กรณีครอบครัวได้ทำพิธีฌาปนกิจศพของ น.ส.กมลรัตน์ อุทัยอ่วม หรือ น้องฝ้าย อายุ 25 ปี สาวเอนเตอร์เทนชงเหล้า ที่เสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนจากตับวาย หลังจากเสพยาเสพติดขณะรับงานลูกค้าที่จ.สุพรรรณบุรี โดยญาติได้จัดพิธีที่วัดไผ่หูช้าง ต.ไผ่หูช้าง อ.บางเลน จ.นครปฐม ของวันที่ 16 พ.ค.64 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 17 พ.ค.64 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เดินทางมากำกับดูแลคดีนี้ด้วยตัวเอง ที่สภ.บางปลาม้า โดยทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวฝ่ายชาย (ผู้ว่าจ้าง) ได้แก่ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ, นายพี (นามสมมติ), นายยักษ์ (นามสมมติ) และนายอาร์ม (นามสมมติ) อายุ 21 ปี เข้ามาตั้งแต่สอบปากคำช่วงเวลาประมาณ 08.45 น. ส่วนครอบครัวและเพื่อนผู้ตาย เจ้าหน้าที่ได้เรียกตัวเข้ามาให้ปากคำในเวลา 10.30 น.
พล.ต.ต.ชมชวิณ แถลงต่อสื่อมวลชน ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำฝ่ายชาย (ผู้ว่าจ้าง) ไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ส่วนครอบครัวและเพื่อนผู้ตาย วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวเข้ามาให้ปากคำ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพของผู้ตาย จากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป
เบื้องต้นคาดว่าผลตรวจเกี่ยวกับสารเสพติดในร่างกายของทุกคนที่อยู่ภายในงานปาร์ตี้ น่าจะออกในวันนี้ (17 พ.ค.64) รวมถึงผลตรวจร่างกายเกี่ยวกับการร่วมเพศ ซึ่งต้องพิจารณาว่าเป็นการสมยอมหรือข่มขื่น
ทั้งนี้ ความผิดเบื้องต้น ได้แก่ 1.พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2.พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ 3.ยาเสพติด ซึ่งข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด จะต้องทำการสอบปากคำให้แล้วเสร็จก่อน จึงจะแจ้งข้อหาได้
ส่วนปมการเสียชีวิตของผู้ตาย เจ้าหน้าที่ต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด เพื่อใช้ประกอบกับการสอบปากคำ เพราะจะต้องพิจารณาดูว่าการเสียชีวิตมีที่มาอย่างไร และเข้าข่ายความผิดใดบ้าง จึงจะสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ว่าจ้างได้
ทั้งนี้บรรยากาศสื่อมวลชนจากหลายสำนัก ทั้งสื่อส่วนกลางและสื่อท้องถิ่น ต่างปักหลักรอการสอบปากคำของบุคคลในงานปาร์ตี้ภายในบ้านฟาร์มไก่ ต.ไผ่กองดิน อ.บางปลาม้า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงจากพื้นที่อื่น ได้เดินทางมาช่วยสอบสวนเพื่อนผู้หญิงของผู้ตาย ส่วนกลุ่มฝ่ายชายได้ถูกแยกนำตัวไปสอบที่ห้องธุรการงานสืบสวน พร้อมกับผู้ปกครอง
ทีมข่าวพยายามสอบถามคำถามจาก นายเอ, นายพี, นายยักษ์ และนายอาร์ม ที่พลัดกันออกมาเข้าห้องน้ำ และเก็บปัสสาวะเพื่อนำไปตรวจหาสารเสพติดเพิ่มเติม แต่ทุกคนล้วนไม่ให้สัมภาษณ์หรือพูดอะไรทั้งสิ้น
รวมถึงผู้ปกครองของนายเอ, นายพี, นายยักษ์ และนายอาร์ม ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาพบกับผู้ปกครองของผู้เสียชีวิต ก็ไม่ตอบคำถามใด ๆ กับสื่อมวลชนเช่นกัน แม้กระทั่งแม่ของนายเอ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านปาร์ตี้ ก็ไม่ตอบคำถามที่สื่อมวลชนถามเกี่ยวกับสถานที่จัดงานปาร์ตี้ รวมถึงทราบมาก่อนหรือไม่ว่าลูกชาย ได้พากลุ่มหญิงสาว ซึ่งเป็นเด็กเอนเตอร์เทนมาที่บ้าน
เวลาประมาณ 13.30 น. ผู้ปกครองท่านหนึ่งสวมเสื้อสีเขียว คาดว่าน่าจะเป็นพ่อของนายยักษ์ ได้ออกมาต่อว่าสื่อมวลชน "เรื่องนี้ยังไม่เป็นคดี จะมาทำข่าวทำไม ถ้าไม่อนุญาต ก็ถ่ายผมไม่ได้ ไม่มีอะไรจะชี้แจง" ซึ่งสื่อมวลชนได้พยายามอธิบายกลับว่า ไม่ใช่เพียงเรื่องของการเรียกเด็กเอนเตอร์เทน แต่การจัดงานปาร์ตี้ในลักษณะนี้ถือเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงอยากให้ทางผู้ปกครองชี้แจงในประเด็นดังกล่าว
แต่ทางผู้ปกครองรายนี้ ได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงโมโหว่า “ใช่ โควิดประกาศทุกวัน ไม่ให้สัมภาษณ์ พวกพี่กรุณาลบภาพที่ถ่ายให้หมด ไม่เช่นนั้นผมจะดำเนินคดี” แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องสืบสวนทันที
จากนั้นเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปลาม้า ได้พาตัวนายเอ (นามสมมติ) เดินทางมายังบ้านฟาร์มไก่ ต.ไผ่กองดิน อ.บางปลาม้า ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้ แต่นายเอ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนตามเข้าไปภายในรั้วบ้าน โดยนายเอ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปสำรวจบ้านจัดงานปาร์ตี้ ประมาณ 15 นาที
ในขณะที่นายเอ กำลังจะเดินขึ้นรถของเจ้าหน้าที่เพื่อกลับไปยัง สภ.บางปลาม้า สื่อมวลชนได้เข้าไปสอบถามเหตุการณ์อีกครั้ง โดยนายเอ ยืนยันว่า ฝ่ายผู้เสียชีวิตเป็นผู้นำยาเสพติดมาเอง ส่วนฝ่ายตนมีคนหนึ่งที่มียาเสพติด แต่ตนบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ น.ส.อารีย์ แหยมจุ้ย หรือ พิงก์ อายุ 21 ปี และน.ส.สมพร พึ่งล้อม หรือ พลอย อายุ 23 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะเข้าไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง ซึ่งการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้จับสังเกตได้ว่าทั้งคู่ให้การกลับไปกลับมา
น.ส.อารีย์ แหยมจุ้ย หรือ พิงก์ อายุ 21 ปี และน.ส.สมพร พึ่งล้อม หรือ พลอย อายุ 23 ปี ระบุว่า วันนี้ตนได้เดินทางมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามที่เจ้าหน้าที่ได้นัดหมาย โดยในวันเกิดเหตุ ผู้ตายมีอาการวูบเป็นลม คาดว่าน่าจะเป็นอาการมึนเมาสุราตามปกติ และมีฤทธิ์ของยาเสพติดร่วมด้วย พวกตนจึงได้พากลับที่พัก
ขณะนั้น แม้ผู้ตายจะวูบเป็นลม แต่ฝ่ายชายยังคะยั้นคะยอให้อยู่ต่อ ซึ่งพวกตนไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายว่า ทำไมไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของผู้ตาย พวกตนยืนยันว่าในวันเกิดเหตุ ไม่ได้มีเพียงยาเคเพียงอย่างเดียว แต่ยังมียาเสพติดชนิดเม็ดด้วย ยอมรับว่าที่ฝ่ายชายอ้างว่าพวกตนพกยาเสพติดไปเองนั้นเป็นเรื่องจริง แต่พกไปเพียงเล็กน้อย สาเหตุที่พกไปนั้น เพราะบางงานลูกค้าก็จะขอเสพยาเสพติดจากเด็กเอนเตอร์เทน หรือขอให้เด็กเอนเตอร์เทนเสพยาเสพติดด้วย หากไม่มีให้ก็อาจจะส่งผลต่อเงินที่จะได้รับ
ทีมข่าวสังเกตว่าเมื่อพูดคุยกับทั้งคู่ได้ครูหนึ่ง ก็ได้กลับคำพูดว่า "นี่เป็นงานแรกที่พกยาเสพติด เนื่องจากได้รับมาจากลูกค้ารายก่อน ๆ" ซึ่งพวกตนอยากจะใช้ยาเสพติดให้หมด ๆ ไป ไม่อยากเก็บไว้ นอกจากนี้การให้สัมภาษณ์ยังชวนให้สงสัยอีกหลายประโยค เช่น “ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มียาเสพติดมาเกี่ยวข้อง ซึ่งยาเสพติดได้มาจากการรับงานครั้งก่อน พูดได้เต็มปากว่า 80-90% ของการรับงานเอนเตอร์เทน มีการเสพยาเสพติด”
โดยนาทีที่พวกตนรู้ทันทีว่าพวกตนต้องเสพยาเสพติด เพราะ 1.เป็นความต้องการของลูกค้า 2.ห้องที่ตัดปาร์ตี้มีขนาดเล็ก คาด 4x4 เมตร หากจะทำเนียนไม่เสพยาเสพติด ก็อาจทำให้ลูกค้าไม่พอใจ หลังจากนั้นคาดว่าเวลาประมาร 07.00 น. ผู้ตายก็ได้เกิดอาการวูบ ซึ่งผู้ตายเคยเป็นมาก่อนหน้านี้จากการเสพยาเสพติด จุดนี้พวกตนหลุดปากถามออกมาว่า “เอาอะไรให้ดม ทำให้ขาดสติขนาดนี้”
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายศุภณัฐ อุทัยอ่วม อายุ 47 ปี พ่อของผู้ตาย ที่เดินทางมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเข้าไปพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายศุภณัฐ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ตนจะได้พบกับฝ่ายชายทุกคน ซึ่งก่อนหน้านี้ฝ่ายชายไม่เคยปรากฎตัวที่งานศพแม้แต่วันเดียว เพียงแค่โทรศัพท์มาพูดคุยเท่านั้น ตนอยากจะทราบว่าในวันเกิดเหตุเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของตน ส่วนค่าชดเชยตนก็อยากให้ฝ่ายชายแสดงความรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่ปล่อยเงียบให้เรื่องผ่านไปแบบนี้ เนื่องจากลูกสาวของตนเป็นเสาหลักของครอบครัว
ส่วนกรณีนายเอ (นามสมมติ) เจ้าของบ้านเกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่เป็นฝ่ายหญิงที่พกยาเสพติดมาเองจำนวนมาก ตนเชื่อใจลูกสาวว่าลูกสาวทำงานเอนเตอร์เทนมา 1 ปีกว่า ๆ ไม่น่าจะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ลูกสาวของตนเสียชีวิตไปแล้ว อีกฝ่ายจะอ้างอะไรก็ย่อมได้ ตนไม่เคยคาดคิดว่าลูกสาวจะเสียชีวิตเพราะยาเสพติด วันนี้ตนยินดีที่จะให้ข้อมูลกับตำรวจอย่างเต็มที่ เบื้องต้นทางครอบครัวยังคงรอผลชันสูตรอย่างละเอียดจากสถาบันนิติเวช
จากนั้นในเวลา 14.30 น. ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.กัญญาภัทร เกษมวงศ์ อายุ 46 ปี แม่ของผู้ตาย กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำเพื่อนของลูกสาว รวมถึงฝ่ายชายทุกคน ตนคาดว่าน่าจะต้องใช้เวลา เนื่องจากหลานชายวัย 4 ขวบ มักจะพูดถึงแม่เป็นประจำ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาหลานชายก็พูดว่า “ฝ้ายไปไหน คิดถึงฝ้ายแล้วนะ” เป็นการตอกย้ำตนว่า ลูกสาวของตนไม่อยู่แล้ว
ทั้งนี้ ตนเตรียมใจที่จะบอกความจริงกับหลานชายไว้แล้ว เมื่อหลานชายโตขึ้นอีกนิด ตนก็พร้อมที่จะบอกความจริง และตนคาดหวังว่าหลานชายจะเข้าใจ ส่วนกรณีที่ฝ่ายชายอ้างว้าลูกสาวตนมียาเสพติดก็อาจเป็นไปได้ เพราะเพื่อนของลูกสาวอาจจะพกยาเสพติดไป แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวลูกสาวในฐานะเป็นเสาหลักของครอบครัว ลูกสาวจะไม่นำเงินไปไร้สาระอย่างยาเสพติดแน่นอน
ทีมข่าวได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กของฝ่ายชายทั้ง 4 คน พบว่านายพี (นามสมมติ) ผู้จ้างกลุ่มผู้ตายให้มาเอนเตอร์เทน ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อประมาณ 5 วันก่อน (11 พ.ค.64 เวลา 16.10 น.) ระบุข้อความดังต่อไปนี้
"เรื่องอะไรที่เกิดขึ้น ลองถามความจริงกันดูก่อนนะครับ เชื่อผมเถอะอย่าเพิ่งตัดสินว่าผมเห็นแก่ตัวเลย ยอมรับครับว่าตัวเองเ_ย แต่เ_ยคนเดียวไม่เคยพาใครเ_ย ทุกอย่างที่ทำทำคนเดียวไม่บังคับใครให้มาทำด้วย #ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องติดต่อมานะครับขอร้อง"
นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา (คาดเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 17 พ.ค.64) นายพี (นามสมมติ) ยังได้โพสต์สตอรี่เฟซบุ๊ก ระบุว่า “แค่คดีที่ยังไม่จบก็พอแล้ว เหนื่อยสุด ๆ พออยู่แล้ว”
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (17 พ.ค.64) เจ้าหน้าตำรวจได้สอบปากคำเพื่อนผู้ตาย และฝ่ายชายทุกคน พร้อมพูดคุยกับครอบครัวผู้ตาย นานเกือบตลอดทั้งวัน โดยเพื่อนผู้ตายถูกสอบปากคำตั้งแต่เวลาประมาณ 10.30 น. คาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลาประมาณ 22.00 น. หรือ 23.00 น. ส่วนฝ่ายชายทุกคนถูกสอบปากคำตั้งแต่เวลาประมาณ 08.45 น. คาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลาประมาณ 22.00 น. หรือ 23.00 น. ด้านครอบครัวผู้ตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปล่อยตัวกลับไปตั้งแต่เวลา 16.00 น.
