เซ่นพิษหึง! โจ๋ 19 แทงแฟนเก่าคนรัก ฝากลูกกับพ่อก่อนเข้าคุก ญาติฉะสาวต้นเหตุ (คลิป)

จากเหตุการณ์วันที่ 14 พ.ค. 64 เมื่อเวลา 20.30 น. พ.ต.ต.ธราเทพ จันทร์ดิษฐ์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้รับแจ้งเหตุแทงกัน มีผู้เสียชีวิตในบ้าน ม.5 ต.ท้ายหาด อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม

บริเวณหน้าบ้านพบร่างนายสิทธิพล ธีระปัญญาชัย อายุ 27 ปี ถูกแทงด้วยมีดพกสั้น บริเวณขมับซ้าย หน้าอกซ้าย หลังศีรษะ หัวไหล่ รวม 6 แผล เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามปั๊มหัวใจยื้อชีวิต แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ใกล้กันพบมีดพับตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือน.ส.เจนจิรา อายุ 17 ปี ได้รับบาดเจ็บจากการทะเลาะวิวาทจนล้มกระแทกขา ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายกมล เทียนทับทิม อายุ 19 ปี ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่

นายกมล อายุ 19 ปี ให้การว่า ผู้ตายเป็นเพื่อนรุ่นพี่ เคยคบหาเป็นแฟนกับ น.ส.เจนจิรามาก่อน แต่ได้เลิกรากันไปพักหนึ่งแล้ว ตนจึงมาคบหากับ น.ส.เจนจิรา ต่อ ก่อนเกิดเหตุตนพา น.ส.เจนจิรา มาบ้านที่เกิดเหตุ และมาเจอนายสิทธิพล เมื่อเห็นตนมากับ น.ส.เจนจิราก็เข้ามาต่อว่าจนมีปัญหาทะเลาะกันด้วยความหึงหวง

ซึ่งตนก็ขอโทษนายสิทธิพลหลายครั้ง แต่นายสิทธิพลไม่ยอมเลิกรา จนตนทนไม่ไหว ตนพูดว่า "ถ้าพี่เล่นผม ผมก็สวนแหละ" ซึ่งประเมิณแล้วคงสู้ไม่ไหว ตนจึงชักมีดแทงสวนไปหลายครั้งจนนายสิทธิพลล้มฟุบกองกับพื้น และเสียชีวิต

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า สาเหตุที่ทั้งสองทะเลาะวิวาทกันเกิดจากปัญหารักสามเส้า เคลียร์กันไม่ลงตัว นายกมลซึ่งอายุน้อยกว่าสู้ไม่ได้ จึงใช้มีดแทงจนนายสิทธิพลเสียชีวิตก็ เบื้องต้น แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ก่อนนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทีมข่าวเดินทางมาที่ห้องแถว ด้านหลังที่เกิดเหตุ เป็นบ้านพักของพ่อผู้ก่อเหตุ นายวินัย เตียนทับทิม อายุ 75 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ  เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 20.00 น. ตนกำลังนอนอยู่ กระทั่งตนได้ยินเสียงคล้ายคนทะเลาะกันเลยวิ่งไปดู พบว่านายสิทธิพลกำลังนอนอยู่บนพื้น และเห็นเลือดหยดออกจากมือของนายกมล ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นลูกชายของตน ขณะนั้นนายกมลบอกกับตนว่า "พ่อ หนูทำหนูยอมรับ ฝากลูกหนูหน่อย" ซึ่งผู้ก่อเหตุมีลูกชายอายุ 1 ปีกว่า และให้เหตุผลว่าถูกต่อยก่อน ทำให้เกิดบันดาลโทสะ คว้ามีดแทงกลับ

ทั้งนี้ ตนไม่ได้รู้จักกับนายสิทธิพล และนางสาวเจนจิราเป็นการส่วนตัว แต่ทราบมาจากแฟนของลูกชายว่า นางสาวเจนจิรามาติดพันกับนายกมล พอผู้ชายมาเจรจากัน แล้วตกลงกันไม่ลงตัวเลยมีเรื่องกัน อย่างไรก็ตาม ตนคงจะไม่ไปประกันตัว เพราะตนไม่มีเงิน และคงจะปล่อยให้รับโทษไป ผิดก็ต้องว่าไปทำผิด หลังจากนี้ตนคงจะไม่ไปขอขมา เพราะตนไม่รู้จักกับผู้ตาย

ด้านนางสาววัลภา ธีระปัญญาชัย อายุ 47 ปี อาของผู้ตาย เปิดเผยว่า นายสิทธิพลกับนางสาวเจนจิราเพิ่งจะคบหากัน ได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ และนางสาวเจนจิราเคยมาที่บ้านเพียงไปกี่ครั้ง ส่วนตัวรู้สึกไม่ถูกชะตากับนางสาวเจนจิรา เพราะจากที่มองด้วยสายตน ตนมองว่า เด็กตนนี้นิสัยเกินเด็ก และดูเจนจัด โดยเมื่อ 2 ก่อนที่จะเกิดเรื่อง นายสิทธิพลกับนางสาวเจนจิราได้ทะเลาะกัน ตนจึงเข้าไปห้าม และขอให้นางสาวเจนจิรากลับบ้านไป จากนั้นนางสาวเจนจิราออกนั่งรอที่หน้าบ้าน สักพักก็มีคนขับรถมารับ แต่ตนไม่เห็นหน้า เลยไม่ทราบว่าเป็นใคร

ครั้งสุดท้ายที่ตนเห็นนายสิทธิพลคือเมื่อวานนี้ ช่วงเย็นหลังจากที่ตนเลิกงาน นายสิทธิพลได้เดินมาบอกว่า "วันนี้ไม่กลับบ้าน" แล้วก็ขับรถออกไปกับน้องสาว ซึ่งปกติไม่พูดแบบนี้ และทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจ แต่ไม่คิดว่าคำที่เขาพูดเป็นคำบอกลา เพราะตนเห็นว่าไปกับน้องสาว กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. เพื่อนรุ่นน้องของผู้ตายโทรมาบอกว่านายสิทธิพลถูกแทง

ทั้งนี้ ตนรู้จักกับนายกมล ผู้ก่อเหตุ เพราะนายสิทธิพลกับนายกมลทำงานอยู่ที่เดียวกัน เป็นพนักงานเสิร์ฟที่โรงแรม และนายกมลมักจะมากินข้าวที่บ้านของตนเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่านางสาวเจนจิราเป็นต้นเหตุ เพราะเป็นตัวกลางที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน ทั้งนี้หากนางสาวเจนจิราจะเข้ามาขอขมา ตนเชื่อว่าคงจะไม่มีใครยอม แต่อยากจะให้มารับผิดชอบกับการกระทำ ส่วนผู้ก่อเหตุ ตนอยากจะให้ได้รับโทษถึงที่สุด เพราะทำให้ตนต้องสูญเสียหลานชายไป