กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อยv plus" โพสต์คลิปวิดีโอครอบครัวหนึ่งที่กำลังร้องไห้เสียใจ หลังท้องคลองเด็กแฝดชาย-หญิง แต่เด็กผู้ชายเสียชีวิต ก่อนนำศพไปบำเพ็ญกุศล เมื่อพระเปิดผ้าขนหนูออกมากลับไม่พบเด็ก พร้อมข้อความระบุว่า "#อยากให้ทุกคนเสพข่าวอย่างมีสติ โรงพยาบาลควรออกมาชี้แจงให้กับสังคมได้รับรู้ ทุกอย่างมีเหตุและผลเสมอ หากเป็นอย่างที่ครอบครัวกล่าวอ้างว่าศพนั้นหาย ก็ขอแสดงความเสียใจและต้องให้ความช่วยเหลือ แต่หากทางโรงพยาบาลมีคำตอบกับเรื่องนี้ ก็คงต้องให้ความเป็นธรรมด้วยค่ะ #ควรได้รับความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย"
"คนที่บอกว่าท้องทิพย์คืออะไร มีอัลตราซาวด์ไปหาหมอตามนัด หมอฉีดยาเร่งคลอด ออกก่อนกำหนด เอาเด็กไปอบ 2 ชาย 1 หญิง 1 เด็กเสียไป 1 หมอให้ไปรับเด็กแล้วตอนนี้หายไปด้วย นมแม่ยังอยู่ในตู้เย็นที่บ้านอยู่เลยคอยเอาไปให้ลูกที่อบอยู่ที่โรงพยาบาล บ้านพักไม่มีช่องแช่มาฟากที่บ้านเราไว้ เห็นใจคนเสียหายด้วยค่ะ คนเราจะสร้างเรื่องได้ขนาดนี้ก็ไม่ใช่คนแหละ คิดตามความเป็นจริง"
ล่าสุดวันที่ 21 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่าช่วงบ่ายที่ผ่านมา นพ.พงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์ ผอ.รพ.เจ้าพระยายมราช พร้อมด้วย นพ.อนุพันธ์ หวลบุตตา รองผอ.ฝ่ายการแพทย์ 1, นพ.สุพัชร์ กอกิตรัตนกุล นายแพทย์ชำนาญการกายวิภาค, นพ.พัฒธพงษ์ ประชาสันติกุล นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ, นางสาวกัญชพร แสนเรืองเดช พยาบาลวิชาชีพชำนาญการหอผู้ป่วยหนักแรกเกิด, นางนฤมล คงสุพรรณ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ และแพทย์ รพ.บางปลาม้า ได้แก่ นพ.วรท สัตยาวุฒิพงศ์ แพทย์ปฏิบัติการ และนางสาวกฤษณา มะนัดทัด พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รวมถึงนายพฤทธิ์ ศิริโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัด ออกแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นพ.วรท สัตยาวุฒิพงศ์ แพทย์ปฏิบัติการ รพ.บางปลาม้า เปิดเผยว่า น.ส.กรกนก มาตรวจที่รพ.บางปลาม้าจริง ในวันที่ 11 พ.ค.64 มารับตรวจที่ห้องผู้ป่วยนอก พบว่าตกขาวสีขุ่น และปัสสาวะบ่อย จึงสงสัยว่าอุ้งเชิงกรานอักเสบ เพราะพบว่าเจ็บช่วงหน้าท้องร่วมด้วย
จากนั้นมีการแอดมิตตั้งแต่วันที่ 11-14 พ.ค.64 โดยมีแนวทางให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อลดการอักเสบอุ้งเชิงกราน และวันที่ 14 พ.ค. คนไข้มีแนวโน้มดี จึงให้ออกจากโรงพยาบาลได้ และให้ยาฆ่าเชื้อกลับไปกินที่บ้าน วันนั้นมีการตรวจปัสสาวะไม่พบการตั้งครรภ์ ส่วนประวัติส่งตัวยืนยันว่าไม่มี เพราะ รพ.บางปลาม้า เป็นรพ.ชุมชน ไม่มีการทำคลอดลูกแฝดอยู่แล้ว รวมถึงไม่มีระบบการอัลตราซาวด์แบบ 4D
นายเกรียงไกร สุภีทรัพย์ อายุ 30 ปี พ่อของเด็ก เปิดเผยว่า ตนคบกับแฟนมาเกือบ 1 ปี เคยบอกแฟนว่าอยากจะมีลูกด้วยกัน กระทั่งเดือน ต.ค.63 แฟนของตนได้ตั้งครรภ์ เพิ่งจะย้ายมาอยู่กับตนตอนอายุครรภ์ได้ 3-4 เดือน ระหว่างที่ตั้งครรภ์มีอาการคล้ายคนแพ้ท้อง คือ อยากกินของเปรี้ยวของดอง อีกทั้งท้องยังมีลักษณะนูน ตนจับเล่นทุกวัน มั่นใจว่าท้องแน่ ๆ เพราะบางครั้งตนสัมผัสได้ว่าเด็กกำลังดิ้น ตนพาแฟนไปอัลตราซาวด์อยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่ไป แฟนของตนจะเข้าไปอัลตราซาวด์ในห้องคนเดียว ตนไม่ได้เข้าไปด้วย และจะเห็นเพียงภาพถ่ายที่แฟนถ่ายมาให้ดู
