หลังจากที่นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล พร้อมนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา เพื่อพบกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ก่อนจะเดินทางไปยังรัฐสภา เพื่อเข้าพบกับ นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ในเวลา 10.00 น. ของวันที่ 9 มิ.ย.64 ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ (สผ) 419 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดมุกดาหารเป็นเท็จเพื่อออกหมายจับ และเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อกลั่นแกล้งให้ได้รับความอับอายจากการควบคุมตัวที่เกินกว่าเหตุ
ทั้งนี้ตามกำหนดการเดิมของนายไชย์พล และทนายษิทรา คือ เดินทางไปศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร เพื่อขอพรในเวลา 09.00 น. แล้วเข้าพบนายสิระ ในเวลา 10.00 น. แต่เนื่องจากศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานครปิด จึงเปลี่ยนแปลงกำหนดการ โดยนายไชย์พล, นางสมพร และทนายษิทรา ได้เดินทางมาไหว้สักการะพระไพโรจน์วุฒาจารย์ (หลวงพ่อรุ่ง) ที่วัดท่ากระบือ จ.สมุทรสาคร จากนั้นค่อยเข้าพบนายสิระ ในเวลา 13.00 น.
โดยฤกษ์ไหว้ที่กำหนดไว้ คือ เวลา 09.39 น. ซึ่งนายไชย์พล, นางสมพร และทนายษิทรา พร้อมเหล่ายูทูเบอร์ที่ติดตามมาประมาณ 3-4 คน ได้เดินทางมาถึงวัดท่ากระบือในเวลา 09.37 น. เมื่อมาถึงนายไชย์พลได้ทำบุญค่าดอกไม้ ธูป เทียน จำนวน 100 บาท จากนั้นทุกคนได้เดินขึ้นไปสักการะพระไพโรจน์วุฒาจารย์ (หลวงพ่อรุ่ง) องค์ใหญ่ แล้วเดินไปปิดทองพระไพโรจน์วุฒาจารย์ (หลวงพ่อรุ่ง) องค์เล็กทางด้านขวา พร้อมไหว้ขอพร โดยนายไชย์พลและนางสมพร ได้นำศีรษะของตัวเองเข้าไปชิดกับเท้าของหลวงพ่อรุ่ง
จากนั้นทุกคนก็ได้เดินไปปิดทองพระไพโรจน์วุฒาจารย์ (หลวงพ่อรุ่ง) องค์เล็กทางด้านซ้าย พร้อมเดินวนขวา 1 รอบ รอบพระประธาน หรือพระไพโรจน์วุฒาจารย์ (หลวงพ่อรุ่ง) องค์ใหญ่
โดยระหว่างการเดินวนรอบพระประธาน นายไชย์พล, นางสมพร และทนายษิทรา ได้ไหว้พระไพโรจน์วุฒาจารย์ (หลวงพ่อรุ่ง) ที่ตั้งอยู่ใต้ฐานพระประธาน และตีระฆัง (ไหว้หลวงปู่รุ่งใต้ฐาน 1 ตีระฆัง ไหว้หลวงปู่รุ่งใต้ฐาน 2 ตีระฆัง ไหว้หลวงปู่รุ่งใต้ฐาน 3)
ก่อนที่นายไชย์พลจะเขย่าเสี่ยงเซียมซี ซึ่งนายไชย์พลได้เขย่าถึง 3 ครั้ง แต่ปรากฎว่าไม้เซียมซีที่ได้ ไม่มีเลขติดอยู่ทั้ง 3 ครั้ง ซึ่งทนายษิทรา บอกว่า “แสดงว่าคนเรากำหนดชะตาชีวิตตัวเอง”
จากนั้น ทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับนายไชย์พล เนื่องจากสังเกตเห็นว่านายไชย์พล, นางสมพร และทนายษิทรา ใส่ชุดโทนสีน้ำเงินเหมือนกัน โดยนายไชย์พล บอกว่า วันนี้ตนใส่ชุดผ้าคราม ไม่ได้นัดกันแต่งกายให้คล้ายกัน
โดยก่อนจะเดินทางกลับเพื่อกินข้าว (ก๋วยเตี๋ยว) แล้วเดินทางต่อไปยังอาคารรัฐสภา นายไชย์พล, นางสมพร และทนายษิทรา ได้กราบพระไพโรจน์วุฒาจารย์ (หลวงพ่อรุ่ง) องค์ใหญ่ อีกครั้ง ก่อนจะเดินทางกลับ โดยทรายษิทรา บอกว่า นายไชย์พลไม่ได้มีความกังวลใจอะไรเกี่ยวกับคดีความ วันนี้ตนและนายไชย์พลได้เดินทางมาไหว้พระที่วัดท่ากระบือ เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งเป็นวัดใกล้บ้านของตน โดยทุกคดีความที่ผ่านมาตนได้พาลูกความมาไหว้หลวงปู่รุ่งทุกครั้ง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จทุกคดี ด้านนายไชย์พล บอกว่า วันนี้ตนได้ขอพรให้ครอบครัวมีความสุข
ทั้งนี้ทนายษิทรา ได้กระซิบบอกทีมข่าวว่า ไม่กังวลและไม่กลัว หากนายอัจฉริยะ ทนายวรยุธ หรือทีมทนายใด จะเข้ามาเป็นทนายให้ฝั่งของแม่ชองน้องชมพู่ เนื่องจากการประวัติการสู้คดีที่ผ่านมา ฝั่งนายอัจฉริยะ และทนายวรยุธ ไม่เคยชนะคดีที่สู้กับตนแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งตนเบื่อหน่ายกับ "พวกดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน"
Advertisement