ลุงดวลปืนเพื่อนบ้านโคม่าอ้างถูกยั่ว จ่อแฉ ทนายชี้เมียส่งปืนผิด ไล่พ้นซอยไม่ได้ (คลิป)

จากกรณีเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 64 เกิดเหตุดวลปืนยิงกันภายใน ซ.เพิ่มสิน 34 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ มีชาวบ้านถูกยิงเข้าหน้าท้องได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลต่อมา คู่กรณีได้รอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่บริเวณหน้าบ้าน พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนถูกควบคุมตัวสอบสวนสน.สายไหม

โดยจากภาพวงจรปิดสามารถจับภาพรถเก๋งสีดำ ที่จอดบริเวณหน้าบ้าน จากนั้นมี นายบัญชา แสงทอง อายุ 64 ปี เอดีตข้าราชการการรถไฟ และผู้หญิงภรรยาลงมาจากรถ จากนั้นนายบัญชา ได้มีปากเสียงกับภรรยานายวัลลภ ที่อยู่ติดกันกับบ้าน ส่วนผู้หญิงที่ลงมาจากรถได้เปิดประตูเข้าไปภายในบ้าน ก่อนจะออกมาพร้อมอาวุธปืน แล้วส่งปืนให้นายบัญชา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สองผัวเมียเปิดศึกยิงข้างบ้านเจอสวนเจ็บ อึ้งเมียส่งปืน โดนแฉสุดแสบเตรียมลงมติไล่

ล่าสุด วันที่ 23 มิ.ย. 64 นายบัญชา แสงทอง ยังคงเข้ารับการรักษาตัวอยู่ภายในห้อง ICU ซึ่งอาการขณะนี้ ยังคงต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด นางนวล (นามสมมติ) อายุ 69 ปี เจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหาย ระบุว่า วันที่เกิดเหตุนั้น ตนเองกำลังเดินเล่นอยู่ภายในบ้าน จนกระทั่งได้ยินเสียงปืนดังสนั่น และได้ยินเสียงเหมือนลูกกระสุนปืนเฉี่ยวบางสิ่ง รู้สึกตกใจมาก ใจสั่น ขาสั่นทำอะไรไม่ถูก จึงรีบวิ่งเข้าไปยังตัวบ้าน และรีบวิ่งไปหาหลานสาวอายุ 10 ขวบ ที่เรียนออนไลน์อยู่ภายในบ้าน และได้โทรศัพท์หาลูกสาวบอกว่าเกิดเหตุการณ์เพื่อนบ้านยิงกัน

เมื่อเหตุการณ์สงบลง ลูกสาวกลับมาถึงบ้าน และตรวจสอบพื้นที่ พบเห็นว่ามีร่องรอยกระสุน ทะลุเป็นรูจากรั้วข้างบ้าน มายังราวตากผ้า เป็นรอย และอีก 1 รอย บริเวณบนฝ้าหน้าบ้านเป็นรอยกระสูนถากความยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ซึ่งตนเองมองว่ายังโชคดีที่ยังมีราวตากผ้าตั้งอยู้ตรงนั้น ไม่เช่นนั้นลูกกระสุนคงพุ่งตรงมาโดนตนเองอย่างแน่นอน ตนรู้สึกกลัวกังวลเพื่อนบ้านที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ขณะนี้พูดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกสั่น ๆ อยู่เลย

อีกทั้งเหตุการณ์ที่เคยโดนคือ ทางด้านนายบัญชาเคยพูดต่อว่าตนลอย ๆ ขณะที่เดินออกกำลังกายหน้าบ้านกำลังเดินแกว่งแขนอยู่ว่า "แก่จะตายห่า แก่จะลงโลงอยู่แล้ว" ตนเมื่อได้ยินจึงรีบเข้าบ้านทันที ยืนยันว่าพฤติกรรมนิสัยเขาก้าวร้าว หาเรื่องชาวบ้านนั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่นายบัญชาเพียงคนเดียว อีกทั้งภรรยาของนายบัญชาก็นิสัยเช่นนี้ คนในซอยแห่งนี้โดนด่าโดนต่อว่าแทบทุกวัน

ขณะนี้ไม่มีใครอยากให้ครอบครัวดังกล่าวอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านนี้อีก กังวลใจกังวลความปลอดภัยของตัวเองและลูกหลาน ส่วนตนจะเดินทางเข้าไปแจ้งความที่ สน.สายไหม ขณะนี้รอช่างมาประเมินมูลค่าความเสียหายก่อนเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดี

หลานของนายบัญชา แสงทอง อายุ 64 ปี เปิดเผยว่า ภรรยาของนายบัญชายังคงมีอาการตกใจและหวาดกลัวยังคงร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งตนได้พยายามพูดคุยแล้ว แต่ทางด้านภรรยาก็ยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยกับเหตุการณ์ดังกล่าว อีกทั้งขณะนี้ นายบัญชายังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล อีกทั้งนายบัญชาและนายวัลลภเคยมีปัญหากันก่อนหน้าเมื่อ 2 ปีก่อน ทางด้านนายวัลลภเคยมีปัญหาทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายของนายบัญชาและภรรยาจนบาดเจ็บฟกช้ำ และมีปัญหามีปากเสียงกันมาโดยตลอด

ส่วนตัวมองว่าทางด้านนายวัลลภน่าจะเป็นผู้ริเริ่มต้น หาเรื่องครอบครัวของตนก่อน คาดว่าจะต้องมีการด่าทอ พูดจาหยาบคายใส่ครอบครัวตน และทำให้ภรรยาและนายบัญชาเกิดความโมโห จึงอาวุธปืนออกมายิงดังภาพในกล้องวงจรปิด ภาพที่ออกมานั้นเป็นภาพมุมเดียว ตนอยากให้ฟังความทั้ง 2 ข้าง

ด้านทนายเกิดผล แก้วเกิด ให้ความรู้ทางกฎหมายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่ภรรยาของนายบัญชาเป็นผู้หยิบและส่งอาวุธปืนให้แก่นายบัญชา ารใช้อาวุธปืนนั้นหมายถึงต้องการจะฆ่า ดังนั้นภรรยาของนายบัญชา จึงมีเจตต้องการให้นายบัญชาฆ่าผู้อื่น แต่ในเมื่อนายวัลลภ คู่กรณี ไม่เสียชีวิต ความผิดจะเข้าข่ายฐานร่วมกันพยายามฆ่า ต้องระหว่างโทษจำคุกตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป โดยเบื้องต้นทราบว่าปืนของนายบัญชาเป็นปืนเถื่อน จึงต้องโทษความผิดฐานครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ จากคลิปนายบัญชาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าก่อเหตุเพื่อป้องกันตัว แต่หากจะอ้างว่าบันดาลโทสะ ต้องดูเหตุผลประกอบว่า นายบัญชาถูกข่มเหงด้วยความไม่เป็นธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ แต่เนื่องจากคลิปจากกล้องวงจรปิดไม่มีเสียง หากพิจารณาจากท่าทางก็น่าจะไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ

ส่วนประเด็นที่เพื่อนบ้านต้องการขับไล่นายบัญชาและภรรยาออกจากบ้าน ต้องชี้แจงว่าทำไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการเลือกที่อยู่อาศัย ดังนั้นเพื่อนบ้านคงทำได้เพียงกดดันทางสังคม ไม่คบค้าสมาคมด้วย เพราะไม่สามารถใช้กำลังบังคับได้

ทางด้านนายวัลลภ อายุ 48 ปี เดินทางเข้ามายัง สน.สายไหม เพื่อดำเดินการแจ้งความลงบันทึกประจำวันเหตุเป็นผู้เสียหาย ขอแจ้งกับผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนในฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ซึ่งขณะนี้ ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหาใดเพิ่มเติม เนื่องจากทางด้านนาย บัญชายังคงพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จะต้องสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นของชาวบ้านภายในซอยที่เกิดเหตุ พบว่ามีบ้านทั้งหมด 24 หลัง มีข้อมูล 5 หลัง ไม่มีผู้อยู่อาศัย ดังนั้นจะเหลือบ้านจำนวน 15 หลังที่มีผู้อยู่อาศัย พบว่าอยากให้นายบัญชาย้ายออก 6 หลัง ทั้งคู่อาศัยอยู่ต่อได้ แต่ขอให้ต่างคนต่างอยู่ 4 หลัง และไม่ออกความเห็น 5 หลัง