ทั้งนี้ ตนเพิ่งจะมาทราบว่าเป็นลูกแฝด หลังจากที่ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน แต่หมอบอกว่ายังไม่ชัวร์ ต้องรอดูก่อน จนมาอัลตราซาวด์อีกครั้ง พบว่าเป็นผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน ตนเชื่อว่าแฟนของตนตั้งครรภ์แน่นอน ถึงแม้ว่าผลตรวจจะออกมาว่าไม่ใช่ ตนก็ยืนยันว่าจะหาทางออกกันให้ได้ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตนก็ยังรักแฟนอยู่
ทีมข่าวเดินทางมาที่ ต.องครักษ์ จ.สุพรรณบุรี ได้พบกับ น.ส.จาระนัย เนตรสว่าง อายุ 42 ปี แม่น.ส.กรกนก เปิดเผยว่า เดิมทีลูกสาวของตนอาศัยอยู่กับสามีของเขาที่สวนแตง ตนมักจะไปหาลูกสาวเป็นประจำในระหว่างที่ยังตั้งท้อง เพราะในเดือนต.ต.63 ครั้งแรกฝากครรภ์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ก่อนเลิกฝากเปลี่ยนไปฝากครรภ์ที่ รพ.บางปลาม้า ต่อมาวันที่ 10 พ.ค.64 ลูกสาวปวดท้อง จึงเดินทางไปที่ รพ.บางปลาม้า แต่รพ.บางปลาม้า แจ้งว่าลูกสาวตกขาวอุ้งเชิงกรานอักเสบ แพทย์ฉีดยาลมเบ่งให้เพื่อเร่งคลอง และให้กลับบ้านเย็นวันนั้น พร้อมย้ำว่าถ้าปวดท้องให้รีบไปโรงพยาบาล
โดยคืนนั้นลูกสาวไม่ปวดท้อง กระทั่งเช้าวันที่ 11 พ.ค.64 มีอาการจุกที่ท้องน้อย จึงรีบไปโรงพยาบาลทันที และมีการทำคลอดเป็นแฝดชาย-หญิง โดยโรงพยาบาลแจ้งว่าเด็กไม่แข็งแรง ต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอีกแห่ง จากนั้นวันที่ 18 พ.ค.64 โรงพยาบาลดังกล่าวแจ้งว่าน้องแฝดชายเสียชีวิต และขอเก็บร่างน้องไว้ที่โรงพยาบาลเพื่อชันสูตร 1 คืน
กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 19 พ.ค.64 ตนและลูกสาว ลูกเขย เดินทางไปรับศพหลาน แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าหากจะรับศพต้องมีพระและโลงศพไปด้วย ลูกสาวจึงติดต่อมูลนิธิให้ไปส่ง ต่อมาวันที่ 20 พ.ค.64 จึงนำโลงศพไปรับเด็ก ซึ่งลูกสาวได้รับเด็กจากมือพยาบาล และเด็กถูกหอในผ้าขนหนูอย่างดี 3 ชั้น คือ ชั้นแรกเป็นผ้าขนหนูพื้นใหญ่ ชั้น 2-3 เป็นผ้าขนหนูขนาดกลางห่อทับอีก ทางพยาบาลแจ้งว่าไม่ต้องเปิด เพราะน้องติดเชื้อ และกลับมาวัดสวนแตงเอาเด็กใส่โรงศพ แต่หลวงตาบอกว่าให้เอาสายสิญจน์พันมือเด็ก แต่เมื่อเปิดผ้าออกมากลับไม่พบศพเด็ก
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าลูกสาวท้องจริง ๆ ตนจับท้องลูกสาวกับมือมีเด็กดิ้นตลอด ท้องก็ใหญ่ แล้วลูกสาวจะโกหกท้องทิพย์ไปเพื่ออะไร โกหกให้เป็นคดีเพื่ออะไร อีกทั้งมีแพทย์คนหนึ่งโทรศัพท์หาลูกสาวด้วยว่าให้ 500,000 บาททุกอย่างต้องจบ แต่จุดนี้ลูกสาวไม่ได้อัดเสียงไว้ พูดไปเหมือนไม่มีหลักฐาน ซึ่งหลังจากที่ไม่รับข้อเสนอ แพทย์คนดังกล่าวก็ปิดเครื่องเงียบ ดังนั้นตนก็อยากฟังคำชี้แจงกับทางโรงพยาบาลเหมือนกัน
นอกจากนี้ทีมข่าวพบหลักฐานชิ้นสำคัญเป็นคลิปวิดีโอของสองสามีภรรยาคู่นี้ มีการโพสต์คลิปไว้ เมื่อวันที่ 8 พ.ค.64 ที่ผ่านมา เป็นภาพที่นายเกรียงไกร สุภีทรัพย์ อายุ 30 ปี พ่อของเด็ก กำลังนั่งซักเสื้อผ้าเตรียมต้อนรับลูกแฝด พร้อมกับภาพที่ทั้ง 2 คนแสดงความรักต่อกัน และรอคอยที่จะได้เจอหน้าลูกแฝด
Advertisement