จับแล้ว! แท็กซี่มหาภัยดึงแมสก์สาว เหยื่อโผล่แฉไถเงินลวงปล้ำ เจ้าตัวปากแข็งตบตัวเองรับผิด (คลิป)

14 มิ.ย. 64

จากกรณีเหตุการณ์ขณะคนขับรถเก๋งรายหนึ่ง ถูกคนขับแท็กซี่ขับรถปาดหน้า ก่อนคนขับแท็กซี่จะลงมาจากรถ และอ้างว่าถูกคนขับรถเก๋งชกหน้าก่อน จึงพยามเรียกให้คนขับรถเก๋งลงจากรถ พร้อมเรียกเงินค่าเสียหาย 1,000 บาท เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.64 รวมถึงแท็กซี่ก่อวีรกรรมทำร้ายหญิงรายหนึ่งที่ยืนรอรถโดยสาร โดยไม่รู้จักกัน เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 64 และมีอีกหลายคนเสียหาย บางรายถูกพาเข้าโรงแรมม่านรูดด้วยนั้น

128238

วันที่ 14 มิ.ย. 64 น.ส.มาณิตา จิตเบญจกูล อายุ 25 ปี ผู้เสียหายที่ถูกคนขับแท็กซี่ทำร้าย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากที่เเจ้งความไปเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 64 เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ขณะที่กำลังยืนรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์ บริเวณใต้บีทีเอสอ่อนนุช ฝั่งเซนจูรี่ ซึ่งตอนนั้นมีคนยืนรอรถเมล์อยู่ในป้ายเป็นจำนวนมาก เเละไฟก็ส่องสว่าง มั่นใจว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย

cg1

ตนกำลังก้มกดโทรศัพท์มือถือ แล้วเงยหน้าขึ้นมาพบรถเเท็กซี่ขับมาจอด เเล้วคนขับซึ่งเป็นผู้ชายคนเดียวกับในคลิป ได้ลงจากรถมองหน้าก่อนจะเดินปรี่เข้ามาหา เเล้วกระชากแมสก์ออกจากปากจนขาดกระจาย ทำให้ได้รับบาดเจ็บมีรอยข่วนที่ลำคอ จังหวะนั้นตนพยายามร้องว่า "เฮ้ย" แต่ผู้ก่อเหตุไม่ได้พูดอะไร กลับไปขึ้นรถไป แล้วก็ยังหันมามองหน้า คนที่อยู่ในป้ายรถเมล์พูดขึ้นมาว่าให้ถ่ายรูปทะเบียนไว้ ตนมีสติถ่ายรูปไว้ทัน ก่อนจะนำหลักฐานที่เป็นรูปถ่ายเดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.พระโขนง เเล้วโพสต์เรื่องราวลงเฟซบุ๊กเพื่อเป็นอุทาหรณ์

272646

หลังจากที่โพสต์เผยเเพร่ออกไป ก็มีผู้เสียหายอีก 3-4 ราย ได้ติดต่อเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โดยพฤติการณ์แตกต่างกันออกไป บางคนถูกรีดไถเงิน บางคนเป็นผู้โดยสารถูกแท็กซี่คันดังกล่าวพาเข้าโรงแรมม่านรูด แต่วิ่งหนีออกมาได้ทัน ซึ่งจากพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ทราบมา มองว่าเขาเป็นภัยต่อสังคม ไม่อยากให้ไปทำแบบนี้กับใครอีก

154663

นายสงกรานต์ อินทสุรัช อายุ 37 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุเกิดวันที่ 13 มิ.ย.64 เวลา 09.00 น. จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณก่อนถึงลาดปลาเค้าซอย 9 แยกทางโค้ง ถนนออกเส้นเกษตรตัดใหม่ ขณะนั้นตนได้ขับรถออกมาจากวัดไตร ยืนยันว่าไม่มีการขับรถปาดหน้าหรือเฉี่ยวคู่กรณีแต่อย่างใด

แต่มีแท็กซี่เขียวเหลืองทะเบียน มช 9648 กรุงเทพฯ ขับมาปาดหน้ารถของตนอย่างกะทันหันก่อนเดินลงรถมา พร้อมถือไม้หน้าสาม ลงมาด้วย ด้วยความที่ตกใจตนจึงนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกวิดีโอไว้ โดยตามคลิปที่ปรากฏคู่กรณีพยายามบอกให้ตนลงจากรถ หากไม่ลงจะตีรถ ซึ่งตนก็ได้แต่งง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็ยกมือไหวหวังให้จบเรื่อง เพราะใจหนึ่งก็คิดว่าอาจจะไปปาด หรือเฉียวคู่กรณีโดยไม่รู้ตัว แต่คู่กรณีก็ยังไม่ยอมจบโวยวายพยายามให้ตนลงจากรถให้ได้

856027

พร้อมพูดขึ้นว่า "มึงมาต่อยกู มาตีกูก่อน กูจำได้รถคันสีเขียว" เมื่อได้ยินตนก็ยิ่งงงหนัก เนื่องจากตนยังไม่เคยไปทำร้ายคู่กรณี อีกทั้งยืนยันได้ว่าไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเจอคู่กรณีมาก่อน คู่กรณีก็ได้เดินมายืนข้างประตูรถฝั่งคนขับ ในมือถือไม้แอบไว้ด้านหลังตลอดเวลา ตนจึงไม่กล้าลงรถเพราะคิดว่าหากลงไปคงโดนตี จึงมีการโต้เถียงกันอยู่สักพักตามคลิป กระทั่งเจ้าตัวพูดว่า "มึงมีเงินเท่าไหร่ ถึง 1,000 ไหม มึงเอามา 1,000 มึงเอามา มึงมีเงินเท่าไหร่ตอนนี้ มึงมีเงินเท่าไหร่" พูดแบบนี้ย้ำ ๆ เหมือนจะเรียกเงินจากตนให้ได้ ตนก็ได้แต่ปฏิเสธ เพราะคิดว่าไม่มีเหตุผล

หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ก็มีน้องผู้ชายคนหนึ่งที่ขี่รถมาอยู่ใกล้กับเห็นเหตุการณ์ จึงเดินมาช่วยพูดคุย และให้แท็กซี่คู่กรณีเอารถหลบออกไปข้างทาง เพราะรถข้างหลังเริ่มติด แต่จังหวะนั้นคู่กรณีกลับเดินนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปรถของตนไว้แล้วขับรถออกไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกตกใจ แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และไม่มีทรัพย์สินเสียหาย ส่วนตัวตนไม่ทราบว่าคู่กรณีมีความผิดปกติทางประสาทหรือมีอาการป่วยทางจิตหรือไม่ แต่จากระหว่างที่ได้สนทนาด้วยเชื่อว่าน่าจะเป็นบุคคลมิจฉาชีพมากกว่า เพราะหลังจากที่เกิดเหตุตนได้นำคลิปวิดีโอทั้งหมดโพสต์เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนภัย มีผู้เสียหายอีกหลายรายได้ติดต่อมาหาตนและบอกว่าเคยโดนในลักษณะเดียวกัน และผู้ก่อเหตุก็เป็นคนเดียวกัน จากนี้ตนจะเดินทางไปแจ้งความที่ สน.โคกคาม เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อความสบายใจ สุดท้ายนี้หากมีโอกาสได้พูดกับผู้ก่อเหตุคู่กรณีก็อยากจะบอกว่า ให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น

698918

น.ส.ริน (นามสมมติ) อายุ 21 ปี ผู้เสียหาย ที่ถูกคนขับเเท็กซี่พาเข้าโรงแรมม่านรูด เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตนได้ขึ้นรถแท็กซี่จากบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต เพื่อจะไปหาญาติที่ย่านบางพลัด ระหว่างทางก็มีการก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือจึงไม่ได้ดูเส้นทาง สังเกตว่าคนขับแท็กซี่หันมามองตนบ่อย ๆ

656758

จนกระทั่งตนเงยหน้าขึ้น พบว่าแท็กซี่ได้ขับพาเข้าไปจอดในโรงแรมม่านรูด ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 40/1 เเล้วคนขับก็หันมาถามว่า "จำพี่ได้ไหม ใช่เเฟนช่างซ่อมโทรศัพท์หรือเปล่า" ตนก็ตอบไปว่า "ไม่ใช่ เราไม่เคยรู้จักกัน" ตนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบลงมาจากรถ สอบถามคนขับว่า "ที่นี่ที่ไหน พาหนูมาที่นี่ทำไม" คนขับก็ตอบว่า "พี่ไม่ได้ทำอะไร พี่แค่พามาทำความรู้จักเฉย ๆ เห็นหน้าเหมือนคนรู้จัก ขึ้นรถมาเดี๋ยวพี่ไปส่งปากซอย" ครจึงจำใจต้องขึ้นมาบนรถอีกรอบเพื่อให้แท็กซี่ไปส่งปากซอย ระหว่างที่อยู่บนรถได้โทรหาพี่สาว พยายามคุยโทรศัพท์เสียงดังเพื่อส่งสัญญาณให้คนขับรู้ว่ากำลังคุยกับญาติอยู่

cg2

จากนั้น คนขับกลับพาขับวนอยู่หลายรอบ จนกระทั่งผ่านบ้านญาติจึงบอกให้คนขับจอด ตนก็รีบวิ่งหนีลงมาจากรถ ซึ่งจังหวะที่วิ่งลงยังได้ยินเสียงคนขับตะโกนตามหลังมาว่า "เดี๋ยวเจอกันใหม่นะ" หลังเกิดเหตุ ตนได้เข้าแจ้งความกับตำรวจที่ สน.บวรมงคล โดยได้นำรูปถ่ายรถแท็กซี่คันดังกล่าวที่ถ่ายได้หลังลงจากรถ ไปมอบให้ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ทำให้กลัวการขึ้นแท็กซี่ไปโดยปริยาย ยิ่งมาทราบภายหลังว่าคนขับเเท็กซี่รายดังกล่าวไปก่อเหตุกับผู้เสียหายอีกหลายราย ก็รู้สึกว่าพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม อยากให้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

810593

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังโรงแรมม่านรูดย่านจรัญสนิทวงศ์ สถานที่ซึ่งผู้เสียหายให้ข้อมูลว่าถูกคนขับเเท็กซี่ขับพาเข้ามา ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด 2 มุม คือตอนรถขับเข้า และตอนรถขับออก เข้าในเวลา 10.15 น. ก่อนจะขับออกผ่านประตูด้านหลังของโรงเเรมเวลา 10.18 น.

โดยทางโรงเเรมได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่ามีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอม ก็จะไม่อนุญาตให้เข้าพัก ดังนั้นหากสุภาพสตรีท่านใดเจอเหตุการณ์คล้ายกับผู้เสียหาย ก็ให้ส่งเสียงร้อง พนักงานรักษาความปลอดภัยจะเข้าไปช่วยเหลือทันที

781361

ล่าสุด เวลาประมาณ 15.00 น. ชุดสืบสวน สน.พระโขนง ไปเจอตัวคนขับแท็กซี่รายดังกล่าวคือ นายนานา มีบทสม อายุ 47 ปี บริเวณสี่แยกพงษ์เพชร ขณะกำลังจอดรถติดไฟเเดง จึงนำตัวมาสอบสวน

