เมื่อวันที่ 14 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานบรรยากาศจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกสถานพยาบาล ที่เอ็มซีซีฮอลล์ ชั้น 4 เดอะมอลล์บางกะปิ ซึ่งเป็นการทดลองระบบฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.บุคลากรทางการเเพทย์ 2.เจ้าหน้าที่ด่านหน้า 3.อาสาสมัคร 4.กลุ่มอาชีพเสี่ยง ที่ลงทะเบียนกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เเละ 5.ประชาชนทั่วไป ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "หมอพร้อม"
โดยเริ่มฉีดตั้งเเต่เวลา 09.00-17.00 น. พบว่ามีกลุ่มเสี่ยงที่ลงทะเบียนไว้ ทยอยเข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ในวันนี้ทดลองฉีดในระบบ 1,000 คน จุดฉีดวัคซีนเเห่งนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง กทม. สภาหอการค้า รพ.นพรัตนราชธานี เเละบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด
สำหรับขั้นตอนการเข้ารับวัคซีน มีทั้งหมด 6 ขั้นตอน ประกอบด้วยดังต่อไปนี้
จุดที่ 1 เมื่อเดินทางมาถึงเตรียมบัตรประชาชนเข้ารับบัตรคิวลงทะเบียน
จุดที่ 2 เป็นจุดพักคอย
จุดที่ 3 เป็นจุดชั่งน้ำหนักและวัดความดันโลหิต
จุดที่ 4 เป็นการคัดกรองประวัติ
จุดที่ 5 เป็นจุดฉีดวัคซีน
จุดที่ 6 เป็นจุดนั่งสังเกตอาการ 30 นาที และรอใบนัด
หากพบผู้รับการฉีดวัคซีนมีอาการไม่พึงประสงค์ ทีมแพทย์จะนำตัวไปยังจุดปฐมพยาบาล และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลทันที โดยมีรถพยาบาลฉุกเฉินจาก รพ.นพรัตนราชธานี 1 คันคอยอำนวยความสะดวก เบื้องต้นจะส่งไปยัง รพ.ลาดพร้าว และ รพ.เวชธานี ภายในเวลาเพียง 5 นาที
นายอมร อมรกุล ผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า จุดฉีดวัคซีนเเห่งนี้เเม่งานหลัก คือ รพ.นพรัตนราชธานี มีการจัดบุคลากรทางการเเพทย์ จำนวน 100 คน เเละอาสาสมัคร จำนวน 80 คน คอยให้บริการประชาชน ซึ่งในส่วนของเดอะมอลล์ ได้จัดสถานที่ให้ใน 4 สาขา ประกอบด้วย เดอะมอลล์บางกะปิ-เดอะมอลล์บางเเค-เดอะมอลล์งามวงศ์วาน เป็นฮอลล์ขนาด 3,500 ตารางเมตร เเละเดอะมอลล์โคราช เป็นฮอลล์ขนาด 4,500 ตารางเมตร มีระบบเครื่องปรับอากาศ ที่ผ่านการฆ่าเชื้อไว้รองรับ นอกจากนี้ยังได้จัดเก้าอี้โดยเว้นระยะห่างระหว่างกัน ตามจุดบริการต่าง ๆ โดยตอนนี้ถือว่ามีความพร้อมสูง ตั้งเป้าให้บริการฉีดวันละ 2,000 คน เเละอาจขยายไปถึง 3,000 คน ในอนาคต
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมและติดตามการทดลองระบบฉีดวัคซีนที่จุดฉีดวัคซีนโควิด -19 ห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์บางกะปิ
ในทันทีที่พลเอกประยุทธ์ เดินทางมาถึง พนักงานในเครือเดอะมอลล์ ตะโกนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีว่า "หัวใจไทย ไทยช่วยไทย ไทยสู้สู้" ซึ่งนายกฯ ขอให้พนักงานกล่าวอีกครั้งด้วยเสียงดัง ๆ พร้อมกับชูสองนิ้วให้กำลังใจกลับคืนแก่พนักงาน ก่อนเยี่ยมชมการฉีดวัคซีน พร้อมสอบถามผู้ที่มารอรับยาฉีดวัคซีนว่า "ฉีดจริง หรือสแตนด์อิน ผมก็ฉีดไปแล้ว ขออย่ากังวล ทำใจให้สบาย หากกังวลให้สวดมนต์ ฉีดวัคซีนไม่มีอะไรน่ากลัว ฉีดแล้วก็ช่วยประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนมาฉีดวัคซีนด้วย วันนี้มาด้วยใจไม่ได้มาให้ใครรัก"
จากนั้นพลเอกประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนขอบคุณภาคเอกชนที่ให้ความร่วมมือในการเปิดบริการฉีดวัคซีนนอกสถานพยาบาล และขอให้ฟังช่องทางข่าวสารจากภาครัฐเป็นหลัก ไปคิดเองไม่ได้ ต้องบริหารส่วนรวม ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดก็ต้องฟังแพทย์ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องคัดกรองเฝ้าระวังทุกตารางนิ้วของประเทศไทย การที่ภาคเอกชนให้ความร่วมมือ ไม่ใช่รัฐบาลไปกดดัน ขอให้เข้าใจ เนื่องจากหารือร่วมกันมาโดยตลอด ตั้งแต่การจัดหาวัคซีนทางเลือก ซึ่งตนได้อธิบายไปหมดแล้ว ถึงไม่อยากให้ไปพูดในสื่อข้างนอกให้เสียหาย วันนี้ต้องไปด้วยกันทั้งภาครัฐ เอกชนและภาคธุรกิจ ต้องเข้าใจด้วยว่ารัฐบาลนั้นทำตามกฎหมาย ไม่ได้ปิดกั้นการจัดหาวัคซีน
นอกจากนี้ วัคซีนโมเดอร์นา ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว โดยมีการเจรจาระดับผู้นำว่าจะนำวัคซีนอะไรเข้ามาได้เพิ่มอีกหรือไม่ ซึ่งไทยมีวัคซีนหลัก คือ แอสตราเซเนกา แต่ก็จะมีวัคซีนอื่นเข้ามาเสริม ซึ่งในเดือนพ.ค.64 วัคซีนซิโนแวค 3.5 ล้านโดสจะต้องกระจายไปสู่ประชาชน โดยจะเน้นกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณะ จากเดิมเน้นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงกลุ่มครู รวมไปถึงแรงงาน พร้อมขอความร่วมให้ทุกคนยึดตามมาตรการด้านสาธารณสุข ป้องกันดูแลตัวเอง ตนยืนยันไม่เคยโทษประชาชนแต่ขออย่าโทษรัฐบาลอย่างเดียว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงจ.บุรีรัมย์ ออกคำสั่งใหม่ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะติดเชื้อ หรืออาจจะรับเชื้อไปฉีดวัคซีน หากฝืนมีโทษทั้งจำและปรับ ว่า เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งอาจเป็นการเตือน แล้วแต่แต่ละจังหวัดจะออกกฎระเบียบ แต่จะออกกฎไปทำร้ายประชาชนไม่ได้ เป็นการเตือนประชาชนมากกว่า
ส่วนเรื่องการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายตามแนวชายแดนเมียนมา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ประเทศไทยจัดเตรียมจุดพักคอยดูแลตามหลักมนุษยชน ไม่สามารถไล่กลับได้หากยังมีการสู้รบกันอยู่ แต่ไม่ให้เข้ามายังส่วนในของประเทศ หลังจากนั้นจึงส่งกลับ ซึ่งเรื่องนี้ UNHCR และ UN ได้ดูแลอยู่แล้ว วันนี้ตนได้ชี้แจงกับสหประชาชาติ ส่วนการลักลอบเข้าเมืองขณะนี้ก็จับได้หลายพันคน และดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย แต่ดำเนินการได้ก็ให้เขาส่งกลับไปไม่อยากให้เข้ามาเป็นภาระ เราต้องบริหารกฎหมายให้เป็นแบบนี้ วันนี้กระทรวงกลาโหม ตำรวจ ทหาร ตรึงชายแดน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ไล่ตรวจสอบคัดกรองอุณหภูมิ และให้อยู่ในที่พักคอย เพราะไทยอาจถูกกล่าวหาได้ว่าไม่มีน้ำใจ เราก็มีน้ำใจของเรานี่คือสิทธิมนุษยชนที่ต้องดูแล
สำหรับมาตรการผ่อนคลายให้รับประทานในร้านอาหารได้นั้น ศบค.พิจารณาให้สามารถรับประทานอาหารภายในร้านได้ 25% แต่ต้องปฏิบัติการตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และให้พนักงานภายในร้านฉีดวัคซีน ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งมาตรการจะต้องมีการปรับแผนอยู่ตลอดเวลา รวมถึงเรื่องการฉีดวัคซีนจะต้องบริหารกระจายฉีดให้ได้มากที่สุด ต้องเข้าใจด้วยว่าคนไทยมีประชากรกว่า 66 ล้านคน จะให้คนทุกคนพอใจเป็นไปไม่ได้ ขอให้ช่วยกัน อย่างน้อยมีคนที่เข้าใจมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องรักตนชอบตน แต่ตนก็จะดูแลทุกคนอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสร็จ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวคำว่า "วัคซีนไอเลิฟยู" และชูสัญลักษณ์ 2 นิ้ว เป็นสัญลักษณ์วัคซีน และสัญลักษณ์ไอเลิฟยู ก่อนเดินทางกลับ
จากการพูดคุยกับผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน ส่วนใหญ่รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น อย่างเช่น น.ส.ณัฐวิพร พันธุ์ไชยศรี อายุ 36 ปี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน เปิดเผยว่า ตนทราบข่าวจากทางโทรทัศน์ว่ามีการเปิดจุดบริการฉีดวัคซีน จึงลงทะเบียนผ่าเเอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" ตอนเเรกยอมรับว่ามีความกังวลอยู่บ้าง เเต่มองว่าฉีดย่อมดีกว่าไม่ฉีด เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เเละที่บ้านก็มีทั้งเด็กเเละผู้สูงอายุ ส่วนตนไปทำงานนอกบ้าน ดังนั้นการได้รับวัคซีนก็เป็นการลดความเสี่ยงในการนำเชื้อมาเเพร่สู่คนในบ้าน เเละตนมองว่าหากมีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนจำนวนมากเท่าไร สถานการณ์จะคลี่คลายเร็วขึ้น เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan โดยมีรายละเอียดดังนี้ คำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนสำหรับสุภาพสตรี
ขณะที่วันนี้ (14 พ.ค.64) ศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศไทย ล่าสุดพบป่วยใหม่เพิ่มขึ้นมา 2,256 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 2,073 ราย จากเรือนจำ 183 ราย ผู้ป่วยสะสม 96,050 ราย สะสมระลอกใหม่ 67,187 ราย รักษาอยู่รวม 33,186 ราย อาการหนัก 1,203 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 408 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่ม 30 คน สะสมแล้ว 548 คน หายป่วยเพิ่ม 1,701 ราย หายป่วยสะสมระลอกใหม่ 34,890 ราย หายป่วยสะสม 62,316 ราย
โดยผู้ติดเชื้อวันนี้ 2,256 รายแยกเป็น 1.ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 1,523 ราย 2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 545 ราย 3.จากเรือนจำ ที่ต้องขัง 183 ราย และ 4.ผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับจากต่างประเทศเข้า State Quarantine 5 ราย ทั้งนี้ยังมีการเปิดเผยข้อมูลผู้รับวัคซีน ณ วันที่ 13 พ.ค.64 สำหรับเข็มที่ 1 จำนวน 21,302 ราย ยอดสะสม 1,416,432 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 63,067 ราย ยอดสะสม 708,300 ราย
สำหรับสถิติอาการข้างเคียงของคนไทย หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รายงานว่า กระทรวง อว. และกระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามแล้วพบว่ามีรายละเอียดดังนี้
- 89.19% ของผู้ฉีด ไม่มีรายงานผลข้างเคียงหลังได้รับวัคซีน
- 10.81% ของผู้ฉีด มีผลข้างเคียงหลังได้รับวัคซีน ได้แก่ ปวดกล้ามเนื้อ (6.65% ของผู้ที่ฉีด) ปวดศีรษะ (4.37%) เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง (3.23%) ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด (3.18%) ไข้ (2.08%) คลื่นไส้ (1.56%) ท้องเสีย (1.23%) ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง (0.91%) ผื่น (0.7%) อาเจียน (0.4%) อาการอื่นๆ (1.34%)
- มีอาการแพ้รุนแรง 6.5 คนต่อหนึ่งล้านโดส และการชาชนิด Polyneuropathy 0.5 คนต่อหนึ่งล้านโดส
- ไม่มีผู้เสียชีวิตที่มีสาเหตุจากวัคซีน