ล้นแล้ว! ทั้งคนทั้งขยะติดเชื้อ ล้นรพ.พระนั่งเกล้า ชาวบ้านหวั่นโควิดกระจาย วอน รพ.เร่งจัดการ (คลิป)

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “คำรณ สูโพธิ์” โพสต์เรื่องราวในกลุ่มข่าวนนทบุรี ร้องเรียน ในชุมชนศาลเจ้า ซอยนนทบุรี 9/1 ถนนนนทบุรี 1 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งอยู่ติดกับด้านหลัง รพ.พระนั่งเกล้า ว่าพบถุงขยะติดเชื้อสีแดง จำนวนกว่า 1,000 ถุง ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ริมรั้วด้านหลัง รพ.พระนั่งเกล้า ติดกับชุมชน เกรงว่าจะเกิดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19

ล่าสุดวันที่ 29 ก.ค.64 ทีมข่าวอมริทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านเลขที่ 129 ซอยนนทบุรี 9/1 ถนนนนทบุรี 1 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี บ้านติดกำแพงโรงพยาบาล ใกล้กับถุงขยะติดเชื้อ โดยจะเห็นได้ว่าเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่โรงพยาบาลได้นำถุงขยะกว่าหลายถุงกองทิ้งเป็นภูเขา อีกทั้งใต้บ้านจะเห็นคราบน้ำเสียสีเหลืองไหลนองเต็มใต้ถุนบ้าน

นพ.มณเฑียร เพ็งสมบัติ ผอ.รพ.พระนั่งเกล้า ออกมาชี้แจงปัญหาผู้ป่วยล้นเตียง ต้องนอนรอหน้าห้องฉุกเฉินว่า ภาพที่ออกมาเป็นเรื่องจริง เพราะขณะนี้จำนวนคนไข้เยอะมากจนล้นห้องฉุกเฉิน ซึ่งโรงพยาบาลจำเป็นต้องตรวจสอบผู้ป่วยแต่ละคนว่า เป็นผู้ป่วยอาการหนักเบาเพียงใด อยากจะทำความเข้าใจด้วยว่า หากผู้ป่วยไม่มีอาการหนัก ถึงขนาดต้องห้องฉุกเฉิน ขอให้ไปเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลใกล้เคียง ที่ไม่ได้เป็นโรงพยาบาลที่ใช้รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ไปก่อน

ขณะเดียวกัน รพ.พระนั่งเกล้า จะมีการคัดแยกผู้ป่วยสีเขียวดูแลที่บ้านได้ สามารถใช้ชีวิตได้ ไม่มีอาการป่วยหนัก จะต้องให้อยู่ที่บ้าน คือ HI : Home isolation แล้วจะมีแพทย์โทรศัพท์เข้าสอบถามอาการวันละ 2 เวลา และอีกแบบคือ CI : Comunity isolation คือศูนย์พักคอย โดยจ.นนทบุรี เปิดให้มีศูนย์ดังกล่าวว่า 50 ศูนย์ ปัจจุบันเร่งดำเนินการเปิดให้บริการ เนื่องจากจะได้เป็นการให้ผู้ป่วยประชาชนมีที่พักคอยและดูแลผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยที่จะเดินทางมาที่ห้องฉุกเฉินโดยตรง

นพ.ธนา ขำยัง แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน รพ.พระนั่งเกล้า อายุ 42 ปี เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่มีผู้ป่วยรอที่ห้องฉุกเฉิน ตนมาทำงานในช่วงเช้าก็เคยคิดว่า สักวันจะต้องมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น โดยวันดังกล่าว (28 ก.ค.64) มีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ผลเป็นบวกพบว่าติดเชื้อโควิด-19 นอนรออยู่บริเวณห้องฉุกเฉินจำนวนมาก ซึ่งผู้ป่วยจะต้องถูกนำตัวเข้าห้องแรงดันลบที่เป็นห้องปราศจากเชื้อ และป้องกันการแพร่เชื้อโดยทันที แต่เนื่องด้วยห้องดังกล่าวทั้ง 2 ห้องเต็ม และทำให้จำเป็นต้องกระจายผู้ป่วยติดเชื้อ บริเวณห้องฉุกเฉิน

