วันนี้(30 ก.ค.64) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน อ้างอิงเอกสารภายในของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่าโควิดสายพันธุ์เดลตาระบาดง่ายเหมือนอีสุกอีใส และอาจส่งผลให้อาการป่วยรุนแรงยิ่งขึ้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องปรับปรุงแนวปฏิบัติเพื่อรับมือ ซึ่งรวมถึงเชิญชวนให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเพิ่มขึ้น และแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย
ข้อมูลการสอบสวนโรคที่ยังไม่ถูกเผยแพร่ พบว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วยังมีโอกาสติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาและแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้เท่ากับคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนแล้วติดเชื้อ เนื่องจากมีปริมาณไวรัสในร่างกายแทบไม่แตกต่างกัน
เอกสารดังกล่าวได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นของจริง และมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์( 30 ก.ค.)นี้ ซึ่งจะสนับสนุนการตัดสินใจของ CDC ที่ออกมาเปลี่ยนคำแนะนำเมื่อวันอังคาร (27 ก.ค.) ที่ผ่านมา ให้ชาวอเมริกันที่แม้จะฉีดวัคซีนแล้ว ให้กลับมาสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในสถานที่ร่มในพื้นที่สาธารณะ รวมถึงทุกคนในโรงเรียนอนุบาล ประถม และมัธยม ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
ข้อมูลระบุด้วยว่า โควิดสายพันธุ์เดลตา ระบาดได้ง่ายกว่าเชื้อดั้งเดิมอย่าง SARS-CoV-2 และไวรัสซึ่งก่อให้เกิดโรคเมอร์ส โรคซาร์ส อีโบลา ไข้หวัดทั่วไป ไข้ตามฤดูกาล รวมถึงเร็วกว่าอีสุกอีใสด้วย โดยสามารถแพร่เชื้อจากผู้ติดเชื้อ 1 คน ไปยังผู้อื่นได้ถึง 8-9 คน ขณะที่สายพันธุ์ดั้งเดิมมีโอกาสแพร่เชื้อโดยเฉลี่ยจาก 1 คน ไปยัง 2 คน
อย่างไรก็ดีผู้ที่ได้รับวัคซีน ยังถือว่ามีความปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากวัคซีนยังสามารถลดความเสี่ยงการป่วยหนักได้มากกว่า 90% และลดการตายได้มากกว่า 10 เท่า
ล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้สหรัฐฯ เร่งออกมาตรการให้คนเข้ารับวัคซีนมากขึ้น ทั้งการเสนอให้แต่ละรัฐมอบเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,000 บาทให้กับชาวอเมริกันที่เข้ารับวัคซีนเข็มแรก รวมถึงอาจมีการบังคับฉีดให้เจ้าหน้าที่รัฐด้วย
ที่มา - washingtonpost, cnn ขอบคุณภาพ - ซินหัว
อ่านข่าวที่คล้ายกัน
- วิจัยพบ ไฟเซอร์ - แอสตร้าเซนเนก้า ครบ 2 โดสป้องกัน โควิดเดลตา ได้สูงเกือบเท่าอัลฟา
- WHO ชี้ วัคซีน mRNA ปลอดภัย ฉีดแล้วไม่เปลี่ยนแปลงพันธุกรรม
- ผลวิจัยพบ ไฟเซอร์ โดส 3 ป้องกัน โควิดเดลตา เพิ่ม 5-11 เท่า
Advertisement