สุดเศร้าเมียเสี่ยโกสนลงเรือสื่อจิตกับทะเลค้นศพผัว - พ่อก๊วนฆ่าฉะถูกจัดฉากเป็นแพะ (คลิป)

15 พ.ค. 64

จากกรณีภรรยาของนายโกสน ผู้สูญหาย ได้ยินเสียงปืนจากบ้านหลังหนึ่ง หลังจากที่สามีไปดื่มเหล้าที่บ้านหลังดังกล่าว จึงไปตามถึงบ้าน แต่เจ้าของบ้านยังไม่ยอมออกมา สุดท้ายบอกว่าไม่ทราบว่าสามีไปไหนเพราะขณะนั้นกำลังนอนหลับ แต่ภรรยาผู้สูญหายสังเกตเห็นมีรอยเลือดเป็นทาง มีร่องรอยการล้างเลือดตามพื้นถนน มีรอยเลือดติดบนใบหญ้า แต่ไม่พบตัวสามี ซึ่งในวันดังกล่าวสามีได้สวมสร้อยคอทองคำและเลสข้อมือหนัก 10 บาทออกไปด้วย ต่อมาตำรวจออกหมายจับ 8 รายแล้วนั้น

414985

ส่วนปฏิบัติการค้นหาร่างของเสี่ยโกศลในวันนี้ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ครอบครัวของเสี่ยโกสน 8 คน มีนางจินดาหรา วสินทรัพย์ หรือเกว ภรรยาของเสี่ยโกสน พาทีมข่าวลงเรือไปสำรวจพื้นที่ต้องสงสัยคาดว่าจะเป็นจุดที่มีการทิ้งศพ ปฏิบัติการค้นหาไม่ได้ออกไปกลางทะเลลึก แต่เป็นการค้นหาจุดแรกภายในคลองพุมเรียง ที่เชื่อมตอบไปยังแหลมโพธิ์ ออกสู่อ่าวไทย อีกทั้ง คลองพุมเรียงมีชาวบ้านในพื้นที่โทรศัพท์มาแจ้งเบาะแสว่า "บริเวณป่าชายเลน ริมคลองพุมเรียง ที่มีต้นโกงกางจำนวนมาก บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่

961494

ซึ่งระหว่างที่ล่องเรือออกไปตามหาภายในคลองพุมเรียง นางจินดาหรา ภรรยาของเสี่ยโกสนอยู่ในอาการเศร้า นั่งเหมอลอย มองไปโดยรอบพื้นที่คลอง และใช้มือสัมผัสน้ำขณะที่เรือกำลังแล่นไปเรื่อย ๆ พร้อมก้มหน้าแล้วพูดจับใจความไม่ได้ สังเกตว่าภรรยาของเสี่ยโกสนทำแบบนี้ทุกครั้งที่มีการออกทะเล หรือมีการตามหาทางน้ำ หวังว่าการสื่อสารแต่ละครั้งจะบอกถึงเสี่ยโกสนให้มาดลใจเจอร่างโดยเร็ว

 

822776

 

นางจินดาหรา วสินทรัพย์ หรือ เกว ภรรยาของเสี่ยโกสน เปิดเผยว่า การค้นหาในวันนี้ตนเองก็ค้นหาตามพิกัดและเบาะแสที่ชาวบ้านช่วยกันแจ้ง ไม่ว่าจะมีคนชี้เป้าจุดไหนก็ตาม ตนเองก็ต้องไปค้นหา เพื่อให้เกิดความสบายใจ อย่างน้อยก็เป็นเบาะแสที่จะหาร่างของเสี่ยโกสนให้เจอไวมากยิ่งขึ้น แต่อุปสรรคของการไปค้นหาบริเวณป่าโกงกางหรือเขตป่าชายเลน อีกทั้ง การค้นหาในวันนี้ได้มีการค้นหาบริเวณกลางทะเลจุดหลุมดำสำหรับดูดทรายในอดีต มีความลึก ถ้าหากคนร้ายนำร่างของสามีโยนลงไปที่หลุมดังกล่าว กว่าจะลอยขึ้นมาก็คงต้องใช้เวลา ประกอบกับวันนี้ตนเองลงพื้นที่ไปพร้อมกับทีมข่าว เห็นสภาพความเป็นจริงของเสาปูนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุมีขนาดใหญ่ ไม่มีความเป็นไปได้ว่าร่างจะลอยขึ้นมาได้เองแน่นอน ส่วนกรณีการสังเกตุผิวน้ำเรื่องไขมันศพ ยอมรับว่าวันนี้ก็จะมีความยากมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน ศพน่าจะไม่เหลือคราบไขมันให้เห็นแล้ว

ส่วนกรณีที่ตำรวจได้มีการพบโทรศัพท์มือถือ พบไม้ที่มีเลือดติด คาดว่าเป็นไม้สำหรับแบกหามศพลงเรือ เจอร่องรอยของเสาปูนที่อาจจะใช้ก่อเหตุ พบเสื้อสีฟ้าซึ่งเป็นของนายเอ็ด ตนเองเชื่อว่าคดีเริ่มมีความคืบหน้า ขอบคุณการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พยายามค้นหาเบาะแสและหลักฐานเพิ่มเติม กระทั่งเจอหลักฐานต่าง ๆ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหลักฐานค่อนข้างกระจายอยู่ในพื้นที่ตะกรบ ดังนั้นร่างของสามีก็มีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่ได้ทั้งทางบกและทางทะเล ขณะที่การออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดมีจำนวน 8 คน ตนเองไม่รู้ว่าจะมีคนที่ 9 หรือ 10 หรือไม่

