กรณี ร.ต.อ.พงศกร อ่อนสลวย รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีคนถูกยิงมารักษาตัวที่ รพ.สตึก จึงรุดไปตรวจสอบพบนายสำราญ เมืองจันทร์ อายุ 69 ปี ชาว ต.ทุ่งวัง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ถูกยิงด้วยกระสุนอาวุธปืนไม่ทราบขนาด บริเวณต้นขาซ้าย จำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปผ่าหัวกระสุนออกที่ รพ.ศูนย์บุรีรัมย์
ล่าสุดวันที่ 11 ก.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายัง สภ.สะตึก เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สอบปากคำนายทองพูล ผู้ต้องสงสัยในคดีดังกล่าว แต่นายทองพูล ได้ให้การปฏิเสธ ทำให้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหามีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน, พาอาวุธปืนปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และข่มขู่ผู้อื่นให้ตกใจกลัว ส่วนข้ออื่นจะต้องรอผลตรวจร่างกายของผู้บาดเจ็บจากแพทย์ว่าอาการหนักแค่ไหน
น.ส.น้ำฝน เพชรสุระ อายุ 31 ปี หญิงสาวคนสนิทของนายสำราญ และนายทองพูล วันนี้เดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหลังให้ข้อมูลแล้วเสร็จ น.ส.น้ำฝน ให้สัมภาษณ์ว่า เวลาประมาณ 21.00 น. ของวานนี้ (10 ก.ค.64) ขณะที่ตนนอนอยู่ในบ้าน ตรงข้ามกับบ้านของนายทองพูล ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 1 นัด แต่ตนก็ไม่ได้ออกไปดูเหตุการณ์ กระทั่งช่วงเช้า จึงพบว่านายสำราญ นอนบาดเจ็บจมกองเลือดอยู่ในบ้าน
ทั้งนี้ตนย้ายมาอยู่บ้านกับน.ส.ปุ๊กลุ๊ก พี่สาวของตนได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็จะมีนายทองพูล และนายสำราญ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม พยายามเข้ามาตีสนิท ทั้งคู่เป็นพ่อม่าย เนื่องจากภรรยาเสียชีวิตไปแล้ว แต่ที่ผ่านมาทั้ง 2 คนก็ไม่เคยทะเลาะกันเพราะตน สำหรับนายสำราญ คนที่บาดเจ็บเป็นคนนิสัยดี ส่วนนายทองพูล เป็นคนช่างคุย และชอบเอะอะโวยวาย
โดยเหตุที่เกิดขึ้นตนคิดว่านายทองพูล น่าจะเกิดความหึงหวงตน แต่ตอนนี้นายทองพูล ก็ยังให้การปฏิเสธ แต่ถ้าผลออกมาว่าเขาเป็นผู้ก่อเหตุจริง ๆ ตนคิดว่าปมก่อเหตุน่าจะมาจากหึงหวง แต่ตนก็ไม่เคยมีใจให้ทั้งคู่ เพราะตนเคารพเปรียบเสมือนพ่อ ซึ่งนายสำราญและนายทองพูล มักจะดื่มเหล้าด้วยกัน แต่เวลาที่ทั้งคู่เมาตนก็ไม่เคยเห็นพวกเขาท้าทายกันมาก่อน
น.ส.อาภาภรณ์ เพชรสุระ หรือ ปุ๊กลุ๊ก เพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามที่เกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.น้ำฝน น้องสาวของตน ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านกับตนซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านนายทองพูล และนายสำราญ ได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว เมื่อน้องสาวมาอยู่ด้วย นายทองพูลและนายสำราญ ก็จะชอบแอบมองน้องสาวตนเป็นประจำ เพราะทั้งคู่เป็นพ่อม่ายเปรียบเสมือนเป็นเฒ่าหัวงู โดยเฉพาะนายทองพูลจะชอบน้องสาวตนมาก ถ้าใครเข้าใกล้นายทองพูลก็จะหึงหวงเป็นประจำ
ขณะนี้ตนก็นังไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุที่ยิงนายสำราญเป็นใคร เพราะตำรวจก็เชิญตัวนายสุวรรณ สามีของตนมาสอบปากคำ แต่อาวุธปืนดังกล่าวตนมั่นใจว่าเป็นของนายทองพูล ที่ผ่านมาน.ส.น้ำฝน เคยไปหลับนอนกับนายทองพูล และนายทองพูลก็ให้เงินมาใช้ตลอด ก็อาจมีส่วนที่ทำให้นายพูล หึงหวงน้องสาวตนได้ เท่าที่ตนสอบถามนายทองพูล เขาก็บอกว่าไม่ได้ก่อเหตุ ส่วนนายสุวรรณ สามีตนก็ก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ที่ยิงนายสุวรรณ เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.64) เวลาประมาณ 15.00 น. มีวัยรุ่นในหมู่บ้านคนหนึ่งมีพฤติกรรมเมาแล้วมาเข้าใกล้น.ส.น้ำฝน ทำให้นายทองพูล ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวขู่วัยรุ่นคนดังกล่าวมาแล้ว กระทั่งช่วงเวลา 21.00 น. วันเดียวกันได้ยินเสียงปืน 1 นัด แต่ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ จากนั้นเช้าของวันนี้ พบว่านายสำราญ นอนจมกองเลือดบาดเจ็บอยู่ที่ห้องนอนในบ้าน
ด้านนายทองพูล เยี่ยมรัมย์ ผู้ต้องสงสัยในคดีดังกล่าว ช่วงบ่ายวันนี้หลังให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายทองพูล เปิดเผยว่า ตนไม่ได้เป็นคนก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายสำราญ และตนก็ไม่ได้มีอาวุธปืน ตอนเกิดเหตุตนนอนหลับอยู่ในบ้าน ได้ยินแต่เสียงรถวิ่งไปมาเท่านั้น ตนกับนายสำราญไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน และตนก็ไม่เคยหึงหวงน.ส.น้ำฝน
สำหรับตนและคนเจ็บเป็นญาติห่าง ๆ กัน แต่ว่าบ้านอยู่ติดกัน ส่วน น.ส.น้ำฝน ถ้าเขามาหาตนที่บ้าน ตนก็ให้เงินเขา แต่ตนไม่ได้หึงหวง กรณีที่มีชาวบ้านเห็นตนนำปืนไปขู่วัยรุ่นในหมู่บ้าน ยืนยันว่าไม่ใช่ปืน เป็นเพียงแค่ท่อนไม้ เพราะตนเห็นวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวมีอาการเมา กลัวว่าเขาจะมาทำร้ายน.ส.น้ำฝน
ในระหว่างทีมข่าวสัมภาษณ์นายทองพูล ซึ่งน.ส.น้ำฝน ได้สอบถามว่า "ใครเป็นคนยิงนายสำราญ" นายทองพูลจึงตอบว่า "ตาก็ไม่รู้ ตานอนในบ้าน ไม่ใช่ปืนของตา เอ็งรู้ได้ไงว่าเป็นปืนของตา ตาบริสุทธิ์" จากนั้นน.ส.น้ำฝน จึงพูดต่อว่าเคยเห็นนายทองพูลถือปืน มีพยานเห็น 3 คน นายทองพูลตอบกลับว่า "ไม่ใช่ปืน แต่เป็นไม้ ที่ใช้ข่มขู่วัยรุ่น"
จากนั้นนายทองพูล กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตนไม่ได้รักน.ส.น้ำฝนแล้ว และไม่ได้รักแต่แรก ส่วนสาเหตุที่ตนให้เงินใช้เพราะรู้สึกสงสาร ไม่ใช่เพราะความรัก หากน.ส.น้ำฝน อยากจะมาหาตอนไหนก็มาได้ ตนไม่ได้ว่า
