผู้ก่อเหตุ บริเวณบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ตนเองจึงเดินทางไปยังบ้านที่ก่อเหตุ เพื่อที่จะมาหา นายพิสิฐ และนางละออง ให้ไปเอาควายกลับมาบ้าน แต่พบว่าประตูหน้าบ้านปิด จึงพยายามตะโกนเรียก พบกับผู้ก่อเหตุกำลังจุดไฟอยู่หน้าบ้านเพื่อที่จะนึ่งข้าว บอกว่า "ไม่ต้องมาหาหรอก กูฆ่าไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว" ตนเองคิดว่าผู้ก่อเหตุพูดเล่น จึงไม่ได้คิดอะไร และกลับบ้านไป

จากนั้นพี่สาวของผู้ก่อเหตุที่อยู่บ้านเยื้องกันเรียกตนเองไปหา และบอกว่าผู้ก่อเหตุอาละวาดตั้งแต่เมื่อคืนนี้ โดยพฤติกรรมของนายปิยะพงษ์นั้น ตนเองทราบว่ามีการเสพยามาประมาณ 4-5 ปีแล้ว แต่ไม่เคยอาละวาดคนในหมู่บ้าน มักจะทำร้ายคนในครอบครัวเป็นประจำ กับคนในชุมชนจะพูดจาดีและไม่ระรานชาวบ้าน

ทั้งนี้ นางละออง ผู้ตาย ได้ซื้อควายของตนเองไปให้นายปิยะพงษ์ ผู้ก่อเหตุ ซื้อไปตั้งแต่ปีที่แล้วขณะควายเพศเมียอายุ 8 เดือน และควายตัวดังกล่าวกำลังจะคลอดในวันที่ 17 ก.ค. 64 นี้ด้วย ที่ผ่านมาผู้ตายทั้ง 2 คนรักลูกมาก ทุ่มเทให้ทุกอย่างเพราะเป็นลูกชายคนเล็ก ตนเองก็เคยได้ยินว่าขู่ฆ่อพ่อแม่อยู่ จนกระทั่งพี่สาวต้องย้ายออกไปทั้งหมด เหลือเพียงผู้ก่อเหตุ และผู้ตายทั้ง 2 คน

165227

นางอนงค์ ใจมั่น อายุ 50 ปี พี่สาวของผู้ก่อเหตุ และลูกสาวคนโตของผู้ตาย เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลาประมาณ 07.00 น. ขณะที่ตนเองตื่นมาจะดูว่าผู้ตายกินข้าวหรือยัง ก็สังเกตเห็นบ้านของผู้ตายไม่ได้ปิดไฟที่คอกหมูหน้าบ้าน จึงโทรศัพท์เข้าไปที่เบอร์ของพ่อและแม่ แต่ไม่รับสาย จึงเริ่มเอะใจ ต่อมานายปิยะพงษ์ก็ตะโกนออกมาบอกตนเองว่า "พ่อกับแม่ตายแล้ว" เมื่อตนเองได้ยินดังนั้น จึงพากันเข้าไปดูยังบ้านที่เกิดเหตุก็พบศพพ่อกับแม่นอนอยู่ เลือดเต็มพื้นบ้านเริ่มแห้งแล้ว และนายปิยะพงษ์ ยังมีการไล่อาละวาดตนเอง นายปิยะพงษ์ก็ยังขู่ว่าจะฆ่าให้ตายให้หมด

โดยเมื่อประมาณ วันที่ 19 พ.ย. 63 นายปิยะพงษ์เคยพยายามจะใช้มีดฆ่าพ่อกับแม่มาแล้ว แต่เป็นช่วงเช้าตำรวจจึงเข้ามาระงับเหตุได้ทัน และเคยถูกจับเข้าคุกไปหลายรอบ ก่อนตำรวจจะปล่อยออกมาและทำอาชีพเก็บเห็ด แต่ช่วงระยะหลังไม่ทำงาน ขอเงินพ่อกับแม่ก็ให้ตลอด ช่วงเย็นก่อนเกิดเหตุ ประมาณ 20.00 น. ตนเองก็ได้ข้ามาที่บ้าน นายปิยะพงษ์ก็มีท่าทีเริ่มอาละวาดตาขวาง ตนเองจึงเริ่มเป็นห่วงพ่อกับแม่ ตนเองอยากให้น้องชายได้รับโทษอย่างถึงที่สุด อยากดูความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไทย เรื่องแบบนี้ในประเทศมันมีเยอะ และก็มีการจับและก็ปล่อยออกมา ถ้าจะลงโทษแบบชีวิตแลกชีวิตได้หรือไม่ อยากให้ประหารชีวิตไปเลย ถึงแม้จะเป็นน้องชายก็ตาม

ส่วนเรื่องควายที่นายปิยะพงษ์อ้างว่าพ่อกับแม่จะขายนั้น ไม่เป็นความจริง ควายตัวดังกล่าวชื่อว่าสตางค์ เป็นควายที่พ่อกับแม่จะซื้อให้น้องชายเลี้ยงเพื่อเป็นสมบัติ และพ่อกับแม่ก็ไม่ได้จะนำควายตัวดังกล่าวไปขายด้วย เพราะไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน

662074

ด้านนางสาวทานตะวัน ใจมั่น อายุ 27 ปี หลานสาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองก็เคยถูกนายปิยะพงษ์ผู้ก่อเหตุเช่นกัน ตนเองเคยที่บ้านหลังเกิดเหตุมาก่อน แต่เมื่อประมาณ 2-3 ปี ที่นายปิยะพงษ์ น้าชายอาละวาด จึงต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่น เมื่อประมาณปี 2562 ช่วงกลางคืน นายปิยะพงษ์มีอาการคลุ้มคลั่งพยายามวิ่งไล่ฟันตนเอง ภายในบ้านหลังนี้ตนเองต้องวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต โชคดีที่ตากับ ยาย ผู้ตาย และแม่ตนมาช่วยเอาไว้ จนตนเองออกไปอยู่ข้างนอกและกลับมาอยู่บ้านหลังดังกล่าวอีกครั้ง

ต่อมาประมาณ 3 เดือน ตนเองก็เจอกับเหตุการณ์แปลก ๆ อีกครั้ง คือนายปิยะพงษ์ จับตัวเองมัดมือมัดเท้า และคิดว่าตนเองเป็นบ้า คุยคนเดียวทั้งคืน และหลอนว่าตนเองเป็นลัทธิคุณไสยมนตร์ดำ ทั้งที่จริงไม่มีอะไร คิดว่าตนเองผีเข้า ตนเองจึงแกล้งผีเข้าจริง เพื่อที่จะให้ชาวบ้านมาดูเยอะ ๆ นายปิยะพงษ์ใช้ไม้ตีตนเองหลายครั้ง แต่ก็หยุดเมื่อชาวบ้านมาถึง ตนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ฟกช้ำตามร่างกาย ตากับยายก็ห้ามตนเองอยู่ตลอดเวลา

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส