วันที่ 9 ก.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ตาคลี พร้อมด้วยสายตรวจรถยนต์ และสายตรวจรถจักรยานยนต์ 4 นาย ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบ ที่บ้านหลังหนึ่ง หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบเห็นนายนิรันดร์ หรือ ตั๊ก ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครสวรรค์ ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน หลบอยู่ที่บ้านใน ถ.จันทร์เทวี ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
ซึ่งนายนิรันดร์ มีพฤติการณ์เสพยาเสพติด และคลุ้มคลั่งอาละวาดด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวไว้ ขณะที่ ด.ต.สุริยา พิกุลศิริ ได้เสียหลักล้มลง ถูกนายตั๊กใช้อาวุธมีดแทงได้รับบาดเจ็บ
ด.ต.ไพรทูล พรมนิมิตร จึงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงขู่ไป จำนวน 2 นัด เพื่อหยุดยั้งการกระทำของนายนิรันดร์ แต่นายนิรันดร์ถืออาวุธมีดวิ่งเข้าหา ด.ต.ไพรทูลและ ด.ต.อำนวย พูลสวัสดิ์
จากนั้น ด.ต.ไพรทูลจึงยิงขู่อีก 2 นัด แต่นายนิรันดร์ไม่ยอมหยุด จนจะถึงตัว ด.ต.ไพรทูล แล้วทำให้ตำรวจเล็งยิงไปที่ช่วงขาอีก 2 นัด จนนายนิรันดร์ล้มลง และถูกจับกุมตัวได้ โดยมีภาพจากกล้องติดหน้าอกของเจ้าหน้าที่บันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านผู้ต้องหาเอง เป็นบ้านไม้ยกสูง กำแพงหลังบ้านสูงประมาณ 2 เมตร นายนอง บุญผาด อายุ 63 ปี ลุงของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 11.30 น. ขณะที่หลานชายตนเองอยู่ที่บ้าน อยู่ติดกับบ้านของตนเองเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตาคลี ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 30 คน เดินทางมาที่บ้าน เพื่อที่จะจับกุมหลานชายในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยก่อนหน้านี้มีหมายเรียกมาที่บ้านแล้ว แต่หลานชายไม่ได้ไปรายงานตัว และอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่มีการเรียกให้ผู้ต้องหาออกมา แต่ผู้ต้องหาไม่ยอม
ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาลงมาด้านล่างแล้ว แต่มีเด็กหญิงตัวเล็กบอกว่าตำรวจมาเต็มเลย หลานตนเองจึงวิ่งขึ้นบ้าน และไม่ยอมออกมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเจ้าหน้าที่มีการปิดล้อมกดดัน ทำให้หลานชายต้องปีนออกจากทางหน้าต่าง ข้ามหลังคาบ้านที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะปีนรั้วหลังบ้านไปยังบ้านเช่าด้านหลัง ตนเองเมื่อเห็นหลานชายปีนกำแพงไปก็ปีนตามไปติด ๆ เพื่อที่จะไปช่วยตำรวจจับกุม
ก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด พยายามบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้ยิงบริเวณขา แต่เห็นว่าหลานชายกุมหน้าท้องที่บาดเจ็บแล้ว ตัวเองไม่เห็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกหลานชายตนเองแทง แต่เห็นว่าหลังจากที่หลานชายถูกยิงแล้วก็มีการวิ่งหนีตำรวจต่อ จนกระทั่งตนเองก็พยายามวิ่งตามไปเพื่อที่จะไปดูว่าหลานชายเป็นอย่างไรบ้าง
ตนเองมองว่าเจ้าหน้าที่อาจจะทำเกินกว่าเหตุไปหรือไม่ ถ้าหากหลานชายตัวเองเสียชีวิต ใครจะรับผิดชอบ แต่ตนเองก็อยากยินดีที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมหลานชายไปได้ เพราะที่ผ่านมาหลานชายมักจะมีพฤติกรรมติดยาเสพติด และไม่ทำงาน ทำให้ตนเองไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเป็นเวลานานแล้ว และเคยมีปากเสียงกัน หลานชายพยายามจะเข้ามาฟันตนเอง แต่ตัวเองใช้หนังสติ๊กยิงหัวเอาไว้ก่อน บางครั้งหลานชายก็จะปิดประตูเงียบอยู่บ้าน และมีอาการทางจิตเวชด้วย บางครั้งไม่ได้รับประทานอาหารก็จะโวยวาย
ส่วนกรณีที่ตำรวจบุกจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อ 10 วันก่อนหลานชายไปก่อเหตุลักขโมยเหรียญภายในตู้หยอดน้ำใกล้กับบริเวณบ้าน เจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบตัวคนก่อเหตุก็เป็นหลานชายตนเองจึงบุกเข้าจับกุม
โดยเมื่อประมาณปี 2560 ที่ผ่านมา หลานชายเคยถูกจับในข้อหาลักทรัพย์มาแล้วก็มีการหนีเจ้าหน้าที่จนทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านใกล้เคียงเสียหายไปหลายหลัง และถูกจับกลุ่มไปประมาณห 1-2 ปีก่อนจะออกมา ตนเองไม่เคยไปเยี่ยมหลานเลย เพราะทำตัวไม่ดีก็ต้องยอมรับไป อยากขอโทษตำรวจที่บาดเจ็บแทนหลานด้วย
บริเวณด้านหลังบ้านของผู้ต้องหา เป็นจุดที่ผู้ต้องหามีการปีนกำแพง ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นห้องเช่า ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงสกัดบริเวณด้านหน้า และวิ่งหนีเข้าไปยังซอยพรมนคร ก่อนที่จะปีนกำแพงร้านค้าที่สูงประมาณ 160 เซนติเมตร เข้าไปในบ้านของชาวบ้าน
นายกฤษฎา อายุ 48 ปี เจ้าของบ้านที่ผู้ต้องปืนหลบหนี เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 12.00 น. ตนเองอยู่ภายในบ้านกับภรรยา และ ลูกสาว ลูกชาย เวลานั้นได้ยินเสียงหน้าบ้านมีเสียงโวยวายเสียงดัง พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่กำลังวิ่งอยู่หน้าบ้าน และบอกให้ตนเองปิดประตูบ้านอย่างรวดเร็ว ตนเองจึงปิดประตูรั้วหน้าบ้าน ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในบ้าน เพราะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มองเห็นผู้ต้องหาปีนข้ามกำแพงบ้านมา และวิ่งมาประชิดตัวตนเอง
ตนเองตกใจที่มีคนวิ่งเข้ามาในบ้าน จึงจับแขนเอาไว้และถามว่ามีอะไร ก่อนที่ผู้ต้องหาจะบอกว่า "ถ้าไม่ปล่อย ผมจะแทง" ตนเองจึงต้องปล่อยตัวของผู้ต้องหาไป ก่อนที่ลูกสาวตนเองจะได้เดินมาที่หน้าบ้านพอดี และตกใจที่ผู้ต้องหาวิ่งเข้ามาในบ้าน ก่อนที่ผู้ต้องหาจะพยายามขโมยรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้านไป เนื่องจากมีกุญแจเสียบอยู่
ขณะที่ผู้ต้องหากำลังจะขับรถออกเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ใกล้มาถึง รถจึงล้มลงและผู้ต้องหาจึงวิ่งหลบ เข้าไปในบริเวณตัวบ้านของตนเอง ก่อนที่จะวิ่งออกทางด้านหลังบ้าน ซึ่งขณะนั้นเองได้ยินลูกสาวตนเองร้องเสียงดังด้วยความตกใจ กังวลว่าลูกสาวจะได้รับอันตราย ต่อมาผู้ต้องหาก็ยังมีการพยายามจะขึ้นรถจักรยานหลังบ้านเพื่อที่จะหลบหนีอีก แต่ไปไม่รอด ทำให้รถจักรยานล้ม ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะวิ่งไล่ตามมา และวิ่งตามผู้ต้องหาไปจับกุมได้ที่บริเวณหลังบ้าน
ตนเองยอมรับว่าโชคดีที่ไม่มีคนในบ้านได้รับบาดเจ็บ เพราะผู้ต้องหามีแท่งเหล็กอยู่ในมือด้วย หลังจากนี้ คงต้องมีการต่อเติมทำกำแพงให้สูงขึ้น และอาจจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อป้องกันเหตุในอนาคต
พ.ต.อ.ปรีชา สนิทม่วง ผกก.สภ.ตาคลี เปิดเผยว่า เบื้องต้นผู้ต้องหามีหมายจับเดิมอยู่แล้ว ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยขณะนี้ผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ต้องรอให้ผู้ต้องหาหายจากอาการบาดเจ็บ จะมีการสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง ก่อนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง ส่วนตำรวจสายตรวจที่ได้รับบาดเจ็บมีการส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลชัยนาท