เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 64 เวลา 11.55 น. ร.ต.ท.ญ.นาถอนงค์ โพธิสาร รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองหนองคาย รับแจ้งเหตุแทงกันตายที่หอพักแห่งหนึ่ง ริมถนนหนองคาย-โพนพิสัย บ้านหนองไผ่ ต.หาดคำ จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สภ.เมืองหนองคาย แพทย์เวร รพ.หนองคาย และหน่วยกู้ภัยประจักษ์
โดยที่เกิดเหตุเป็นหอพักชั้นเดียว บริเวณหน้าห้องพักที่ 9 พบศพน.ส.ไสว (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชาว อ.เมืองหนองคาย สวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีขาวลายดำ นอนหงายเสียชีวิตอยู่ใต้ต้นไม้หน้าห้องพัก ห่างจากศพพบมีดทำครัวปลายแหลมยาวประมาณ 5 นิ้ว เปื้อนเลือดตกอยู่ แพทย์ชันสูตรพบแผลฉกรรจ์จำนวน 4 จุด บริเวณหน้าอก ใต้ราวนม และแผลเล็กน้อยตามลำตัวและแขนทั้งสองข้าง รวมแล้วทั้งหมด 16 แผล
จากการสอบถามนายธนพล ผลมะเฟือง อายุ 15 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนนั่งเล่นอยู่หน้าห้อง เห็นน.ส.ไสวขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไป เมื่อจะถึงหน้าห้องพัก ก็พบชายผู้เป็นสามี กระโดดถีบรถจักรยานยนต์จนฝ่ายหญิงล้มลง แล้วผู้ก่อเหตุก็กระโดดคร่อมร่างใช้มีดจ้วงแทงน.ส.ไสว จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกไป พวกตนตกใจมากจึงรีบแจ้งเจ้าของหอพัก และแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
หลังเกิดเหตุ นายถนอม เหลือหลาย อายุ 51 ปี ชาว ต.แม่สิน อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย สวมเสื้อยืดคอโปโลสีฟ้า กางเกงขาสามส่วนเปื้อนเลือด ได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาที่ สภ.เมืองหนองคาย แจ้งว่าเป็นผู้ก่อเหตุมามอบตัวกับตำรวจ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สภ.เมืองหนองคาย ได้สอบปากคำนายถนอม ให้การว่า ตนรู้จักกับน.ส.ไสว ทางเฟซบุ๊ก ประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา และได้อยู่กินด้วยกันมา 10 เดือน ค้าขายส้มตำ แต่เมื่อ 2 เดือนก่อน น.ส.ไสว เช่าห้องพักให้ตนอยู่ต่างหาก และไม่ได้อยู่ด้วยตลอด กระทั่งก่อนเกิดเหตุตนบอกให้ น.ส.ไสว ไปซื้อบุหรี่ให้
ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงไลน์เด้งเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของน.ส.ไสว ตนจึงเปิดดูพบว่าเป็นแชตพูดคุยระหว่างภรรยากับผู้ชายอีกคน มีการเรียกกันว่า "ผัวจ๋า เมียจ๋า" ขณะนั้นตนโมโหมาก เดินไปหยิบมีดมานั่งรอ เมื่อภรรยาขี่รถจักรยานยนต์กลับมาจึงลงมือก่อเหตุ ถีบรถล้มแล้วขึ้นคร่อมร่างใช้มีดจ้วงแทงไปหลายครั้งจนเสียชีวิต แล้วขี่รถจักรยานยนต์เข้ามอบตัว ตนไม่เคยก่ออาชญากรรมมาก่อน และไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป เพราะอยากสั่งสอนและให้ผู้หญิงเห็นเป็นตัวอย่างว่าไม่ควรทำตัวนอกใจสามี
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จากนั้นคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
