เปิดวงจรปิด "ไอ้ด้วงหึงดุ" ยิงสาวดับคาร้านกาแฟ ผัวเก่าเดือดอยู่ 10 ปีไม่เคยแตะ พ่อขมารับเลี้ยงลูกไม่ดี (คลิป)

วันที่ 30 ก.ค. 64 นายเอกศิริ หรือ ด้วง สวัสดี อายุ 23 ปี ชาว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ใช้อาวุธปืนลูกโม่รัวยิงนางสาววาสนา หรือโบว์ สมใจเพ็ง อายุ 30 ปี แฟนสาว พนักงานร้านกาแฟจำนวน 3 นัด ที่กลางศีรษะ 1 นัด แขนซ้าย 1 นัด และขาซ้าย 1 นัด เีสยชีวิตคาที่ภายในเคาน์เตอร์ร้านกาแฟ ในพื้นที่ ต.หันคา อ.หันคา จ.ชัยนาท จากนั้น ผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเมื่อช่วงค่ำแล้วนั้น

วันที่ 31 ก.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังที่เกิดเหตุร้านขายกาแฟ อาหารและเครื่องดื่มในพื้นที่ ต.หันคา อ.หันคา จ.ชัยนาท ลักษณะเป็นร้านตั้งอยู่กลางท้องนา มีลานจอดรถด้านหน้า วันนี้ร้านปิดให้บริการ ปิดประตูรั้วด้านหน้า

ทีมข่าวเดินทางไปยังศาลาบำเพ็ญกุศลวัดหนองต่อ ต.นาสวรรค์ อ.หันคา จ.ชัยนาท ตั้งสวดพระอภิธรรมศพ นางสาววาสนา สมใจเพ็ง หรือ โบว์ อายุ 30 ปี บรรยากาศมีญาติ และเพื่อนมาร่วมจัดเตรียมงาน ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพมาถึง แม่ผู้เสียชีวิตได้จุดธูป 1 ดอก เรียกวิญญาณผู้เสียชีวิตลงจากรถ จากนั้นญาติจุดธูปบอกดวงวิญญาณผู้เสียชีวิต และรดน้ำศพ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

นางสุรีพร สมใจเพ็ง 55 ปี แม่ผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. ลูกสาวออกจากบ้านตามปกติเพื่อจะไปทำงานที่ร้านกาแฟ ทุกอย่างปกติ ไม่ได้พูดเป็นลางบอกเหตุ หรือฝากฝังอะไร เพราะต่างคนต่างรีบไปทำงาน จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. มีเพื่อนที่ร้านกาแฟ โทรศัพท์มาบอกตนเองว่าลูกสาวถูกยิงเสียชีวิต ตนเองใจสลาย ทำอะไรไม่ถูก จึงรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุทันที ก่อนหน้านี้ไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ ทั้งสิ้น

ลูกสาว และนายด้วง คบหากันได้ประมาณ 6 เดือน ตนเองไม่ค่อยได้พบกับนายด้วง เขาเคยมาที่บ้านไม่กี่ครั้ง แต่เท่าที่เห็นก็อัธยาศัยดี ไม่ได้ดูเป็นคนอารมณ์ร้อนแต่อย่างใด ไม่คิดว่านายด้วงจะเป็นคนแบบนี้ ยอมรับว่าโกรธ จุกมาก เพราะลูกสาวตนเองทั้งคน อยากให้ครอบครัวผู้ก่อเหตุชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไป เพราะลูกสาวคนนี้เป็นเสาหลักของครอบครัว หาเลี้ยงพ่อแม่ เลี้ยงดูลูกสาว 2 คน 14 ปี และ 5 ปี กับอดีตสามี และยังใช้หนี้สินของครอบครัวด้วย และเป็นคนขยันมาก สู้ชีวิตไม่เคยท้อเรื่องงาน

โดยก่อนหน้านี้ ไม่เคยเห็นลูกสาวกับนายด้วงทะเลาะหรือมีปัญหากันมาก่อน และลูกสาวก็ไม่เคยมาปรึกษาเรื่องนายด้วงเลย คิดว่านายด้วงทำเกินไป อยากบอกให้ลูกสาวไปดี และไม่ต้องห่วงแม่

นางสาวภัคนันท์ ม่วงพันธ์ อายุ 35 ปี เพื่อนผู้ตายที่อยู่ในเหตุการณ์ ระบุว่า ช่วงที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 16.00 น. เป็นช่วงที่ลูกค้าในร้านไม่มี และมีพนักงานอยู่ทั้งหมด 5 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด รวมผู้ตายด้วย ตนเองนอนเล่นอยู่กับพื้นหลังเคาน์เตอร์ และผู้ตายคุยโทรศัพท์กับนายด้วงอยู่ จากนั้นผู้ตายก็วางโทรศัพท์ไป ไม่มีปากเสียงกัน แล้วมานอนข้างตนเอง บอกว่า "ด้วงจะมา" ตนเองจึงพยายามบอกพนักงานอีกคนที่ชื่อส้มให้มาหา เพราะคิดว่าด้วงจะมาทะเลาะกับผู้ตาย ให้มาช่วยห้ามปราม

จังหวะที่พนักงานอีกคนเดินมาทางประตูหลัง เป็นช่วงที่นายด้วงเข้ามาในร้านพอดี ตนเองเห็นปืนที่อยู่บริเวณกระเป๋ากางเกง จึงผลักพนักงานอีกคนออกและวิ่งหนีไปด้านหน้า ส่วนตนเองพยายามวิ่งหนีออกไปทางประตูด้านหลัง นายด้วงกระหน่ำยิง 4 นัด และอยู่ในห้องด้านหลังกับพนักงานอีกคนด้วย ระหว่างเข้ามาในร้านนายด้วงไม่มีคำพูดใด ๆ ทั้งสิ้น เข้ามาก็ยิงทันที ผู้ตายไม่ทันรู้ตัว และคนตายเองก็เชื่อใจ และไว้ใจนายด้วงมาก เพราะความรักกัน

จากนั้น ตนเองหลบอยู่ไม่นานสิ้นเสียงปืน นายด้วงออกไป ตนเองจึงค่อย ๆ ออกมาดูเห็นควันฟุ้งเต็มร้าน และผู้ตายก็นอนแน่นิ่งไป สภาพศพไม่มีเลือด ตนเองยังไม่ทราบว่ามีรอยกระสุนบริเวณใดบ้าง จนกระทั่งโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ยอมรับว่าพนักงานทุกคนอยู่ในอาการหวาดกลัวอย่างมาก ที่ผ่านมานายด้วงจะหึงหวงเป็นประจำ จนเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ตนเองจะเป็นคนห้ามปรามตลอด เพราะอายุมากกว่านายด้วง นายด้วงก็จะเกรงใจ จะคอยบอกนายด้วงว่า "โตแล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ ค่อย ๆ คุยกัน และโบว์ก็มาทำงานกับพี่ทุกวัน"

ตนยืนยันว่าผู้ตายไม่มีพฤติกรรมคบหาผู้ชายคนอื่นอีก ไม่มีใครมาหาที่ร้าน นายด้วงคิดไปเองทั้งหมด และมีนิสัยอารมณ์ร้อน และจะหึงหวงผู้ตายตลอด ก่อนหน้านี้เคยมาสัปดาห์ละครั้ง และดูรักกันกับผู้ตายดี ฝ่ายชายนำเงินมาให้เป็นประจำ ไม่เคยมีการทะเลาะกันรุนแรงมาก่อน และไม่มีวี่แววว่าจะเลิกรากัน ไม่คิดว่านายด้วงจะทำแบบนี้ ตนอยากให้ชดใช้กรรมตามที่ได้ก่อไว้ และที่ผ่านมาผู้ตายก็เป็นเสาหลักรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่บ้านตลอดมา และเป็นคนขยันมาก โดยไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ ตนเองยังนอนไม่หลับตั้งแต่เกิดเหตุ อยากบอกกับผู้ตายให้ไปดี ทางนี้ตนเองจะดูแลให้

นายสมใจ สมใจเพ็ง อายุ 55 ปี พ่อผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ลูกสาวออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ ตนเองก็ออกไปทำนา ซึ่งห่างจากร้านที่เกิดเหตุ ประมาณ 1 กิโลเมตร ยอมรับว่าช่วงที่เกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงปืน หรือสังเกตเห็นอะไรที่ผิดปกติ เพราะที่ร้านค่อนข้างเงียบ และตนเสียงรถไถก็ดัง มาทราบอีกครั้งคือหลังจากลูกสาวถูกยิงแล้ว

ตนยอมรับว่าเสียใจมาก เพราะลูกสาวคนนี้เป็นเสาหลัก และความหวังของครอบครัว พร้อมทั้งยังมีลูกที่ต้องเลี้ยงดู อยากให้คนก่อเหตุได้รับโทษถึงที่สุด หากเป็นไปได้ ก็อยากให้ตายตามลูกสาวไป และไม่ต้องการให้มาขอขมาศพ เพราะไม่อยากพบหน้า ส่วนทางครอบครัวผู้ก่อเหตุ ทราบว่าจะมาร่วมงานศพด้วย ก่อนหน้านี้ลูกสาวคบหากับนายด้วง เท่าที่เห็นนายด้วงเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่เคยทะเลาะกับลูกสาว และลูกสาวเองก็ไม่เคยระบายให้ตนเองฟังเลย

ขณะที่ทีมข่าวสอบถามถึงกรณีโพสต์เฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุ ที่ระบุว่า "สงสัยต้องจบด้วยความตาย" นั้น เพื่อนผู้ตายบอกว่า ตนเองเคยสอบถามนายด้วงแล้ว แต่นายด้วงปฏิเสธ และบอกว่าไม่ได้หมายถึงผู้ตายแต่อย่างใด

ขณะที่นายวัลลภ ศรีสุข อายุ 40 ปี อดีตสามีผู้เสียชีวิต ระบุว่า วานนี้ เวลา 17.30 น. ลูกสาวคนโตโทรศัพท์ไปบอกตนเองว่าแม่ถูกยิงเสียชีวิต ทำให้สภาพจิตใจลูกทั้ง 2 คน อายุ 5 ปี และ 14 ปี ย่ำแย่มาก เมื่อคืนลูกสาวคนเล็กยังได้ถามว่าแม่ไปไหน แม่จะตื่นหรือไม่ ตนเองจึงได้บอกว่า "แม่ไปสวรรค์แล้ว" ลูกร้องไห้ตลอด และจะหาแต่ตนเองอย่างเดียว ทั้งนี้ นางสาววาสนาเป็นคนนิสัยดี ตั้งใจทำงาน อยู่กับตนเองมานานนับ 10 ปี ไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง ไม่เคยลงไม้ลงมือกัน และผู้ตายไม่เคยมีพฤติกรรมเรื่องคบหาผู้ชายอื่นมาก่อน จนกระทั่งที่เกิดเหตุครั้งนี้ ตนเองไม่เคยรู้จักคนก่อเหตุมาก่อน และอยากให้ได้รับโทษถึงที่สุด

ทั้งนี้ ตนเองสงสารลูกมาก เพราะเด็กยังเล็ก ไม่น่าทำกันถึงขนาดนี้ ที่ผ่านมาผู้ตายจะเป็นคนเลี้ยงดูลูกตลอด ตนเองจะแวะมาหาบางครั้ง มาหาลูกและให้เงินอยู่บ้าง ครั้งละ 200-500 บาท หลังจากนี้ ตนเองจะดูแลลูกสาวทั้ง 2 คน ร่วมกับพ่อตาและแม่ยายต่อไป

ทีมข่าวเดินทางไปยัง ต.วังลึก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายเอกศิริ สวัสดี ผู้ต้องหา นายณรงค์ สวัสดี อายุ 52 ปี พ่อผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ช่วงเช้าลูกชายคนเล็กคือ นายด้วง ได้ออกจากบ้านกับพี่ชายคนโตตั้งแต่เช้ามืด เพื่อที่จะไปจับหมูมาขายที่ จ.อ่างทอง เพราะที่บ้านมีอาชีพค้าขายหมู ลูกชายก็พูดคุยเฮฮาทุกอย่างปกติ จนกระทั่งกลับมาที่บ้าน

ช่วงเวลา 13.00 น. ลูกชายยังพูดคุยเล่นกับตนเองและครอบครัวปกติ นายด้วงบอกว่าจะออกไปเอามีดสับหมูที่ชุบคมไว้ และขอเงินภรรยาตัวเองอีก 100 บาท บอกว่าที่ให้ไว้ซื้อขนมไปแล้ว หลังจากนั้นลูกชายก็ออกจากบ้านไป โดยขับรถกระบะ บอกว่าอากาศร้อนจึงไม่ขี่จักรยานยนต์ไป และหายไปสักพัก จนกระทั่งตนเองให้ภรรยาโทรศัพท์ตาม นายด้วงบอกว่าจะไปคุยกับเพื่อนอีกสักพักเดี๋ยวจะกลับ จากนั้นโทรศัพท์หาอีกครั้งนายด้วงปิดเครื่องแล้ว

เวลาประมาณ 16.00 น. ญาติผู้เสียชีวิตโทรศัพท์มาบอกตนเองว่าลูกชายยิงนางสาววาสนาเสียชีวิตคาที่ ตนเองรู้สึกงง ตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก สักพักจึงโทรศัพท์ไปสอบถามที่บ้านเมียเก่าของนายด้วง ที่เลิกกัน 5-6 เดือนแล้ว ปรากฏว่านายด้วงอยู่ที่นั่น ตนเองทราบจึงรีบไปรับตัวมา และลูกชายโทรศัพท์ให้ตำรวจมารับและมอบตัว ตนเองจึงบอกกับลูกชายว่าไม่ต้องหนี ขณะนั้นลูกชายร้องไห้ไม่หยุด และตัวสั่น พูดคุยกันเล็กน้อย ลูกชายระบุว่า "เก็บกด ๆ หมดเยอะ" เท่านั้น รวมถึงความหึงหวงด้วย

ที่ผ่านมาลูกชายไม่เคยมีเรื่องกับใคร และไม่เคยมีปืนด้วย เหล้า บุหรี่ ยาเสพติดไม่เคยยุ่งเกี่ยว ตนเองไม่ทราบเลยว่าทั้งคู่ทะเลาะกัน ทราบเพียงว่าลูกชายไปคบกับนางวาสนา ตนเองยังเตือนลูกชายว่าเขามีลูกแล้ว และอายุเยอะกว่า อย่าไปยุ่งกับเขาเลย แต่ลูกก็ไม่ฟัง

ตนอยากจะบอกกับลูกว่า "พ่อขอโทษที่พ่อดูแลไม่ดี เลี้ยงลูกมา คงดูแลไม่ทั่วถึง เพราะทำงานทุกวัน และอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต จะเดินทางไปเคารพศพผู้เสียชีวิตแทนลูกชาย ลูกชายตนเองคิดสั้นไป"