โดยทันทีที่มาถึง ทีมข่าวพยายามสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าตัวพยายามอ้างว่ารู้จักกับผู้เสียหาย มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ตเคยถูกทำร้ายร่างกายมาก่อน ส่วนกรณีอื่น ๆ เช่น การขู่กรรโชกทรัพย์หรือการพาผู้หญิงเข้าม่านรูด ขอปฏิเสธ ยอมรับแค่เรื่องทำร้ายร่างกายเพียงเรื่องเดียว และตอนนี้ไม่ได้เครียดอะไร

872589

หลังจากสอบปากคำเสร็จ ขณะที่ตำรวจกำลังนำตัวผู้ต้องหาออกจากห้องสอบสวน เพื่อไปขึ้นรถฝากขัง ผู้ต้องหาบอกว่า ภายในห้องสอบสวนมีการขอโทษผู้เสียหายไปแล้ว และทำการตบหน้าตัวเองต่อหน้าผู้เสียหายอย่างแรง 4 ครั้ง เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย เพียงแต่จะดึงหน้ากากอนามัยออกเพื่อให้ดูหน้าชัด ๆ ว่าเป็นคนที่ตนเองรู้จักหรือไม่ จึงทำให้เล็บไปข่วนถูกคอผู้เสียหาย

228041

นายธวัชชัย ทองคำ อายุ 36 ปี แกร็บผู้เสียหายอีกราย เผยว่า แท็กซี่คู่กรณีคือนายนานา ชาว จ.นครราชสีมา ตามคลิปที่ปรากฏไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งตนก็เป็นผู้เสียหายอีกรายที่ตกเป็นเหยื่อ ตนมีอาชีพขี่แกร็บวิน รับส่งผู้โดยสาร เหตุเกิดช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ตนได้รับงานให้ไปรับผู้โดยสารแถวลาดพร้าวตัดเส้นรัชดา เพื่อไปส่งแถว ซ.ปรีดีพนมยงค์ 24

362760

ขณะที่ตนกำลังจะขับไปรับผู้โดยสาร ตนได้ไปจอดรถติดไฟแดงอยู่หลังรถแท็กซี่ของคู่กรณี แต่ในจังหวะที่ไฟเขียว รถด้านหน้าก็
ทยอยเคลื่อนตัวออก รวมไปถึงแท็กซี่คันดังกล่าว แต่จู่ ๆ แท็กซี่คู่กรณีกลับเบรกรถอย่างกะทันหัน ทำให้ตนที่ขี่ตามอย่างไม่ทันระวัง ชนท้ายรถของแท็กซี่คู่กรณีอย่างจัง จนสปอยเลอร์หลังแตก ก่อนเจ้าตัวจะเรียกค่าเสียหายกับตน 1,500 บาท โดยที่ไม่ยอมเรียกประกัน ตนที่ในตอนนั้นไม่ทราบว่าตกเป็นเหยื่อ จำเป็นต้องโอนเงินให้ แต่มีการตกลงกันเหลือจำนวน 1,000 บาทเป็นค่าเสียหาย ก่อนแยกย้ายกัน เนื่องจากคิดว่าเป็นความประมาทของตัวเอง

กระทั่งล่าสุด ตนได้มาติดตามข่าวผ่านโซเชียลว่าเกิดกรณีดังกล่าวคล้ายกับที่ตนเคยโดน อีกทั้งคนขับแท็กซี่คู่กรณีก็เป็นคนคนเดียวกับที่ตนเจอ ตนจึงมั่นใจว่าได้ตกเป็นเหยื่อของแท็กซี่คู่กรณีโดยที่ไม่รู้ตัวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตนก็รู้สึกแค้นที่ตกเป็นเหยือ พร้อมทั้งอยากจะผู้ก่อเหตุหยุดพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น และอยากจะให้ตำรวจดำเนินคดีเอาผิด เพราะเท่าที่ทราบมามีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อหลายราย เกรงว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวซ้ำอีก อีกทั้งเชื่อว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้ป่วยจิต แต่เป็นมิจฉาชีพแน่นอน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส