ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแม้แต่ในการแข่งขันกีฬาที่ใหญ่ที่สุดอย่างโอลิมปิก ยังสามารถมีการโกงเกิดขึ้นได้ เพราะที่ผ่านมาการโกงการแข่งขันเกิดขึ้นโอลิมปิกอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเล็กใหญ่หรือจากประเทศไหน แต่ในวันนี้เราอยากจะพาย้อนไปดูถึงตำนานการโกงโอลิมปิก ที่เรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์การโกงสุดฉาวกระฉ่อนที่สุด ที่เคยมีมาในการแข่งขันโอลิมปิกเลยก็ว่าได้
ต้องย้อนเรื่องราวไปในโอลิมปิก 1936 สมัยที่รัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของหัวหอกแห่งพรรคนาซีอย่าง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์เป็นผู้จัดการแข่งขัน ซึ่งมันเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมมาตั้งแต่แรกเพราะมีการกีดกันทางเชื้อชาติ นักกีฬาเชื้อสายยิวถูกห้ามเข้าแข่งขันจากความชิงชังของฮิตเลอร์ และพรรคนาซี
ในการแข่งขันทางรัฐบาลได้ส่ง โดรา ราทเจน นักกีฬากระโดดสูงของเยอรมนี ที่เข้าร่วมการแข่งขัน โดยสาเหตุที่เลือกกีฬาชนิดนี้เพราะในตอนนั้นวงการกระโดดสูงมีนักกีฬาหญิงที่เก่งที่สุดคนหนึ่งชื่อ เกรเทล เบิร์กมันน์ แต่เธอเป็นคนเยอรมันที่มีเชื้อสายยิวจนทำให้พ่อแม่ต้องส่งเธอไปประเทศอังกฤษ ซึ่งพรรคนาซีที่ต้องการโฆษณาชวนเชื่อให้โลกเห็นถึงความมีอารยะของพวกเขา จึงพยายามดึงตัวเกรเทลกลับมาแข่งขันโอลิมปิกในนามทีมชาติเยอรมันแต่ เกรเทล ไม่เล่นด้วยเพราะอดีตที่แสนเจ็บปวด และก่อนแข่งโอลิมปิกแค่เดือนเดียว เกรเทล เพิ่งทำสถิติโลกหญิง ด้วยการกระโดดได้ที่ความสูง 1.6 เมตร
ถึงแม้ว่าในครั้งนั้น โดรา สามารถทำคะแนนรั้งตำแหน่งที่ 4 เท่านั้น แต่ใน 2 ปีหลังจากโอลิมปิก 1936 จบลง ในการแข่งขันกีฬาชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเมื่อปี 1938 โดรา สามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ขึ้นแท่นเป็นแชมป์ยุโรปกระโดดสูงหญิงคนแรกของโลกและทำสถิติโลกใหม่ 1.67 เมตร ซึ่งการทำลายสถิติครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จสำหรับพรรคนาซีด้วยเช่นกัน
แต่ โดรา ก็ดื่มด่ำกับชัยชนะได้ไม่นาน เพราะความลับนี้ถูกเผยแพร่หลังจากที่เพื่อนนักกีฬาสาว 2 คน ได้สังเกตเห็นความผิดปกติเกี่ยวกับร่างกายของ โดรา เพราะในขณะที่นักกีฬาทั้งหมดกำลังยืนรอรถไฟกลับจากการแข่งขัน เพื่อนนักกีฬากลุ่มหนึ่งก็ได้เห็น เงาส่วนเกินโด่ออกมาจากเป้า ของ โดรา ถึงแม้ว่าเธอจะใส่กระโปรงอยู่ก็ตาม นอกจากนี้ตลอดเวลาที่ร่วมเก็บตัวนักกีฬา เพื่อนนักกีฬาก็ได้สังเกตความผิดปกติหลายอย่าง เพราะนอกจาก โดรา จะเป็นคนที่มีรูปร่างใหญ่โต มีเสียงใหญ่และทุ้ม เธอก็มักปฏิเสธที่จะอาบน้ำรวมกับนักกีฬาหญิงคนอื่นๆ
โดรา สารภาพหลังถูกจับได้ทั้งน้ำตาว่าถูกนาซีบังคับให้สวมบทบาทเป็นผู้หญิง เพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวเยอรมัน โดยหลังจากโอลิมปิกครั้งนั้น เธอถูกบังคับให้ใช้ชีวิตในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเวลา 3 ปี ก่อนจะทำลายสถิติโลกในปี 1938 โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ต้องมีการตั้งกฎตรวจสอบเพศของนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันของผู้หญิงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการปลอมแปลงของผู้ชายอย่างเช่นในอดีต และกฏนี้ก็ถูกใช้เรื่อยมาจนถึงในปัจจุบัน
