เมื่อวันที่ 24 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานที่เทศบาลสวนแตง จ.สุพรรณบุรี นายเกรียงไกร สุภีทรัพย์ หรือ นัท อายุ 30 ปี และ น.ส.กรกนก เพิ่มหิรัญ หรือ เตย อายุ 21 ปี สองสามีภรรยาเดินทางมาชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่อ้างว่าคลอดลูกแฝด แล้วโรงพยาบาลทำศพลูกชายฝาแฝดหาย
น.ส.กรกนก กล่าวยอมรับว่า ตนเป็นคนแต่งเรื่องขึ้นมาทั้งหมด และทำเพียงคนเดียว โดยสามีและคนรอบข้างไม่ได้รู้เห็นด้วย แต่ยืนยันว่าตนเคย ตรวจพบว่าตั้งครรภ์จริงเมื่อเดือนต.ค.63 ด้วยการซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ 1 รอบ ซึ่งผลออกมาว่าขึ้น 2 ขีดแปลว่าตั้งครรภ์ ขณะนั้นตนยังไม่ได้ไปฝากครรภ์
แต่ต่อมาเดือนก.พ.64 ตนแท้งหลังจากมีเพศสัมพันธ์กับสามีแล้วมีก้อนเลือดหลุดออกมา 2 ก้อน จึงคิดว่าท้องลูกแฝด ส่วนลักษณะก้อนเลือดที่เห็นยังไม่มีลักษณะของการเป็นเด็กทารกหรือมีแขนขาอวัยวะ ด้วยความตกใจ จึงราดน้ำทิ้ง ซึ่งหลังจากที่แท้งลูกไม่ได้ไปพบแพทย์ เพื่อขูดมดลูกหรือตรวจร่างกาย เนื่องจากกลัวว่าสามีจะรู้ความจริง และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยไม่กล้าบอกความจริงกับสามี เนื่องจากสามีอยากมีลูกมาก ๆ กลัวว่าหากบอกความจริง สามีจะเสียใจและทิ้งตนไป
หลังจากนั้นตนจึงแต่งเรื่องสร้างสถานการณ์ให้เหมือนว่า ตนยังท้องลูกแฝด โดยให้สามีไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจท้อง หาภาพอัลตราซาวด์เด็กจากอินเตอร์เน็ต ถ่ายคลิปหรือรูปภาพขณะที่ลูกดิ้นลงโซเชียลมีเดีย ซึ่งคลิปวิดีโอที่นำไปโพสต์นั้นเป็นคลิปก่อนหน้าที่ตนจะแท้งลูก
หลังจากนั้น เดือน พ.ค.64 ตนได้เข้ารักษาตัวด้วยอาการปีกมดลูก และอุ้งเชิงกรานอักเสบ คาดว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ท้องของตนบวมเหมือนคนตั้งครรภ์ จากนั้นตึงได้สร้างเรื่องต่อว่าตนมาคลอดลูกแฝด กระทั่งแฝดชายเสียชีวิต และได้หาภาพเด็กอยู่ในตู้อบจากอินเตอร์มาประกอบการโกหก ส่วนสาเหตุที่ทุกคนบอกว่า จับท้องแล้วเด็กในท้องดิ้น ตนยืนยันว่าตนไม่ได้ทำอะไร หลังจากที่สร้างเรื่องว่าคลอดลูกแล้วก็กลับมาบีบน้ำนมใส่ถุง แช่ในกระติกน้ำซ่อนไว้ในซอกตู้ภายในห้องนอน เพื่อที่จะเตรียมไว้ใช้โกหก สำหรับลูกแฝดที่รอดชีวิตนั้น ตนยังไม่คิดว่าจะโกหกอย่างไรต่อไป
ขณะเดียวกันในวันที่มารับศพลูกแฝดชายที่โรงพยาบาลไปที่วัด ก็ไปวางแผนห่อศพลูกในร้านกาแฟ เพราะเห็นว่าเป็นมุมเงียบ ๆ โดยเป็นผ้าที่ซื้อเตรียมไว้ให้ลูกอยู่แล้ว ก่อนตนจะอ้างกับสามีและคนในครอบครัวว่า ไม่สามารถเปิดดูหน้าได้เพราะโรงพยาบาลแจ้งว่าศพลูกแฝดชายติดเชื้อ หลังจากที่มีการเปิดโลงและพบว่าไม่มีศพเด็กตอนนั้น ตนร้องไห้ด้วยความกลัวว่าเรื่องจะแดง เพราะยังหาทางลงไม่ได้