อีกทั้ง ผู้ป่วยทั่วไปที่เดินทางมาเข้ารับบริการยังห้องฉุกเฉิน ก็ยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลต่อเจ้าหน้าที่และประชาชน โดยทางด้าน ผอ.รพ.พระนั่งเกล้า ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการจัดให้ปิดรับผู้ป่วยสีเขียว และห้ามเข้ารับบริการภายในห้องฉุกเฉินทันที แต่ยังคงเปิดรับเคสผู้ป่วยสีแดงอยู่

"หากเป็นเคสสีแดงผู้ป่วยหนักที่ต้องเข้าห้อง ICU ใช้เครื่องช่วยหายใจ ยอมรับว่าขณะนี้โรงพยาบาลที่สามารถรับผู้ป่วยสีแดง ขณะนี้เตียงค่อนข้างเต็มแล้ว ส่วนรพ.พระนั่งเกล้า รับผู้ป่วยที่เป็นสีแดงเท่านั้น และตอนนี้เตียงเต็มหมดแล้ว" นพ.ธนา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยสีเขียว ที่มีไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเนื้อตัวเล็กน้อย หากสามารถรักษาดูแลตัวเองที่บ้านได้ ไม่จำเป็นที่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล ตนอยากจะขอความร่วมมือให้เว้นพื้นที่รองรับให้กับผู้ป่วยอาการหนัก และไม่จำเป็นก็อยากให้เลี่ยงมาในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่วนขวัญและกำลังใจของแพทย์และพยาบาลนั้นยังคงมีกำลังใจเต็มที่ ทำงานเต็มที่เต็มกำลังพร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยทุกคนไม่มีกีดกันผู้ป่วย ไม่สามารถทอดทิ้งผู้ป่วยได้ กำลังใจของแพทย์พยาบาลมาจากการได้ช่วยเหลือรักษาผู้ป่วยจนหายดี ก็ถือว่าเป็นกำลังใจอย่างหนึ่งแล้ว

จากภาพบรรยากาศของห้องแผนกฉุกเฉิน รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี จะเห็นได้ว่ามีผู้เดินมาเข้ามาใช้บริการในตึกแผนกฉุกเฉินจำนวนมาก และยังคงเห็นผู้ป่วยบางรายนอนรอเพื่อเข้ารับการรักษา และมีเจ้าหน้าที่สวมใส่ชุด PPE เดินเข้าออกในห้องฉุกเฉินเพื่อให้บริการแก่ผู้ป่วยโควิด-19

ขณะเดียวกันทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ น.ส.กัญญาริน มรกต อายุ 44 ปี ผู้เดินทางมาใช้บริการแผนกฉุกเฉิน ระบุว่า วันนี้ตนเดินทางพาพ่อเข้ามาล้างแผลจากอุบัติเหตุ ยอมรับว่าค่อนข้างกังวลในการเดินทางมาแผนกฉุกเฉิน เนื่องจากผู้ป่วยมีค่อนข้างมาก และยังคงมีผู้ป่วยหลายคนนอนรอบนเตียงบ้าง นั่งรอบ้าง

ทั้งนี้ ตนอยากให้ทางโรงพยาบาลคัดแยกผู้ป่วยเป็นสัดส่วน แต่ก็พอเข้าใจเรื่องของพื้นที่ที่จำกัด ขยายไปมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ก็ยังอยากให้มีคนดูแล คอยจัดแบ่งแยกผู้ป่วยให้ไม่ปะปนกัน เนื่องจากผู้มาใช้บริการต่างไม่ทราบว่าผู้ป่วยรายไหนเป็นผู้ป่วยโควิด-19 อีกทั้งตนก็เห็นว่ามีผู้ป่วยจำนวนมาก ตนก็กังวลในเรื่องของญาติผู้ป่วยอีกด้วยว่าจะมีผลพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกเห็นใจโรงพยาบาลมาก ๆ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ตนมีหน้าที่ช่วยได้เพียงป้องกันตัวเองให้อย่างดีที่สุด ไม่เจ็บป่วย เพื่อที่จะไม่ต้องเดินทางเข้ามารักษาที่โรงพยาบาล

ทีมข่าวอมริทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านเลขที่ 129 ซอยนนทบุรี 9/1 ถนนนนทบุรี 1 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี บ้านติดกำแพงโรงพยาบาล ใกล้กับถุงขยะติดเชื้อ โดยจะเห็นได้ว่าเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่โรงพยาบาลได้นำถุงขยะกว่าหลายถุงกองทิ้งเป็นภูเขา อีกทั้งใต้บ้านจะเห็นคราบน้ำเสียสีเหลืองไหลนองเต็มใต้ถุนบ้าน

ทีมข่าวเดินทางมาบ้านเลขที่ 20 ซอยนนทบุรี 9/1 ถนนนนทบุรี 1 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี เป็นบ้านติดกับกำแพงโรงพยาบาลเช่นกัน ประสบปัญหาเรื่องของน้ำเน่าเสียน้ำทิ้งจากโรงพยาบาล ไหลซึมเข้าสู่บ้าน

ป้าประหยัด กล่าวว่า บ้านของตนได้รับปัญหาจากโรงพยาบาลเช่นกัน เนื่องจากน้ำจากห้องครัวของโรงพยาบาลที่ติดกับบ้านของตน ไหลซึมเข้ามายังตัวบ้าน ต้องจ้างทำความสะอาดเกือบทุกสัปดาห์ อีกทั้งต้องขุดช่องทางเพื่อให้น้ำเสียจากโรงพยาบาลไหล่ผ่าน เพื่อลงไปยังคลองข้างบ้าน

โดยปัญหาเช่นนี้มีมานานตลอด 10 ปี ซึ่งตนจำเป็นต้องปิดตายห้องครัว ในปัจจุบันไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากน้ำที่ไหล่นองเต็มพื้น และส่งกลิ่นเหม็น อีกทั้งตนแจ้งเรื่องปัญหาให้กับโรงพยาบาลแล้วตั้งหลายหน แต่ไม่มีการเข้ามาช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหา และน้ำยังคงรั่วซึมเข้ามาเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี พูดคุยกับนายคำรณ สูโพธิ์ เจ้าของบ้าน กล่าวบ้าน บ้านของตนอยู่ติดโรงพยาบาล ซึ่งห่างแค่กำแพงบาง ๆ กั้นอยู่ โดยปัญหาเกิดจากพื้นที่ดังกล่าว ทางโรงพยาบาลนำถุงขยะติดเชื้อถุงสีแดงมาวางกองเรียงราย ไม่ได้นำไปทิ้ง นานนับ 2 สัปดาห์แล้ว ตนเห็นว่ามีจำนวนมากเกินกว่า 1000 ถุง เต็มบริเวณพื้นที่ภายในโรงพยาบาลใกล้กับกำแพงชุมชน

นอกจากนี้ ถุงขยะติดเชื้อเริ่มส่งกลิ่นเหม็น ตนจึงกลัวง่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากถุงขยะดังกล่าวมีป้ายปิดชัดเจนว่า ขยะติดเชื้อ และไม่มีรถจัดการขยะนาน 2 สัปดาห์ มีเพียงรถขยะเก็บขยะทั่วไปเก็บขยะถุงดำออกไปเท่านั้น และที่สำคัญคนในชุมชนใช้เส้นทางนี้สัญจรผ่านไปมาเข้าออกชุมชน ตนจึงอยากให้โรงพยาบาลจัดการให้เป็นที่เป็นระเบียบ ไม่อยากให้เก็บสะสมทิ้งไว้แบบนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตนทราบว่าทางโรงพยาบาลออกมาชี้แจง และจัดการปัญหาขยะ ก็ขอขอบคุณที่เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ และอยากขอเพิ่มมาตรการในการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดพื้นที่เก็บขยะติดเชื้อ และพื้นที่ชุมชน เพื่อความสบายใจและความปลอดภัยให้กับคนในชุมชนด้วย