อ๊อฟ ศุภณัฐ โดนผลกระทับหนัก ถูกยกเลิกงานเกือบปี มีภาระค่าใช้จ่ายหลักแสนต่อเดือน !

จากวิกฤตการณ์โควิด-19 ทำให้คนบันเทิงหลายๆ คนต้องปรับตัวเพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้ได้ เพราะงานทุกอย่างที่เคยทำ แทบจะหยุดไปทั้งหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนักร้องหนุ่มในนาม เจ้ากระรอกน้อย อ๊อฟ ศุภณัฐ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดครั้งนี้เต็มๆ เช่นเดียวกัน เมื่อเจ้าตัวได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เผยว่าในช่วงที่งานหยุดชะงัก ตัวเองก็ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเช่นเดียวกัน โดยเลือกที่จะไปรับหน้าที่เป็นไรเดอร์ส่งอาหาร ซึ่งที่มาที่ไปเพราะคุณแม่ พร้อมกับเล่าความประทับใจในการทำหน้าที่นี้ว่าทำให้ตัวเองได้เจอกับอะไรหลายอย่างและคนหลายรูปแบบมากๆ

ถาม เห็นว่าก่อนหน้านี้เพิ่งจะออกเพลง ทำเพลงออกมาด้วย

อ๊อฟ ศุภณัฐ : ฉลองระลอกที่ 3 เลยครับ ออกเมื่อเดือนธันวาคม พอเพลงออกปุ๊บ โควิดมาเลยครับ ต้องบอกว่าผมได้รับผลกระทบ 100 เปอร์เซ็นต์เลยครับ กล้าตอบได้อย่างมั่นใจเลยครับ เพราะว่างานของผมส่วนมากเป็นงานคอนเสิร์ต งานที่ถูกยกเลิกไปผม ไม่ได้นับเป็นงาน แต่นับเป็นเดือน ถูกยกเลิกงานมา 9-10 เดือนแล้วครับคอนเสิร์ต อย่างละครที่ก่อนหน้านี้ปลดล็อคไปหน่อย เราก็ไปถ่ายบ้างในช่วงระลอกที่ 1-2 เพราะงานละครเป็นหลักอยู่แล้ว พอเราได้ไปถ่ายหน่อย เราก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่ช่วงนี้ละครก็ไม่มีเลย ไร้วี่แววเลยครับ นอนอยู่บ้านเฉยๆ เลย นอนขี้เกียจอยู่บ้านเลย เพราะว่าผมทำตามนโยบายไงครับ คนที่ทำอาชีพนี้ห้ามออกไปไหน ต้องอยู่บ้าน ห้ามเจอผู้คน เราก็เลยต้องหาอะไรที่เราพอทำได้ ผมก็โหลดเกมมาเรียกว่าเป็นเด็กติดเกมอยู่หลายเดือนนะครับ ใช้คำว่าติดเลยครับ เพราะว่าเราเล่นจนเราต้องใช้เงินในการเล่นเลย แล้วมารู้ตัวอีกครั้งคือมีแต่ค่าใช้จ่ายเลยครับ

ถาม จนในที่สุดเราก็เห็นจากข่าวว่า อ๊อฟไปเป็นไรเดอร์ขับรถส่งอาหาร

อ๊อฟ ศุภณัฐ : ใช่ครับ คุณแม่ยิงระเบิดใส่ผมว่าจะอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้วนะ ประมาณนี้เลยครับ แล้วคือคุณแม่มาว่าผมแรงเลย ท่านก็มาเคาะประตูห้องผมแบบแรงเลย แล้วตะโกนว่า อ๊อฟตื่นได้แล้ว จะมานอนไม่เอางานไม่เอาการแบบนี้ ไม่ทำมาหากินอะไรเลย อย่าให้ใครเขารู้นะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนนะ ลุกขึ้นมาทำตัวให้มีค่าหน่อย ตอนนั้นผมฟื้นขึ้นมาทันทีเลยครับ แล้วมามองตัวเองก็จริงแบบที่แม่ว่า ทำไมช่วงนี้เราดูไม่มีค่าเลย ดูชีวิตไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย เพราะว่าเราเป็นขยัน อย่างเข้าฟิตเนส อาทิตย์หนึ่ง ก็ต้องห้าวัน งานก็ต้องทำ ตื่นเช้าตลอด แล้วมามองตอนนั้นคือชีวิตเราเปลี่ยนไปมากๆ เราก็มานั่งคิดทำยังไงให้ตัวเองดูมีค่า เพราะว่าแม่รู้สึกไม่ภูมิใจในตัวเรา มันเลยคิดตอนนั้น เดี๋ยวนั้นเลยว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เราก็เริ่มมองหาก่อนเลยว่าทำอะไรดีที่มันยังไม่ต้องลงทุน แต่เอามาทำได้เลย แล้วเราก็คิดได้ว่าเวลาที่เราไปดูหนังกับแฟน หรือเราไปต่างจังหวัด เราเห็นคนพวกนี้อยู่ทุกที่เลย เราก็คุยกับเขาว่าชีวิตของเขาเป็นยังไง เราก็ค่อยๆ ศึกษา เราเลยอยากเป็นเดลิเวอรี่แมน เพราะเราก็เป็นคนที่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว ออกทริปกับเพื่อนๆ ก็ได้มาเริ่มคิดได้อีกอย่างว่าเวลาที่เราออกทริปแต่ละครั้ง ค่าใช้จ่ายสูงมาก เพราะต้องมีค่าน้ำมัน ค่าที่พัก มีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น เราก็เลยมานั่งคิดว่าทำไมเราไม่เอาสิ่งที่เราชอบมาทำให้มันมีรายได้ เลยคิดว่าต้องทำสักยี่ห้อแล้ว เราเลยมานั่งศึกษาอย่างจริงจัง ซึ่งสิ่งที่เราอยากจะลงมือทำให้เร็วที่สุดในตอนนั้นคือทำให้แม่ภูมิใจ ส่วนเรื่องเงินเราไม่ได้รู้สึกอะไรตรงนั้นอยู่แล้วว่าจะได้มากหรือน้อย เพราะว่าเราเป็นคนคิดบวก คติประจำใจเรา รวยฉันก็อยู่ได้ จนฉันก็อยู่ได้สบาย

