บังฟิตเหนือเมฆใช้วงจรปิดสอดแนม ตำรวจเปิดทางหนี พ่อผวา 3 พี่น้องถูกเก็บ (คลิป)

จากกรณี สังหารโหดนายสุชาติ ขาวล้วน หรือ "เสี่ยสุชาติ" อายุ 53 ปี หนุ่มใหญ่ที่หายตัวปริศนาไปตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 64 ต่อมาลูกสาว และญาติประกาศตามหาตัวผ่านโซเชียล และเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ลำทับ จ.กระบี่

ล่าสุด พบถูกฆ่าฝังดินในพื้นที่สวนยาง หมู่ 1 บ้านหนองแบก ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ ขณะที่รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าสีขาว ที่ขับมาในวันหายตัว ก็ถูกเผาแล้วฝังไว้ในสวนปาล์มน้ำมัน ใกล้กับบ้านของนายสุริยา หรือ บังฟิต เริงสมุทร อายุ 31 ปี จนนำไปสู่การออกหมายจับ 4 รายแล้วนั้น

วันที่ 20 พ.ค. 64 นายสุจิน เริงสมุทร พ่อของบังฟิต กล่าวว่า จนถึงวันนี้ลูกชายทั้ง 3 คน ก็ยังไม่ติดต่อมาหาตนหรือญาติ เพื่อขอเข้ามอบตัว ตนก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าอยากให้ลูกชายทั้ง 3 คน มามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีที่มีรายงานข่าวว่าก่อนเกิดเหตุ บังฟิตได้จับเสี่ยสุชาติมัดด้วยเชือกแล้วขังเสี่ยวุชาติไว้ในห้องโถงหลังบ้านกว่า 10 ชั่วโมงนั้น ตนไม่ทราบข้อมูล และไม่ได้ยินเสียงเสี่ยสุชาติร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากบ้านของตนและร้านของบังฟิตอยู่ค่อนข้างห่างไกลกัน

สำหรับห้องโถงด้านหลังร้านของบังฟิต ตนยืนยันว่าเป็นห้องครัวเท่านั้น และวันที่ 3 พ.ค. ตนเองก็ไม่ได้ไปที่ร้านบังฟิตอีกด้วย ส่วนวงจรปิดที่ติดตามร้านของบังฟิต ตนไม่ทราบว่ากล้องวงจรดังกล่าวยังใช้ได้อยู่หรือไม่ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอดูกล้องวงจรปิดแล้ว ตนไม่ทราบว่าบังฟิตจะสามารถดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่และนักข่าวผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดตามร้านได้หรือไม่

กรณีที่นายรุธ นายบัส และนายเมฆ ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่าทั้ง 3 คนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หรือไม่ ยอมรับว่าตนรู้จักทั้ง 3 คน เนื่องจากเขาเป็นเครือญาติกับตน เป็นคนที่เลี้ยงวัวให้กับบังฟิต สำหรับตอนนนี้สภาพจิตใจตนยังย่ำแย่ แต่ละวันยังทานข้าวไม่ได้ และนอนไม่หลับ ถ้าลูกชายตนดูข่าวก็อยากให้ลูกชายเข้ามามอบตัว

เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ่าวนาง ตำรวจสืบสวนจังหวัดกระบี่ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกระ นำหมายค้นจากศาลจังหวัดกระบี่เข้าตรวจสอบที่ลานรับซื้อไม้ยางพารา ริมถนนสายกระบี่-เขาทอง ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ ตรวจสอบที่รถแบ็กโฮที่ใช้ในการคีบไม้ยางใส่รถปุ้งกี้ สำหรับขุดตักที่ถูกถอดแยกออกมาวางไว้ และเก็บดินไปตรวจดีเอ็นเอลายนิ้วมือแฝงจากรถคันดังกล่าว นอกจากนั้นยังได้เก็บภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ภายในลานรับซื้อไม้ยางนำไปตรวจสอบเพิ่มเติม

นางสาววิยดา เจ้าของลานรับซื้อยางพารา กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้ ตำรวจได้นำหมายค้นมาขอตรวจหาหลักฐานที่รถแบ็กโฮของลูกจ้างตน เจ้าหน้าที่ได้นำหลักฐานดินที่ล้อรถแบ็กโฮ เก็บตัวอย่าง DNA ลายนิ้วมือแฝงจากรถของตน เพื่อไปตรวจสอบเทียบเคียงดิน และลายนิ้วมือในรถว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ เจ้าหน้าที่ยังได้ขอไฟล์ในกล้องวงจรปิดหน้าร้านของตน 2 จุดไปตรวจสอบอีกด้วย

ซึ่งที่ตำรวจมาตรวจหาหลักฐาน คิดว่าตำรวจน่าจะสงสัยว่ารถแบ็กโฮอาจมีส่วนในการไปช่วยบังฟิตกลบดินที่หลุม 2 หลุมหรือไม่ ตนเองตนเองไม่รู้สึกตกใจ ยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง ตนยืนยันว่ารถจอดอยู่ที่ลานยางพาราของตนตั้งแต่วันที่ 1-4 พ.ค.จากนั้นวันที่ 5-7 พ.ค. ตนได้นำรถไปทำการกวาดแปลงพื้นที่หมู่ 7 เป็นคนละหมู่บ้านกับบ้านบังฟิต ที่อยู่ในพื้นที่หมู่ 1 ห่างจากบ้านบังฟิต ประมาณ 2 กิโลเมตร รถของตนไม่เคยนำไปที่เกิดเหตุสักครั้ง มีหลักฐานยืนยันคือภาพจากกล้องวงจรปิด ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปตรวจสอบก่อนหน้านี้

สำหรับตนและบังฟิต เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ช่วงวันที่ 3 พ.ค. วันเกิดเหตุ บังฟิต กิบหลี บังหนี ก็ไม่ได้มาขอความช่วยเหลือจากตนให้ไปช่วยใช้รถแบ็กโฮกลบดินหรือขุดดิน เท่าที่ตนสัมผัส 3 พี่น้องผู้ต้องหานี้ยืนยันว่าในมุมมองของญาติเป็นคนพูดเพราะ นิสัยดี แต่กับคนอื่นตนไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร

สำหรับรถของตน คันขนาดใหญ่กว่ารถของนายแคง พยานเมื่อวานนี้ รถแบ็กโฮคันนี้ไม่มีที่ตักดิน แต่จะมีลักษณะเป็นที่คีบ จากการสังเกตุที่ล้อรถ พบว่ามีดินติดจำนวนมาก แต่ดินที่ติดในรถคันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสีน้ำตาล และมีส่วนน้อยที่เป็นดินสีแดงสีเดียวกับหลุมที่เกิดเหตุ

ต่อมาทีมข่าวได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบ้านของนายสุจิน เริงสมุทร พ่อของบังฟิต พบว่าที่บ้านของนายสุจินมีกล้องวงจรปิดอยู่ 4 ตัว คือด้านหน้าประตูบ้าน ด้านในบ้าน หลังคาหน้าบ้าน และหลังคาข้างบ้าน ซึ่งกล้องวงจรปิดทั้ง 4 ตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอเมมโมรี่การ์ดไปทั้งหมดแล้ว ต่อมาทีมข้าวตรวจสอบบ้านของกิบหลี พบว่ามีกล้อง 4 ตัว คือหน้าบ้าน หลังบ้าน และข้างบ้าน 2 ฝั่ง ซึ่งกล้องทั้ง 4 ตัว เจ้าหน้าที่ได้ถอดทั้งออกหมดแล้วเช่นกัน

ทีมข่าวไปสำรวจที่ร้านของบังฟิต พบว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ทั้งหมด 4 ตัว คือบริเวณคอกวัว 1 ตัว ด้านในบ้าน 1 ตัว ด้านข้างบ้าน 1 ตัว และเสาหน้าบ้าน 1 ตัว แต่จุดที่สังเกตเมื่อทีมข่าวเดินไปหากล้องแต่ละตัว จะพบว่ามีเสียงสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ คาดว่าน่าจะเป็นเลเซอร์ที่ติดตามเวลาวัตถุเข้าใกล้กล้องแต่ละตัว โดยกล้องวงจรปิดทั้ง 4 ตัวที่อยู่ร้านบังฟิต เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเมมโมรี่การ์ดไปตรวจหาหลักฐานแล้ว