นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่ สสจ.ตรวจเชิงรุกพนักงานห้างสรรพสินค้าคัดกรองเชื้อโควิด-19 แต่แจ้งผลผิดทำให้พนักงานสาวคนหนึ่งต้องเข้ารับการรักษา 3 วัน จึงรู้ว่าไม่ได้ติดเชื้อ
วันที่ 14 พ.ค.64 จากกรณีนางสาวณิชชา อายุ 40 ปี อาชีพพนักงานห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนายภพ อายุ 30 ปี ผู้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับนางสาวณิชชา ได้นำเอกสารหลักฐานผลยืนยันการตรวจโควิด-19 จากโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เอกสารใบรับแพทย์ รวมทั้งเอกสารสำคัญต่างๆ ที่ยืนยันผลการตรวจโควิด-19 ทั้ง 3 ครั้ง ว่าเป็นลบ ร้องกับผู้สื่อข่าว
หลังจากเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2564 กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อสำนักงานสาธารณสุขได้ออกตรวจพนักงานห้างสรรพสินค้าแบบเชิงรุกทั้งหมด ซึ่งขณะนั้นผลตรวจพบว่านางสาวณิชชาเป็นบวกติดโควิด-19 ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาที่ห้องความดันลบ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน แต่ผลตรวจยืนยันโรคอีกครั้ง ผลปรากฏว่าเป็นลบทั้ง 3 ครั้ง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงได้ให้ออกจากโรงพยาบาลเพราะไม่ใช่ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ได้รับผลกระทบอื่นๆ ตามมา ทั้งถูกมองเป็นคนติดเชื้อ เพื่อนร่วมงานรังเกียจแม้ผลตรวจล่าสุดจะออกมาว่าไม่ติดเชื้อ ต้องการให้ทาง สสจ.ขอนแก่น ทำหนังสือขอโทษตนเองและพนักงานทุกคนที่ถูกกักตัวไปด้วย และให้แจ้งไปยังบริษัทที่ทำงานเพื่อยืนยันกรณีที่เกิดขึ้นว่าไม่มีใครติดเชื้อโควิด-19
ล่าสุด นายแพทย์สมชาย โชติปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าภายหลังจากทราบเรื่องได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาตรวจสอบแล้วเพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย พร้อมกับย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติหน้าที่อื่นชั่วคราวจนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ พร้อมทั้งทำหนังสือขออภัยไปยังพนักงานห้างสรรพสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่เกิดขึ้น และหนังสือยืนยันว่าพนักงานของห้างสรรพสินค้าไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19
เบื้องต้นนั้นได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่ได้ทำการตรวจหาเชื้อพนักงานดังกล่าวก็รับว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ซึ่งในวันนั้นเป็นการตรวจเชิงรุกคาดว่าจะเป็นการสื่อสารผิดพลาดทำให้เข้าใจผิดว่าพนักงานห้างติดเชื้อโควิด-19 ต้องเข้ารับการตรวจซ้ำที่ รพ.ขอนแก่น เนื่องจากผลตรวจครั้งแรกพบว่าผลเป็นก้ำกึ่ง ซึ่งหลักการตรวจของทางเจ้าหน้าที่นั้นหากผลตรวจเป็นก้ำกึ่งให้สงสัยไว้ก่อนว่าติดเชื้อและให้มีการตรวจซ้ำเพื่อความมั่นใจอีกครั้งทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น ซึ่งก็ต้องขอโทษขออภัยพนักงานหญิงที่ตรวจแล้วเกิดความผิดพลาดขึ้น รวมทั้งทุกส่วนที่ได้รับผลกระทบและขอขอบคุณพนักงานห้างที่นำเรื่องนี้มาเปิดเผยเพื่อที่ทางเจ้าหน้าที่จะได้นำไปเป็นบทเรียนพัฒนาปรับปรุงต่อไป