ถาม แต่ก็มีหลายๆ คนที่ตั้งคำถามว่าเราตกอับแย่แล้ว ไม่มีกิน

อ๊อฟ ศุภณัฐ : ต้องบอกว่ามันยังก้ำกึ่งอยู่ครับ ไม่ใช่ไม่ประสบปัญหาอะไรนะครับ เพราะว่าถ้าเราไม่คิดถึงอนาคตในระลอกต่อไป ถ้าเราไม่ได้เตรียมตัวเตรียมการเอาไว้ก่อน มันจะหนักกว่านี้ เพราะเราไม่รู้ว่าเราต้องอยู่กับมันอีกกี่ระลอกนะครับ ทุกวันนี้ผมมีค่าใช้จ่ายค่าบ้าน ค่ารถ ค่าคอนโด เดือนละแสนห้า ตอนแรกที่เรานอนเฉยๆ อยู่ ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาตอนนี้คือ มันเยอะมากๆ เลย

ถาม แล้วงานที่เราทำ เราขอแม่ก่อนไหมหรือว่าไปทำก่อนแล้วค่อยมาบอก

อ๊อฟ ศุภณัฐ : พอเราไปสอบแล้วผ่าน เราก็มาบอกคุณแม่ เขาก็ตื่นเต้นมากเลยครับ แล้วก็ถามว่าเราต้องทำยังไง แม่ดีใจมาก แม่อนุญาตให้ทำเลยครับ แต่แฟนของเรา เขาห่วงเรา ในวันที่เขายังไม่เข้าใจ เขาก็จะหาเหตุผลต่างๆ นานามาบอกเราว่าอย่าทำเลย แต่พอเราอธิบายเขาไป ให้เห็นข้อเท็จจริงแล้วมันก็ไม่น่าห่วงจริงๆ ถ้าจะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ตอนออกทริปน่าห่วงกว่านี้อีก เวลาที่เราขับส่งของ เราก็ขับตาม GPS แล้วรถก็ติดด้วย ผมต้องขอโทษลูกค้าทุกครั้งเลย เพราะว่ามอเตอร์ไซค์ของผมมันคันใหญ่มากๆ มันไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย เพราะว่ามันช้ามาก ถามว่าคุ้มค่าส่งไหม ต้องบอกแบบนี้ครับ มันไม่เข้าเนื้อ แต่มันอาจจะไม่คุ้มเท่ารถคันเล็กๆ ครับ

ถาม มีไหมที่เวลาไปส่งของแล้วคนจำได้

อ๊อฟ ศุภณัฐ : มีทั้งจำได้และไม่ได้ครับ แต่คนที่จำได้จริงๆ เขาจะดีใจมาก เพราะเขาจะงงตั้งแต่เสียงมอเตอร์ไซค์ที่ดังตั้งแต่เข้ามาที่หมู่บ้านเขาแล้ว แล้วพอเราเปิดหน้าให้เขาดู เขาก็บอกว่าแล้วทำไมหน้าคุ้นๆ จัง แล้วบางคนก็บอกว่าจำได้ตั้งแต่ที่เห็นรูปเราเวลาที่สั่งของแล้ว

อ๊อฟ ศุภณัฐ : สิ่งที่เราจะกลัวที่สุดก็คืองานที่ไปซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ลูกค้า สิ่งที่ผมกลัวคือขิง ข่า ตะไคร้ หรือใบอะไรที่แปลกๆ เรากลัวว่ามันจะอยู่ตรงไหน

ถาม นอกจากจะสร้างความดีใจให้กับลูกค้าแล้ว ไรเดอร์คนนี้ยังสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอีก

อ๊อฟ ศุภณัฐ : ต้องบอกว่ามันเหมือนยันต์กันอะไรบ้างอย่างครับ ของสมนาคุณที่ผมติดไปมันคือมะม่วงหาวมะนาวโห่ สามรส ครับ พ่อทำ แม่แพคครับ แต่ไม่ได้ทำขายนะครับ เพราะว่ามันมีบางเคสที่เสี่ยงต่อการโดนตำหนิมากๆ ผมก็จะติดเอาไว้ เผื่อถ้ามีอะไรฉุกเฉิน มันก็เป็นการมอบให้ลูกค้าเป็นการขอโทษครับ

ถาม ในอนาคตเราวางแผนไว้ยังไงไหม จะขับรถอยู่แบบนี้ หรือว่าเราจะไปทำธุรกิจอื่นไหม

อ๊อฟ ศุภณัฐ : ช่วงนี้เราก็เป็นช่วงที่เราหาประสบการณ์ไปก่อน ไหนๆ มาทำแบบนี้แล้ว ผมเลยสมัครอีกบริษัทหนึ่งไว้ เกี่ยวกับรถอีโคคาร์ สามารถส่งของได้ทั่วประเทศ อยากจะศึกษาไว้ เผื่อว่ามอเตอร์ไซค์ขี่ไม่ไหว ก็ไปขับรถยนต์แทนครับ