จากกรณีภรรยาของนายโกสน ผู้สูญหาย ได้ยินเสียงปืนจากบ้านหลังหนึ่ง หลังจากที่สามีไปดื่มเหล้าที่บ้านหลังดังกล่าว จึงไปตามถึงบ้าน แต่เจ้าของบ้านยังไม่ยอมออกมา สุดท้ายบอกว่าไม่ทราบว่าสามีไปไหนเพราะขณะนั้นกำลังนอนหลับ แต่ภรรยาผู้สูญหายสังเกตเห็นมีรอยเลือดเป็นทาง มีร่องรอยการล้างเลือดตามพื้นถนน มีรอยเลือดติดบนใบหญ้า แต่ไม่พบตัวสามี ซึ่งในวันดังกล่าวสามีได้สวมสร้อยคอทองคำและเลสข้อมือหนัก 10 บาทออกไปด้วย และล่าสุดตำรวจออกหมายจับแล้ว 7 ผู้ต้องหาเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมแล้วนั้น
วันที่ 13 พ.ค. 64 ทีมข่าวได้รับแชตข้อความ ที่ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ตะกรบ มีการส่งข้อความให้กับญาติเสี่ยโกสน ระบุว่า "หลังจากที่มีการตายเกิดขึ้น ไม่แน่ใจว่าวันหรือสองวัน มีการเผาศพที่วัดจำปา ต.ทุ่ง อ้างว่าเป็นศพโควิด รีบเผาอย่างไว แล้วเรื่องเงียบไปเลย ศพไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครเพราะไม่มีใครเปิดดูแน่ ๆ" นั้น
นายเขียว (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ตะกรบ ที่แจ้งแบาะแสและส่งข้อความไปให้กับญาติเสี่ยโกสน เปิดใจว่า ช่วงเย็นของวันที่ 4 พ.ค. ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ทุ่ง อ.ไชยา ได้มีการเผาศพแบบเร่งรัดอ้างว่าเป็นศพของผู้ป่วยโรคโควิด-19 แต่ส่วนตัวในฐานะชาวบ้านในพื้นที่ยังไม่มีรับรายงานเรื่องการตาย เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จึงได้มีการติดตามข่าว และเป็นช่วงวันเวลาเดียวกัน สามารถเชื่อมโยงถึงคดีของการหายตัวไปของเสี่ยโกสนได้ ถ้าหากมีการเผาทำลายศพก็อาจจะทำให้ไม่สามารถที่จะเจอศพได้ หลังจากนั้นก็ไปบอกกับครอบครัวหรือให้ปากคำกับเจ้าที่ตำรวจว่ามีการนำศพไปถ่วงทะเลแล้ว และที่สำคัญวัดดังกล่าวก็ตั้งอยู่ในพื้นที่อยู่ห่างไม่ไกลจากหมู่บ้านตะกรบ
ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่ได้มีการต่อต้านเรื่องของการเผาร่างของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคโควิด เพราะกลัวว่าจะเกิดการแพร่เชื้อแล้วทำให้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงกับวัดได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งศพก็ถูกเผาโดยไม่มีการเปิดดูใบหน้า ไม่รู้ว่าศพที่อยู่ใคร ส่วนตัวทราบว่ามีพระรูปหนึ่งที่อยู่วัดดังกล่าว เป็นคนสนิทหรือคนรู้จักกับนายสุรัตน์ ดังนั้นจึงเชื่อว่าถ้าหากจะมีการอำพรางหรือเผาศพทิ้ง ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เผาศพแล้วก็มีการเก็บกระดูกหรือขี้เถ้านำไปทิ้ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะตามหาเบาะแสจนเจอได้
ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่วัดจำปา ต.ทุ่ง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พระครูสุต ธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดจำปา ต.ทุ่ง เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 4-5 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางวัดได้มีการรับศพมาดำเนินการเผาที่เมรุของวัดจริง ซึ่งศพดังกล่าวเป็นผู้ชายอายุประมาณ 91 ปี เป็นคนในหมู่บ้านตะกรบ ซึ่งไม่ใช่ร่างของเสี่ยโกสน เพราะในวันดังกล่าวตอนที่รับศพมาเผา ยังไม่ได้ติดตามข่าว และไม่รู้ข่าวว่ามีการหายตัวไปของเสี่ยโกสน แต่การเผาเป็นไปอย่างถูกต้อง ได้รับการติดต่อจากเจ้าคณะอำเภอว่าจะมีการนำศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มาเผาที่วัดจำปา เพราะเป็นเมรุไร้ควัน การเผาศพได้มีตัวแทนหน่วยงานราชการ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายอำเภอไชยา สาธารณสุขจังหวัด และญาติของคนตาย 4 คน เดินทางมาร่วมประกอบพิธีเผาศพ หลังจากที่ศพมาถึงก็มีกลุ่มคนสวมใส่ชุดป้องกันโรคโควิด-19 (PPE) แม้แต่สัปเหร่อที่ประกอบพิธีเผาศพก็ต้องสวมใส่ชุดดังกล่าวเช่นกัน
ทั้งนี้ ในการประกอบพิธีทางศาสนา ตนเองได้ขอญาติและตัวแทนราชการทำพิธีบังสุกุลและชักผ้าบังสุกุล แต่ถูกสั่งห้าม โดยให้ทำการยัดเข้าเตาเผาและดำเนินการจุดไฟเตาเผาทันที อีกทั้งสังเกตว่าในงานศพไม่มีการนำรูปผู้ตายมาตั้งวางเอาไว้เหมือนเช่นงานศพอื่น จึงไม่รู้ว่าเพราะเป็นการตายแบบกะทันหัน ทำรูปไม่ทันหรือไม่
หลังจากวันที่เผาศพตอนเย็นแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นญาติและสัปเหร่อได้มาเอากุญแจที่กุฏิ แล้วไปทำการเปิดเพื่อเก็บกระดูก เคลียร์เมรุเผาศพ ตนเองก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นได้มีการนำไปประกอบพิธีทางศาสนาหรือลอยอังคารที่ไหน แต่ก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะถูกนำมาเชื่อมโยงกับคดีของเสี่ยโกสน และหลังจากที่วัดตัดสินใจรับร่างของผู้เสียชีวิตจากผู้ป่วยโควิด-19 มาประกอบพิธีเผาที่วัด ทำให้จำนวนของลูกศิษย์หรือคนที่มาทำบุญที่วัดโดยเฉพาะวันพระ จากวันละเกือบประมาณ 100 คน ลดลงเหลือ 20-25 คน เพราะส่วนใหญ่กลัวเรื่องของโรคติดต่อ
ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านให้ข้อมูลว่า พระเจ้าอาวาสวัดจำปารู้จักและสนิทกับนายสุรัตน์นั้น ตนเองรู้จักกับนายสุรัตน์นานมาแล้ว และในช่วงหนึ่งที่วัดได้มีการปรับที่ดินในการก่อสร้างสาธารณูปโภคภายในวัด ก็ได้มีการซื้อดินจากนายสุรัตน์เพื่อถมที่ ช่วงนั้นก็ได้มีการจ่ายเงินและมีการติดต่อกันอยู่ระยะหนึ่ง แต่ก็ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว มีอีกช่วงนี้หนึ่งที่นายสุรัตน์นำลูกชายคนโตมาอุปสมบทที่วัดจำปา เพราะตนเองเป็นพระอุปัชฌาย์ จึงได้มีการบวชเณรให้กับลูกชายนายสุรัตน์ แต่เมื่อมีการบวชเสร็จแล้วก็ได้ย้ายไปจำอยู่ที่อื่น
