ออกหมายจับ หนุ่มแทงเมียดับคารถกระบะ - เพื่อนคนตายคาดปมง้อไม่สำเร็จ

เมื่อคืนที่ผ่านมา ร้อยเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคูคต จังหวัดปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกแทงเสียชีวิตอยู่ภายในรถกระบะ ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ จอดที่หน้าคลินิกเวชกรรม ถนนพระองค์เจ้าสาย หมู่ 5 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานีและท้ายรถพบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย คือนางสาววราภรณ์ อยู่ร่วม หรือใหม่ อายุ 29 ปี สภาพศพถูกแทงด้วยมีดเข้าที่ใต้ราวนมด้านซ้าย 1 แผล

วันที่ 17 ต.ค. 61 พยาบาลของคลินิกเวชกรรมฯ เผยว่า มีหญิงสูงวัย ขับรถกระบะมาจอดที่หน้าคลินิกและมีหญิงสาว วิ่งเข้ามาที่คลินิกพร้อมบอกว่า ขอให้ช่วยไปห้ามเลือดให้คนเจ็บที่ถูกรถชนมา อยู่บนรถ พยาบาลจึงวิ่งออกไป แต่กลับพบว่าผู้บาดเจ็บมีบาดแผลถูกแทงและหายใจรวยริน จึงแนะนำให้ไปส่งที่โรงพยาบาล เพราะมีอุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์ครบกว่า ซึ่งขณะนั้น ผู้ชายขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่บริเวณท้ายรถกระบะ ก่อนจะไปพูดคุยกับหญิงสูงวัยที่ขับกระบะมา จากนั้นทั้งหมดก็หายไป ปล่อยทิ้งให้คนเจ็บเสียชีวิตอยู่ที่ท้ายรถกระบะ ในการสืบสวนของตำรวจ ทราบมาว่าผู้ตายถูกแทงภายในหมู่บ้านอยู่เจริญ ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านเพื่อนของผู้ตาย

พันตำรวจเอกวรพันธ์ พิสุทธานนท์ ผู้กำกับการหัวหน้าพนักงานสอบสวนสภ.คูคต กล่าวว่า ตำรวจออกหมายจับนายทรงสิทธิ์ โอสถ หรือป๊อก,นายเสือ อายุ 32 ปี ผู้ก่อเหตุแล้วใน 2 ข้อหา คือฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และพกพาอาวุธมีดในที่สาธารณะ พร้อมสนธิกำลังกับตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ออกติดตามตัวคนร้าย

ทั้งนี้ นางสาวศิริมาศ หรือปุ้ย เพื่อนสาวของน.ส. วราภรณ์ รวมอยู่ ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ผู้ตายมาขอพักอาศัยอยู่ด้วยมาแล้ว 4 วัน เพราะถูกแฟนหนุ่มซ้อมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ มีร่องรอยฟกช้ำไปทั่ว สาเหตุจากเรื่องหึงหวงและเรื่องส่วนตัวในเรื่องเก่า ๆ ซึ่งวันเกิดเหตุ ฝ่ายชายมาง้อขอคืนดีกับเพื่อนของตน แต่เพื่อนตนเองไม่ยอมกลับ จากนั้นจึงมีปากเสียงทะเลาะดึงกัน จังหวะนั้นนายป๊อกคว้ามีดพก ที่เหน็บมากับกางเกงออกมาแทงเข้าที่ลำตัวเพื่อน 1 ครั้งจนล้มฟุบลง โดย นายป๊อกบอกให้ลุกขึ้น แต่เพื่อนไม่สามารถลุกขึ้นได้แล้ว และมีเลือดออก จึงตกใจและช่วยกันพยุงตัวขึ้น โดยนายป๊อกแฟนหนุ่มก็ช่วยกันอุ้มขึ้นท้ายกระบะ และรีบพาส่งโรงพยาบาล แต่พบว่ามีคลินิกใกล้ ๆ บ้าน จึงแวะเพื่อให้หมอช่วยเบื้องต้น แต่ไม่คิดว่าเพื่อนเสียชีวิตแล้ว ก่อนที่นายทรงสิทธิ์จะหลบหนีไป