โดยตนเองได้มีการบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นพระประจำบ้าน ถ้าหากมีการเจอร่างของเสี่ยโกสนแล้ว จะให้ลูกชายบวช 3-7 วัน และตนเองพร้อมที่จะบวชชีเพื่อให้ทุกอย่างสงบ เป็นการอุทิศส่วนกุศลให้กับเสี่ยโกสน

744001

ด้านนายเชื่อม (นามสมมติ) พ่อของนายเอ็ด เปิดเผยว่า ปกติตนเองก็ไปมาหาสู่และพูดคุยกันกับนายสุรัตน์เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเพราะเป็นเครือญาติกัน แต่ก็ไม่เคยพูดหรือคุยกันเรื่องอื่น เพราะส่วนใหญ่ก็จะมาปรึกษาเรื่องของการทำประมงมากกว่า แต่ในเรื่องของการกระทำหรือความผิดก็ให้ว่าไปตามการตรวจสอบของตำรวจ เชื่อว่าเป็นการโยงและตั้งใจที่จะเอาผิดคนทั้งตระกูล ซึ่งแม้ว่าคนจะนามสกุลเดียวกัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เลวหรือผิดไปด้วยกันเสียทั้งหมด ดังนั้นจึงอยากให้แยกแยะ ไม่ใช่ว่าไปมัวแต่ฟังคนที่ให้ปากคำหรือให้ร้าย แล้วหวังที่จะจับคนยกตระกูลเศวตศิลป์ เท่าที่ตนเองรู้จักกับนายสุรัตน์ ก็ไม่เห็นเจ้าตัวจะเป็นคนโหดร้ายหรือเป็นคนอาฆาตแค้นกับใคร เวลาญาติพี่น้องหรือคนรู้จักทะเลาะกัน นายสุรัตน์ก็จะเป็นคนกลางบอกให้ใจเย็น และเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่เคยยุใครแตกแยกหรือใช้ความรุนแรงกับใคร ในสายตาของตนเองจึงมองว่านายสุรัตน์เป็นคนกลางที่ชอบแก้ปัญหามากกว่าก่อปัญหา อีกทั้งนายสุรัตน์เป็นคนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มักจะแบ่งปันให้กับเพื่อนบ้าน แบ่งปันให้กับทุกคน ฉะนั้นจึงเชื่อว่าทุกอย่างมันคือการใส่ร้าย

668377

ส่วนตัวยอมรับว่าตกใจที่รู้ว่าลูกชายถูกออกหมายจับในคดีอุ้มฆ่าเสี่ยโกสน ตนเองเชื่อว่าลูกชายไม่ได้มีส่วนรู้เห็น แต่เพียงเพราะนามสกุลเดียวกันกับนายสุรัตน์ จึงถูกออกหมายจับ เพราะในวันดังกล่าวจำได้ว่าลูกชายไม่ได้ออกไปไหน ลูกชายเพิ่งกลับมาจากกรุงเทพ อยู่ในอาการอ่อนเพลีย จึงได้นอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่จะมีคืนหนึ่งช่วงระหว่างวันที่ 2-4พ.ค. ลูกชายออกไปท่าเรือ เพื่อนำน้ำมันไปเติมหรือเอาไปให้กับเรือประมงที่ท่าเรือเท่านั้น แต่หลังจากที่ออกบ้านไปประมาณ 3 ชั่วโมงก็กลับมานอนที่บ้านตามปกติ ตนเองตื่นเช้าขึ้นมาก็เจอลูกชายทุกวัน เป็นไปไม่ได้ที่ลูกชายจะไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

187998

และในวันเกิดเหตุ ที่อ้างว่ามีนายแน็ก หรือ นายโจ้ มาตะโกนเรียกลูกชายไปช่วยก่อเหตุขุดหลุมฝังศพนั้น ตนเองก็นอนอยู่ในบ้าน ไม่เห็นมีใครมาเรียกหรือตะโกนให้ลูกชายออกไปก่อเหตุ จึงไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีใครพยายามเชื่อมโยงหรือเอาลูกชายตนเองไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ในเมื่อรู้ว่าลูกชายตัวเองไม่ผิด ก็พร้อมที่จะประกันตัวหรือยื่นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม เสื้อยืดสีฟ้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าเจอในที่เกิดเหตุมีการเชื่อมโยงเพื่อออกหมายจับนั้น ตนเองยืนยันว่าเสื้อดังกล่าวไม่ใช่เสื้อของลูกชาย แต่อาจมีความคล้ายเท่านั้น ซึ่งตอนที่ทีมข่าวเปิดภาพสอบถามก่อนที่จะสัมภาษณ์ พ่อของนายเอ็ดยืนยันว่าเสื้อเป็นของลูกชาย แต่เมื่อมีการบันทึกการสัมภาษณ์กลับปฏิเสธอ้างว่าไม่ใช่ บอกว่าเสื้ออาจมีการซื้อหรือหามาเพื่อสร้างหลักฐานเท็จ หรืออาจจะต้องการที่จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงบางอย่างกับลูกชายหรือไม่ เพราะเชื่อว่าต้องมีคนจัดฉาก

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส