จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา เกิดเหตุ รถยนต์ PORSCHE ของนายแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ พุ่งชนท้ายรถเก๋ง ที่ใต้สถานีบีทีเอสบางหว้า ถนนราชพฤกษ์ขาออกมุ่งหน้าตลิ่งชัน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต ในจุดเกิดเหตุ 2 ราย และบาดเจ็บ สาหัส 1 ราย
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ พันตำรวจเอกสุรเวช การวัฒนาศิริกุล ผู้กำกับการ สน.ภาษีเจริญ ระบุว่า ที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องปริมาณแอลกอฮอล์ ของร้อยตำรวจเอกภาณุรักษ์ รัตนไพศร นายแพทย์ (สบ.1) กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.ตำรวจ ว่ามีเพียง 44 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ทำให้พนักงานสอบสวน ไม่สามารถแจ้งข้อหาเมาแล้วขับได้นั้น ขอชี้แจงว่า
ในข้อเท็จจริงมีการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ ตั้งแต่ที่เกิดเหตุพบว่ามีสูงถึง 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนดและพนักงานสอบสวนได้ทำการแจ้งข้อหา เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต, ทำให้เสียทรัพย์ และ ขับขี่ยานพาหนะเร็วเกินกว่ากฏหมายกำหนดไว้ ตั้งแต่ช่วงสายของวันเกิดเหตุ ซึ่งตัวผู้ต้องหาเอง ก็รับทราบข้อหาและมีการใช้เงินสดจำนวน 2 แสนบาท เพื่อขอประกันตัวโดยอ้างเหตุว่าเพื่อไปช่วยเหลือและดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งวงเงินประกันนี้ถือว่าเป็นวงเงินประกันสูงสุดตามมูลฐานความผิดเกี่ยวกับการเมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ส่วนที่มีการนำเสนอว่าปริมาณแอลกอฮอล์มีเพียง 44 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ มาจากการขอตรวจซ้ำที่ สน.ในช่วงสาย แต่ไม่ถือว่ามีผลทางสำนวนคดี เพราะไม่ใช่ ณ เวลาเกิดเหตุ ส่วนผู้ต้องหาจะไปยื่นขอตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลอื่นหรือไม่ ถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้เพื่อพิสูจน์ ในชั้นศาล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชั้นพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ตำรวจ สน.ภาษีเจริญ มีการดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องทั้งหมด ไม่มีการช่วยเหลือใดๆ แม้ผู้ต้องหาในคดีนี้จะเป็นข้าราชการตำรวจก็ตาม
ด้าน นายกานต์พงศ์ สิริอิสสระนันท์ ลูกชายลูกชายของนายชาคริต สิริอิสสระนันท์ อายุ 75 ปี โค้ชนักกีฬาวิ่งมาราธอน หนึ่งในผู้เสียชีวิต ระบุว่า ภายในรถคันดังกล่าว น้องสาวของตนเองเป็นผู้ขับขี่ และบิดานั่งที่เบาะหน้าข้างคนขับรถ ส่วนเบาะหลังคือลูกศิษย์ ของบิดาตนเอง ที่ทั้งหมดอยู่ระหว่างการเดินทางจะไปวิ่งที่พุทธมณฑล แต่มาเกิดเหตุก่อน และในวันนี้ตนเองเดินทางมาที่ สน.ภาษีเจริญ อีกครั้ง เพื่อขอดูรายละเอียดทางสำนวนคดีและจะขอดูกล้องวงจรปิดทั้งในที่เกิดเหตุ และกล้องหน้ารถของทั้ง2คันด้วย
โดยเมื่อวานมีโอกาสเจอ ร้อยตำรวจเอกภาณุรักษ์ อีกครั้งขณะไปติดต่อรับศพคุณพ่อ ที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งร้อยตำรวจเอกภาณุรักษ์ มีท่าทีโศกเศร้าเสียใจ พร้อมกับกล่าวขอโทษและบอกว่ายินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง ซึ่งตนเองส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไรเพราะเห็นว่ามีท่าทีสำนึกผิด ถ้าหากเป็นตัวเองก็จะเเสดงความรับผิดชอบเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องข้อหาทราบคร่าวๆว่ามีการแจ้งข้อหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งในส่วนของผลแอลกอฮอล์ ก็มีทางตำรวจติดต่อมาชี้แจงเมื่อเข้าว่าผลตรวจคือ 80 ไม่ใช่ 44 ตามที่มีการเสนอข่าวของสื่อ คาดส่าสิ่อน่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อนเพราะมีการตรวจซ้ำ 2 ครั้ง แต่ยืนยันว่าเป็น 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และมีการแจ้งข้อหาเมาแล้วขับไปแล้ว ซึ่งส่วนนี้ตนเองก็จะขอรอดูเอกสารเพื่อความสบายใจอีกครั้ง
Advertisement