ส่วนสาเหตุที่ตนไปร้องเรียนโรงพยาบาล ที่ทำว่าทำศพลูกหาย และไปออกรายการโทรทัศน์ชื่อดัง เป็นการไหลตามน้ำเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ แต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะเรียกเงินจากโรงพยาบาล สิ่งที่โกหกเป็นการคิดวันต่อวัน ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้า ยอมรับว่าที่เรื่องบานปลายมาเพราะตนคิดไม่ทัน จึงสร้างเรื่องโกหกไปเรื่อย ๆ เพื่อพยายามหาทางลงให้ได้ และไม่คิดว่าโรงพยาบาลจะมีหลักฐาน ทั้งกล้องวงจรปิดและผลการตรวจร่างกาย สำหรับเอกสารที่ตนอ้างจะให้น้องสาวหานั้นเป็นเรื่องโกหก ซึ่งเอกสารดังกล่าวไม่เคยมี
อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตน ทั้งเรื่องการถูกโรงพยาบาลแจ้งความ และความสัมพันธ์ของตนกับสามีที่อาจจะต้องเลิกลากัน และอย่าขอโทษสังคม รวมถึงสื่อมวลชนที่ออกมาช่วยเหลือตนในตอนแรก
ทั้งนี้ น.ส.กรกนก และนายนัท ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหากับ ร.ต.อ.กาฬสิน ปากวิเศษ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหา แก่น.ส.กรกนก 1.แจ้งความเท็จ 2.แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่ง น.ส.กรกนก ยอมรับทุกข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน และได้มาพิมพ์ลายนิ้วมือรับคำรับสารภาพ
ขณะที่นายเกรียงไกร สุภีทรัพย์ ผู้เป็นสามี กล่าวว่า ตอนที่ตนรู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์ดีใจมาก ๆ เพราะตนมีแฟนมาหลายคน แต่ไม่เคยท้องจนเพื่อน ๆสงสัยว่าตนอาจเป็นหมันหรือไม่ และหลังจากนี้ตนก็คงจะไปตรวจว่าเป็นหมันจริงหรือไม่
ที่ผ่านมาตนคิดว่าภรรยาของตั้งท้องมาโดยตลอด ตอนที่จับท้องของภรรยา ก็สัมผัสได้ว่าลูกดิ้นจริง ๆ แต่หลังจากที่ภรรยาบอกว่า มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์กันตอนที่ตั้งครรภ์ลูก 3-4 เดือน ตนก็ไม่กล้ามีความสัมพันธ์กับภรรยาและไม่กล้านอนใกล้ภรรยา เพราะตนนอนดิ้นและเกรงว่าภรรยาจะแท้งลูกได้ ขณะเดียวกันหลังจากที่ภรรยาตนไปพบหมอ ภรรยาก็บอกว่าลูกปกติดี และที่ผ่านมาตนก็ไปส่งภรรยาที่โรงพยาบาลเสมอ แต่ตนไม่ได้เข้าไปในห้องตรวจด้วย เนื่องจากต้องไปทำงาน
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับสิ่งที่ภรรยาสร้างเรื่องขึ้นมา ส่วนประวัติฝากท้องของภรรยานั้น ตนไม่เคยเห็นแต่รู้ว่าภรรยามีสมุดสีชมพูจึงยืนยันกับสื่อมวลชนไปก่อนหน้านี้ว่าภรรยามีสมุดฝากท้อง ส่วนพัฒนาการของลูกตนไม่เคยถามกับภรรยา เพราะเชื่อใจเนื่องจากเห็นว่าภรรยาเคยมีลูกมาก่อน และมั่นใจว่าภรรยาจะดูแลลูกเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ได้รู้ว่าภรรยาสร้างเรื่องทั้งหมด และหลังจากนี้หากคดีความต่าง ๆ จบลง ตนก็คงจะแยกทางกับภรรยาอย่างเด็ดขาด เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทางครอบครัวของตนรับไม่ได้ซึ่งก่อนหน้านี้ทางแม่ของตนก็เคยเตือนให้ระวังผู้หญิงคนนี้เอาไว้ แต่ด้วยที่ตนรักและเชื่อใจมาโดยตลอด
Advertisement